บทที่ 137 วิกฤตบริษัทอีกรอบ

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

ผู้นำกลุ่มที่กำลังถูกบีบคออยู่ตื่นตระหนกและรีบขอความเมตตาทันที

“พูดมา!”

ดวงตาของอวี้ฮ่าวหรานเย็นชา เขาไม่เคยสุภาพกับศัตรู!

อันที่จริง ช่วงเวลาหลายหมื่นปีกับการเป็นจักรพรรดิเทพ เขาไม่เคยสุภาพกับใครเลยด้วยซ้ำ แต่พอกลับมาที่โลกมนุษย์ด้านที่อ่อนโยนของเขากลับค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาเรื่อยๆ โดยที่เขาเองก็ประหลาดใจอยู่เหมือนกัน

“ผมบอกแล้วๆ! มันคือหยวนหลง! หยวนหลงสั่งให้เราคอยสืบเรื่องของคุณ!”

“หยวนหลง? มันอยากสืบเรื่องของฉันไปทำไม?” อวี้ฮ่าวหรานถามกลับด้วยสีหน้าเดือดดาล

“ผ…ผมไม่รู้! เขาแค่ขอให้เราตามสืบเรื่องของคุณไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไม”

ภายใต้สายตาที่แสนจะเย็นชาของอวี้ฮ่าวหราน ผู้นำกลุ่มบอกทุกอย่างที่เขารู้อย่างหมดเปลือกไม่กล้าเก็บงำอะไรไว้แม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานยังคงมีเรื่องคาใจบางอย่าง แต่เมื่อถามต่อไปอีกและเห็นว่าอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องอะไรมากไปกว่านี้แล้ว เขาจึงตัดสินใจปล่อยให้คนทั้งห้าที่รอดชีวิตแบกศพเพื่อนตัวเองกลับไปเตือนหยวนหลงว่าอย่ามายุ่งกับเขาอีก

การฆ่าคนทั้งหมดนี้ไปเลยนั้นไม่ได้ประโยชน์อะไร การปล่อยให้คนเหล่านี้เอาความน่ากลัวของเขาไปเล่าต่อมันจะทำให้หยวนหลงเกรงกลัวเขาได้มากกว่า

หลังจากกลับขึ้นรถของตัวเอง อวี้ฮ่าวหรานก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย

ทำไมหยวนหลงต้องให้คนติดตามเขา?

รอบที่แล้วเขายังขู่ฝั่งตรงข้ามไม่พออีกงั้นเหรอ?

หลังจากครุ่นคิดอยู่ได้สักพักก็ยังคิดไม่ออก ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่ถอนหายใจแล้วขับรถกลับคอนโด

ตอนนี้หลี่หรงและถวนถวนน่าจะนอนหลับไปแล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็อุ่นใจเล็กน้อย ถ้าเขาเสียงเบาพอคงไม่ทำให้ใครตื่นแน่ๆ จริงไหม?

“พี่กลับมาแล้วเหรอ ทำไมวันนี้กลับช้าจัง”

โดยไม่คาดคิด ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปด้านใน อวี้ฮ่าวหรานก็พบว่าไฟที่ห้องนั่งเล่นยังคงเปิดอยู่ และหลี่หรงซึ่งนั่งอยู่ที่โซฟาก็หันกลับมาทักเขาอย่างรวดเร็ว

เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะยังไม่หลับ

“อะแฮ่ม คือมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างที่พี่ขับรถกลับบ้านน่ะ”

อวี้ฮ่าวหรานเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วนในระหว่างอธิบาย ซึ่งถ้าพวกนักเลงเมื่อครู่นี้มาเห็นภาพตรงหน้า พวกมันคงตกตะลึงจนตาค้างเป็นแน่!

ชายที่น่ากลัวเหมือนปีศาจจากนรกเมื่อครู่พอกลับถึงบ้านดันกลายร่างเป็นเหมือนแมวตัวน้อยที่กลัวว่าจะถูกเจ้านายตีเพราะออกไปตลอนนอกบ้านมาทั้งวันซะงั้น

“เอ่อ…งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อนนะ”

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกว่าเรื่องคืนนี้มันค่อนข้างอธิบายลำบาก ดังนั้นเพื่อไม่ให้หลี่หรงถามคำถามอะไรต่อไป อวี้ฮ่าวหรานจึงพูดตัดบทอย่างรวดเร็ว

“อืม ถ้าพี่ยังไม่ง่วงและยังหิวอยู่ พี่จะกินข้าวก่อนก็ได้ ยังมีผัดผักกับหมูทอดที่ฉันเก็บเอาไว้ให้อยู่ในครัว พี่ก็ไปอุ่นเอาเองแต่พอกินเสร็จพี่ล้างจานด้วยก็แล้วกัน ฉันไปนอนก่อนล่ะ” เมื่อพูดจบ หลี่หรงก็ปิดทีวีและลุกขึ้นเตรียมจะเดินกลับเข้าไปในห้องของเธอเอง

“อืม เธอไปนอนเถอะไม่ต้องห่วงพี่”

อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย และถามตัวเองว่าความสุขคืออะไร?

กลับมาดึกแค่ไหนก็ยังมีคนในครอบครัวของคุณกลัวว่าคุณจะหิวหรือเป็นอันตราย

ช่วงชีวิตที่ผ่านมาหลายหมื่นปีในดินแดนแห่งเทพ เขาไม่เคยได้รับอะไรแบบนี้เลย การที่เขาได้กลับมามีอะไรแบบนี้อีกมันยิ่งทำให้เขารู้สึกหวงแหนชีวิตของเขาเองที่เป็นแบบนี้มากขึ้นไปอีก

สองสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในออฟฟิศของอวี้ฮ่าวหราน

“สถานการณ์ของบริษัทช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง? โดยเฉพาะปัญหาขาดแคลนบุคลากรในแผนกวิจัยและออกแบบตอนนี้คลี่คลายลงบ้างแล้วรึยัง?”

ตามปกติ อวี้ฮ่าวหรานเริ่มสอบถามเกี่ยวกับความเป็นไปในบริษัท

“ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ตามวิธีการคัดเลือกคนของท่านประธาน มันทำให้บริษัทของเรามีวิศวกรหน้าใหม่ที่มีความสามารถเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคน”

ผู้จัดการหวังรายงานกลับอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเบิกบาน

“แม้ว่าวิศวกรที่เข้ามาใหม่จะไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อน แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์โดยรวมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ผลงานของพวกเขาถือว่าดีกว่าวิศวกรเดิมที่เจิ้งเหวยกัวเอาตัวไปซะอีก ดังนั้นมันจึงนับได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นถูกควบคุมเอาไว้ได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว”

“ดี เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว!”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อได้ยินรายงาน

“ผู้จัดการหวัง คุณทำหน้าที่ของคุณได้ดีมาก เอาเป็นว่าเดี๋ยวเดือนหน้าผมจะพิจารณาปรับเงินเดือนให้คุณเพิ่มขึ้นสักหน่อย”

“ท่านประธาน ทั้งหมดนี้มันเป็นหน้าที่ๆ ผมควรทำอยู่แล้ว สำหรับผม ผมต้องการเพียงแค่ทำให้บริษัทของเราก้าวหน้ามากขึ้นกว่าเดิมและทำให้ท่านประธานพอใจ ส่วนเรื่องเงินเดือนผมไม่ได้คิดอะไรถึงมันมากมายเพราะทุกวันนี้ท่านประธานก็จ่ายให้ผมมากเพียงพอจนอยู่ได้สบายอยู่แล้ว ผมไม่กล้าขออะไรมากไปกว่านี้แล้วจริงๆ”

ผู้จัดการหวังตอบกลับอย่างถามตัว แต่สีหน้าของเขากลับดูปลื้มใจที่ประธานชมเขา

ก่อนหน้านี้อวี้ฮ่าวหรานก็ขึ้นเงินเดือนให้เขาหลายครั้งแล้ว และไม่ต้องพูดถึงที่ตอนนี้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจที่แทบจะไม่มีใครในบริษัทกล้าเถียง

ภายใต้สิทธิพิเศษมากขนาดนี้ เขาจะกล้าขอขึ้นค่าแรงพร่ำเพรื่ออีกได้ยังไง?

แต่อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจต่อคำพูดถ่อมตัวของฝั่งตรงข้าม

“ไม่ต้องคิดมาก ผมแค่อยากให้ทุกคนในบริษัทรู้ว่าตราบใดที่พวกเขาสร้างผลงานให้กับบริษัท ผมเองก็จะตอบแทนทุกคนอย่างเป็นธรรมเหมือนกัน”

คำพูดนี้ฟังดูจริงใจมากจนผู้จัดการหวังกำหมัดแน่น

เจ้านายดีๆ แบบนี้จะไปหาได้จากที่ไหนอีกในปัจจุบันนี้!

“จริงสิท่านประธาน มีอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากที่ผมจำเป็นต้องรายงานให้ท่านประธานทราบ แผนกวิจัยและออกแบบเพิ่งสังเกตเห็นปัญหานี้ก็วันนี้นี่เอง”

“พูดมา” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับ

“มันยังคงเป็นเจิ้งเหวยกัว ไม่เพียงแต่เขาจะดึงตัววิศวกรของเราไปหลายคนจนทำให้บริษัทของเราวุ่นวายไปหลายวัน แต่พวกเราเพิ่งตรวจพบว่าเขายังลักลอบขโมยวัตถุดิบของเราไปเป็นจำนวนมากพร้อมกับข้อมูลแบบร่างผลิตภัณฑ์ของบริษัทเราออกไปอีกด้วย!”

“ข้อมูลเหล่านั้นล้วนเป็นข้อมูลทางเทคนิคที่สำคัญอย่างยิ่ง แม้ว่าเราจะมีข้อมูลสำรองเหลืออยู่ แต่ในอุตสาหกรรมนี้ ข้อมูลทางเทคนิคของแบบร่างมันคือข้อมูลลับสุดยอดของทุกบริษัท หากบริษัทอื่นๆ ได้ไปมันจะหมายความถึงว่าบริษัทเหล่านั้นจะสามารถผลิตสินค้าได้เหมือนเราแบบไม่มีผิดเพี้ยนเลย!”

ยิ่งผู้จัดการหวังพูดมากเท่าไหร่ สีหน้าของเขาก็ยิ่งเคร่งเครียดมากขึ้นเท่านั้น

“งั้นก็สรุปว่าผลที่ตามมาของเรื่องนี้ร้ายแรงยิ่งกว่าเรื่องที่ไอ้แก่นั่นดึงวิศวกรของเราออกไปงั้นสินะ?”

อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้ว เจิ้งเหวยกัว… รอบนี้ทำได้แสบมากจริง ๆ

ผู้จัดการหวังพยักหน้าและตอบกลับทันที “ร้ายแรงมากครับท่านประธาน! ทั้งวัตถุดิบและแบบร่างที่ถูกขโมยไป เมื่อเอามารวมกันมันหมายความว่าบริษัทที่เจิ้งเหวยกัวเอาไปมอบให้จะกลายเป็นฝั่งได้เปรียบเราทันที”

อวี้ฮ่าวหรานพ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิดก่อนจะถามขึ้นต่อ “ถ้าผมจำไม่ผิดคุณพูดว่า เจิ้งเหวยกัวออกไปเข้าร่วมกับบริษัทซานมูใช่ไหม?”

อวี้ฮ่าวหรานยืนขึ้น เขาตัดสินใจว่าเขาไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆ ให้ฝั่งตรงข้ามเอาแต่เล่นงานเขาแบบนี้อยู่ฝ่ายเดียวได้อีกแล้ว

“บอกที่อยู่ของบริษัทนั้นมาให้ผมที!”

“ได้ครับท่านประธาน!”

เมื่อผู้จัดการหวังเห็นแววตาที่แน่วแน่ของอวี้ฮ่าวหราน เขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อมากมาย เขามั่นใจว่าหลังจากนี้เจ้านายของเขาจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างหมดจดแน่นอน ดังนั้นเขาจึงส่งข้อมูลที่อยู่ให้กับอวี้ฮ่าวหรานทันที

ก่อนออกไปจากห้อง อวี้ฮ่าวหรานหันกลับมาและพูดว่า “คุณช่วยโทรไปแจ้งตำรวจให้ตามผมไปที่นั่นด้วย เรื่องนี้มันผิดกฎหมาย วันนี้ผมจะลากคอเจิ้งเหวยกัวและทุกคนที่เกี่ยวข้องเข้าคุกให้หมด!”

เมื่อพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็เดินออกจากบริษัทไปอย่างรวดเร็วเพื่อขับรถมุ่งหน้าไปที่บริษัทซานมู