“พวกแกกำลังมองหาฉันอยู่ใช่ไหม?”

หลังจากเสียงอันเย็นชาดังขึ้น กลุ่มคนทั้งหกก็อุทานขึ้นแทบจะพร้อมๆ กันด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก

“ใครกัน!”

“นี่มันไอ้เจ้าหนุ่มคนนั้นนี่นา!”

“มันมาโผล่ข้างหลังเราได้ยังไง?”

พวกเขาทั้งตกใจกลัวและโกรธ พวกเขาไม่รู้จริงๆ ว่าอีกฝ่ายโผล่มาอยู่ข้างหลังพวกเขาแบบนี้ได้ยังไง

ซอยนี้มันเป็นแค่ซอยแคบๆ ไม่มีที่ตรงไหนให้ซ่อนตัวได้ เป็นไปได้ไหมที่อีกฝ่ายจะบินได้?

“พูดมา ใครส่งพวกแกมาติดตามฉัน ไม่งั้นวันนี้พวกแกไม่ตายสบายแน่”

อวี้ฮ่าวหรานค่อยๆ เดินเข้าหากลุ่มคนฝั่งตรงข้ามโดยไม่สนใจว่าฝั่งตรงข้ามจะมีกันกี่คนหรือซ่อนอาวุธอะไรไว้ในตัว

คนเหล่านี้ตามเขาอย่างลับๆ ล่อๆ มาตั้งแต่ใจกลางเมืองจนมาถึงตรงนี้ ทำให้เขาแน่ใจว่าคนพวกนี้ไม่มีเจตนาดีกับตัวเองแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปล่อยพวกนี้เอาไว้ได้อีกต่อไปเพื่อความปลอดภัยต่อคนรอบข้าง

อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนปริศนาตื่นตระหนกอยู่เพียงครู่เดียวเท่านั้น จากนั้นพวกเขาก็แกล้งตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่ชี้

“อย่าพูดเหลวไหล! พวกฉันไม่ได้ตามแกสักหน่อย พวกฉันแค่บังเอิญผ่านมาก็เท่านั้น”

“ใช่ ที่แกมาหยุดพวกเราเอาไว้ตรงนี้ แสดงว่าต้องการจะมีเรื่องรึไง?”

อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำแก้ตัวโง่ๆ แบบนี้ คนพวกนี้คิดว่าเขาเป็นคนปัญญาอ่อนงั้นเหรอไง?

เมื่อครู่พวกมันยังบ่นหาเขาอยู่เลย แต่ตอนนี้พวกมันกลับบอกว่าแค่เดินผ่านมาเนี่ยนะ? แล้วไอ้บ้าที่ไหนอยากจะเข้ามาเดินเล่นในซอยตันมืดๆ ที่ไม่มีอะไรเลยในช่วงเวลากลางดึกแบบนี้?

“หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว ถ้าวันนี้พวกแกไม่ยอมคายออกมาว่าใครเป็นคนสั่งพวกแก ฉันจะทำให้พวกแกต้องอ้อนวอนขอความตายจากฉัน!”

เมื่อพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานเอาตัวบังทางออกจากซอยจนมิดเพื่อแสดงว่าเขาจะไม่ยอมให้ใครหนีออกไปแน่นอน

“แก!”

หัวหน้ากลุ่มคนปริศนาตวาดลั่นด้วยสีหน้าเย็นชา เขาไม่นึกเลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะกล้าถึงขนาดขวางทางพวกเขาเอาไว้

แต่ก่อนที่เขาจะพูดต่อ ลูกน้องของเขาก็ตะคอกออกไปก่อน

“ไอ้เวรเอ๊ย นี่แกโง่รึไง? แหกตาดูบ้างว่าพวกฉันมีกันกี่คน! แกขวางทางพวกฉันแบบนี้ไม่กลัวโดนกระทืบตายรึไง?”

“ฮึ่ม! สงสัยต้องหักขามันสักท่อนเพื่อเป็นการสั่งสอนสักหน่อย!”

ในสายตาของพวกเขา อวี้ฮ่าวหรานไม่ต่างอะไรกับคนโง่ที่คงคิดว่าพวกเขาไม่กล้าทำอะไรรุนแรง ไม่งั้นคนบ้าที่ไหนมันจะกล้ามาขวางทางพวกเขาที่มีกันถึง 6 คน?

ในทางกลับกันเมื่อเผชิญกับฉากนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็ยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน

มดแมลง 6 ตัวนี้คิดจะใช้จำนวนขู่เขางั้นเหรอ?

อวี้ฮ่าวหรานพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา จากนั้นเขาค่อยๆ เดินเข้าไปหากลุ่มคนทั้ง 6 โดยไม่สนใจอีกแล้วว่าฝั่งตรงข้ามจะพูดจาไร้สาระอะไรต่อ

แน่นอนว่ากลุ่มคนทั้ง 6 แสดงสีหน้าตกตะลึงทันทีเมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างไม่เกรงกลัว ….พวกเขาไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน!

“ดี! ในเมื่อแกเบื่อชีวิตของแกนักพวกฉันจะสนองแกสักหน่อย! ไปพวกเรา! เอามันให้ตาย!”

ชายที่เป็นผู้นำโบกมือสั่งลูกน้องของตัวเองให้พุ่งเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม

หลังจากได้รับคำสั่งจากลูกพี่ของตัวเอง บรรดานักเลงทุกคนก็ควักมีดที่ซ่อนอยู่ออกมาและพุ่งไปหาอวี้ฮ่าวหรานทันที!

“ฮึ่ม ฉันขอฟันหน้าแกสักทีก่อนก็แล้วกัน!”

อวี้ฮ่าวหรานที่กำลังเดินเข้าไปหากลุ่มคนทั้ง 6 เมื่อเห็นว่ามดแมลงเหล่านี้พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างโง่เขลา เขาก็หัวเราะอย่างขบขัน

“หึหึ มดแมลงอย่างพวกแกนี่มันรนหาที่ตายจริงๆ!”

ปัง!!

จู่ๆ เสียงดังสนั่นที่คล้ายกับเสียงระเบิดดังขึ้นกลางซอยเปลี่ยวที่ควรจะเงียบสงัดในยามค่ำคืน

ด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าฟาด อวี้ฮ่าวหรานพุ่งเข้าไปหาชายฉกรรจ์ที่อยู่ใกล้เขาที่สุด จากนั้นเขาปล่อยหมัดใส่กลางอกของฝั่งตรงข้ามไปเต็มแรงจนร่างของอีกฝ่ายกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงอย่างรุนแรงจนกำแพงร้าว!!

ด้วยความรุนแรงของหมัด แน่นอนว่าไม่มีร่างของคนธรรมดาที่ไหนจะทานทนได้ ชายฉกรรจ์คนแรกผู้โชคร้ายหมดลมหายใจไปด้วยสภาพน่าสังเวชทันที

“น… นี่แกเป็นตัวอะไร… กันแน่! แกเป็นสัตว์ประหลาดหรือยังไงกัน!”

เมื่อเห็นความเร็วของอวี้ฮ่าวหรานที่พวกเขามองตามไม่ทันและยิ่งไปกว่านั้นสหายของพวกเขาตายไปด้วยหมัดแค่หมัดเดียวของอวี้ฮ่าวหราน บรรดาชายฉกรรจ์ทั้งหลายต่างก็หวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวอีกต่อไป ปากของพวกเขาสั่นจนเริ่มจะพูดไม่เป็นภาษา

ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อฆ่าคนแรกไปเรียบร้อยแล้วเขาก็หันไปจ้องมองคนที่เหลือด้วยสายตาอำมหิต

สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือการที่มีใครก็ไม่รู้มาติดตามดูการเคลื่อนไหวของเขา เพราะมันเท่ากับเป็นการคุกคามความปลอดภัยของหลี่หรงและถวนถวนไปด้วย!

ขณะนี้คนที่เหลืออีกห้าคนไม่มีใครคิดจะสู้กับอวี้ฮ่าวหราน อีกต่อไป พวกเขาค่อยๆ ก้าวถอยหลังด้วยอาการสั่นกลัว!

อวี้ฮ่าวหรานเองก็ไม่ได้รีบร้อน เขาเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ราวกับว่ากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตัวเอง

น่าเสียดายที่พื้นที่ในซอยมันไม่ได้มีมากนัก แค่เดินถอยไปชั่วครู่คนทั้ง 5 ก็หลังชนกำแพงเสียแล้ว

“บัดซบ! ฉันไม่เชื่อว่าแกจะฆ่าพวกฉันได้หมดทุกคนหรอก! ทุกคนลุยเข้าไปพร้อมกันฆ่ามันให้ตาย!”

เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่มีทางถอยแล้วและบวกกับที่ตอนนี้ตัวเองกลัวจนขาดสติ ผู้นำกลุ่มก็พลันตะโกนขึ้นและพุ่งสวนเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานอย่างบ้าคลั่งพร้อมมีดยาว 1 ฟุตในมือ

อย่างไรก็ตามพวกลูกน้องของเขากลับไม่ได้พุ่งตามไปเพราะพวกเขาหวาดกลัวเกินกว่าจะก้าวขาออก

“น่าสนใจๆ”

เมื่อเห็นภาพนี้ แววตาของอวี้ฮ่าวหรานเต็มไปด้วยความดูถูก จากนั้นร่างของเขาก็โผล่พรวดมาอยู่ตรงหน้าของหัวหน้ากลุ่มที่กำลังพุ่งเข้ามาหา

“อ่อก!”

อวี้ฮ่าวหรานคว้าคอฝั่งตรงข้ามพร้อมกับโคจรพลังวิญญาณแล้วระเบิดออกเป็นคลื่นพลังอย่างฉับพลัน ส่งผลให้อีกฝ่ายเป็นอัมพาตไปชั่วคราวจากแรงระเบิดเช่นเดียวกับที่มีดในมือถูกแรงระเบิดพัดหายไปกับความมืด!

บรรดาพวกนักเลงที่เหลือที่ไม่ได้พุ่งตามเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานก็โดนลูกหลงจากแรงระเบิดเหมือนกัน ร่างของพวกเขาต่างกระเด็นกระดอนไปติดกำแพง อวัยวะภายในของพวกเขาได้รับความบอบช้ำกันอย่างหนักจนพวกเขาต่างกระอักเลือดออกมาไม่หยุด

เมื่อเห็นฉากนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขามันไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว พวกเขาไม่มีทางสู้ได้แน่นอน ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาทำได้เพียงอย่างเดียวก็คือต้องคุกเข่าขอชีวิต!

เมื่อคิดได้เช่นนี้พวกนักเลงที่เหลือต่างก็พยายามตะเกียกตะกายขึ้นนั่งคุกเข่าและหมอบหัวลงไปเพื่อแสดงท่าทียอมจำนน

“พ…พวกเรายอมแล้ว โปรดอย่าฆ่าพวกเราเลย!”

“ไหนแกพูดสิ ใครส่งแกมาตามฉัน?” อวี้ฮ่าวหรานบีบคอพร้อมกับเอ่ยถามหัวหน้ากลุ่มด้วยแววตาอำมหิต

หัวหน้ากลุ่มที่สัมผัสความแข็งแกร่งของอวี้ฮ่าวหรานอย่างใกล้ชิดที่สุดตอนนี้ทั้งเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างและทั้งหวาดกลัวอย่างสุดขีดในใจ หัวหน้าของเขาคิดยังไงถึงได้ส่งเขามาเฝ้าติดตามสัตว์ประหลาดแบบนี้ หัวหน้าของเขาอยากให้เขาตายรึไง?

“ผ…ผมพูด! ผมพูดแล้ว! อย่าฆ่าผม! อย่าฆ่าผมเลย!”