บทที่ 202 ดูแลนาง

สีหน้าฮูหยินเนี่ยแข็งค้างไปเล็กน้อย รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมา แต่ไม่นานนักฮูหยินเนี่ยก็สงบใจลงได้

เนี่ยเฟิ่งหลินต้องพูดจาเหลวไหลเป็นแน่แท้

หากเนี่ยหย่วนเฉียวมีความสามารถขนาดนั้นจริง ทำไมไม่มาแก้แค้นนางโดยตรงเลยล่ะ?

เนี่ยเฟิ่งหลินกล่าวต่อ “เรื่องที่สองที่เขาเป็นห่วง ก็คือภรรยาที่อยู่ภพนี้ของเขา”

จางซิ่วเอ๋อได้ยินมาถึงตรงนี้แล้วก็เย็นวาบไปทั้งสันหลัง

ไม่ว่าเนี่ยเฟิ่งหลินจะฝันถึงตัวเองจริงหรือไม่จริง แต่ที่นางบอกว่าเนี่ยหย่วนเฉียวเป็นห่วงตนนั้นช่างน่าขนลุกเหลือเกิน

นางในตอนนี้ไม่ขอออกความเห็นในเรื่องของผีสาง และไม่ถึงขั้นหวาดกลัว แต่ไม่ว่าจะฟังอย่างไรประโยคนี้ก็เหมือนจะเป็นการเกริ่นนำว่าให้นางลงไปตายเป็นเพื่อน

ชีวิตสวยงามของนางเพิ่งจะเริ่มต้น ทำไมต้องถูกฝังเป็นเพื่อนของไอ้ขี้โรคด้วย?

นางเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง รู้ว่าความตายนั้นเจ็บปวดขนาดไหน ความรู้สึกที่คว้าอะไรไว้ไม่ได้สักอย่าง เหมือนตัวเองกำลังจะสลายหายไป ช่างน่ากลัวจริง ๆ

หากใช้ชีวิตอยู่จนพอใจแล้ว จะตายก็ตายเถอะ

แต่นางยังใช้ชีวิตไม่พอ ชาติที่แล้วนางมีความเสียใจที่ต้องตายมาแล้ว ชาตินี้ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องพยายามมีชีวิตต่อไปให้ได้

ต่อให้ต้องใช้ชีวิตเหมือนต้นหญ้าริมทางนางก็ต้องมีชีวิตต่อไป นางไม่ต้องการเป็นหินหยกที่ถูกนำลงโลงเพื่อฝังเป็นเพื่อนใคร!

ฮูหยินเนี่ยได้ยินแล้วหัวเราะออกมา “ถ้าเป็นเรื่องนั้นก็ง่ายนิดเดียว ข้าส่งนังเด็กนี่ไปฝังเป็นเพื่อนเขาก็จบ”

จางซิ่วเอ๋อมองฮูหยินเนี่ยและเนี่ยเฟิ่งหลินด้วยดวงตาแดงก่ำ เพียงเพราะเป็นตระกูลใหญ่ก็ทำเหมือนชีวิตคนเป็นผักปลาได้งั้นหรือ?

ไหนจะไอ้ขี้โรคนั่นอีก ตัวเองไร้ประโยชน์จนตายไปเองแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนางด้วย?

นางเห็นค่าชีวิตนี้ที่ได้มาด้วยความยากลำบาก ไม่มีทางอยากตายเพราะเหตุผลนี้หรอก

ในตอนที่จางซิ่วเอ๋อเริ่มจะทนไม่ไหว คิดจะลุกขึ้นสู้ เนี่ยเฟิ่งหลินก็เอ่ยขึ้น “ฮูหยินหรู ดูเหมือนเจ้าจะเข้าใจสิ่งที่ข้าต้องการสื่อผิดนะ หย่วนเฉียวไม่ได้ต้องการให้จับแม่หนูนี่ฝังเป็นเพื่อนเขา เขาน่ะ หวังว่าแม่หนูนี่จะมีชีวิตที่ดี แค่เผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้เขาบ้างเป็นครั้งคราวก็พอแล้ว”

“ถ้าต้องการกระดาษเงินกระดาษทอง ที่จวนเรามีคนเผาให้ทุกวัน ทำไมต้องใช้นังเด็กนี่ด้วย? ข้าว่าส่งนังเด็กนี่ไปภพหน้าด้วยจะดีกว่า” ฮูหยินเนี่ยมองจางซิ่วเอ๋ออย่างพิจารณา สายตาประหนึ่งกำลังมองคนที่ตายไปแล้ว

“อย่างไรซะแม่หนูนี่ก็เป็นภรรยาของหย่วนเฉียว เรื่องแบบนี้ไม่รบกวนให้เจ้าตัดสินใจแล้วกัน” แม้ว่าน้ำเสียงของเนี่ยเฟิ่งหลินนั้นราบเรียบ แต่กลับแฝงไว้ด้วยความไม่อนุญาตให้โต้แย้ง

จางซิ่วเอ๋อฟังมาถึงนี่กระพริบตาปริบ ๆ เมื่อครู่เหมือนนางจะเข้าใจเนี่ยเฟิ่งหลินผิด

ว่าแล้วว่าเนี่ยเฟิ่งหลินไม่ใช่คนแบบฮูหยินเนี่ย จะไปโหดเหี้ยมอำมหิตเหมือนอย่างฮูหยินเนี่ยได้อย่างไรกันเล่า?

“ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อมาหาแม่หนูคนนี้ ในเมื่อตอนนี้ข้าได้เจอแล้วเรื่องก็ง่าย ข้าจะพาตัวนางไปเดี๋ยวนี้” เนี่ยเฟิ่งหลินเอ่ยต่อ

ฮูหยินเนี่ยฟังมาถึงนี่ก็มีสีหน้าไม่สบอารมณ์ “เฟิ่งหลิน ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นถึงมารดาของหย่วนเฉียว เรื่องของจางซิ่วเอ๋อข้าสมควรจะเป็นคนจัดการ ตอนนี้เจ้าพาตัวนางไปมันใช่เรื่องเหรอ?”

เนี่ยเฟิ่งหลินหรี่ตาคู่งาม สีหน้าฉายแววตักเตือน “เจ้าระวังฐานะตัวเองไว้จะดีกว่านะ มารดาของหย่วนเฉียวมีผู้อื่นอยู่แล้ว”

ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อมั่นใจได้อย่างสิ้นเชิงแล้วว่าเนี่ยหย่วนเฉียวไม่ใช่ลูกชายแท้ ๆ ของฮูหยินเนี่ย

จางซิ่วเอ๋อรำพึงในใจตัวเอง ในเมื่อไม่ใช่ลูกแท้ ๆ เช่นนั้นลับลมคมในคงจะเยอะน่าดู

เรื่องโสมมของตระกูลใหญ่ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองเข้าใจได้ สำหรับนางแล้ว ที่เนี่ยหย่วนเฉียวกลายเป็นคนขี้โรค ไม่แน่อาจจะเป็นผลจากการกระทำของฮูหยินเนี่ยก็เป็นได้

พอคิดได้แบบนี้ เนี่ยหย่วนเฉียวก็ดูน่าสงสารขึ้นมานิดหน่อย

จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียงในใจตัวเอง น่าสงสารอะไรกัน ตัวเองไม่จำเป็นต้องไปสงสารเนี่ยหย่วนเฉียวเลยสักนิด!

ตัวนางเองสิเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด!

นี่มันเหมือนเป็นภัยที่ร่วงจากฟ้า ไร้ต้นสายปลายเหตุสิ้นดี!

สีหน้าของฮูหยินเนี่ยย่ำแย่ขึ้นมา “เฟิ่งหลิน!”

“หืม? หรือเจ้าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ข้าพูด ถ้าอย่างนั้นก็ดี เราไปคุยกับพี่ชายให้รู้เรื่องตอนนี้เลย” เนี่ยเฟิ่งหลินอ้างนายท่านเนี่ยออกมาอีกครั้ง

ฮูหยินเนี่ยกัดฟันกรอดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ข้าแค่รู้สึกว่าเจ้าเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือน มาจัดการเรื่องเช่นนี้ดูจะไม่เหมาะเท่าไหร่”

คำพูดนี้เหมือนจะหวังดีกับจางซิ่วเอ๋อ แต่หากฟังดูดี ๆ ไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกไม่ดีนัก เนี่ยเฟิ่งหลินอายุขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมแต่งงาน ต้องมีความในที่ไม่อาจบอกใครได้อย่างแน่นอน

แม้แต่บุตรีคนโตของตระกูลที่อายุน้อยกว่าเนี่ยเฟิ่งหลินไม่รู้ตั้งเท่าไรก็ถูกคนมากมายครหาเพราะเรื่องที่ยังไม่แต่งงานอยู่

แล้วเนี่ยเฟิ่งหลินล่ะจะโดนขนาดไหน?

ฮูหยินเนี่ยกำลังเอาคืนเนี่ยเฟิ่งหลินอยู่!

ทว่าเนี่ยเฟิ่งหลินกลับดูไม่คิดมากกับเรื่องนี้นัก นางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “แม้ว่าข้าจะยังไม่แต่งงาน แต่จะถือว่ายังไม่ออกเรือนไม่ได้หรอกนะ บัดนี้ข้าออกไปตั้งตัวเองแล้ว เฉกเช่นเดียวกับพี่ชาย เรื่องแบบนี้ข้าย่อมจัดการได้”

“อีกอย่าง หย่วนเฉียวอุตส่าห์เข้าฝันมาฝากฝังข้าไว้ หากเรื่องนี้ข้าทำออกมาไม่ดี จะเป็นการผิดต่อความเชื่อใจที่หย่วนเฉียวมีให้ข้า” เนี่ยเฟิ่งหลินกล่าวขึ้นโดยไม่อนุญาตให้แย้ง

ฮูหยินเนี่ยกัดฟัน “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหย่วนเฉียวได้เข้าฝันเจ้าจริงหรือไม่”

“หรือคนเป็นอาอย่างข้าจะกระทำเรื่องไม่ดีต่อหย่วนเฉียวในนามของหย่วนเฉียวได้? หย่วนเฉียวชอบแม่หนูนี่ สั่งว่าแม่หนูนี่จะต้องมีชีวิตที่ดี ข้าในฐานะอาย่อมต้องปกป้องแม่หนูนี่อยู่แล้ว” เนี่ยเฟิ่งหลินกล่าวเสียงก้อง

“แต่….” ฮูหยินเนี่ยยังต้องการพูดอะไรบางอย่าง

“เรื่องเช่นนี้เชื่อว่ามีดีกว่าไม่มี ส่วนด้านพี่ชาย ข้าจะเป็นคนไปบอกกล่าวเอง” เนี่ยเฟิ่งหลินไม่ให้โอกาสฮูหยินเนี่ยพูดเลยสักนิด

พูดจบ เนี่ยเฟิ่งหลินก็มองจางซิ่วเอ๋อด้วยสายตาอ่อนโยน “ซิ่วเอ๋อ เจ้าลุกไหวอยู่ไหม?”

จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า ตอนนี้มีต้นไม้ใหญ่อย่างเนี่ยเฟิ่งหลินให้เกาะ ไม่ว่าเนี่ยเฟิ่งหลินมีเป้าหมายใด ขอเพียงให้นางได้รอดพ้นจากเงื้อมมือปีศาจของฮูหยินเนี่ย นางก็จะไม่ยอมแพ้!

“ในเมื่อเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าจะพาตัวเจ้าไปเอง หากวันหน้ายังมีคนตระกูลเนี่ยคนไหนมีตาหามีแววไม่บังอาจไปหาเรื่องเจ้า ข้าไม่ยอมปล่อยนางไว้แน่” เนี่ยเฟิ่งหลินกล่าว ราวกับต้องการเตือนใครบางคน

เห็นได้ชัดมากว่าแม้เนี่ยเฟิ่งหลินไม่ได้เอ่ยเจาะจงชื่อ แต่คนสติดีที่ไหนก็ฟังออกว่าเนี่ยเฟิ่งหลินกำลังพูดกระทบฮูหยินเนี่ยอยู่

จางซิ่วเอ๋อกล้ำกลืนความเจ็บปวดไว้ เดินตามเนี่ยเฟิ่งหลินออกไปข้างนอก

ฮูหยินเนี่ยมองเนี่ยเฟิ่งหลินพานางออกไปด้วยสีหน้าเขียวปี๋ เนี่ยเฟิ่งหลินผู้นี้ไม่เห็นนางอยู่ในสายตาจริง ๆ!

นางคิดไม่ถึงว่าหลังจากเนี่ยเฟิ่งหลินหาเรื่องไปสารพัดแล้ว เป้าหมายของนางจะเป็นจางซิ่วเอ๋อ

เดิมทีนางแค่รู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อเป็นตัวละครเล็ก ๆ ที่จะมีหรือไม่มีก็ไม่ต่างกัน ตายไปก็ดีจะได้ไม่ต้องหงุดหงิด และได้ลบหลู่เนี่ยหย่วนเฉียวด้วย นางกลับคิดไม่ถึงเลยว่าเนี่ยเฟิ่งหลินจะกระโดดออกมายุ่งเรื่องนี้

เมื่อเป็นเช่นนี้ ฮูหยินเนี่ยจำต้องมองจางซิ่วเอ๋อผู้นี้เสียใหม่

ชุนอวี้ขัดการตรึกตรองของฮูหยินเนี่ย “ฮูหยินเจ้าคะ เราจะปล่อยให้จางซิ่วเอ๋อถูกพาตัวไปแบบนี้เหรอเจ้าคะ?”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

น้องซิ่วเอ๋อรอดแล้วจ้า มีคนช่วยหนุนแล้ว

ไหหม่า(海馬)