หานเฟิงฉีกยิ้ม พูดว่า “เมื่อไรฉันจะเหาะได้บ้างนะ เฮ้อ ช่างเถอะ เจ้าดำ ถึงวันนี้แกจะก้าวร้าว แต่ฉันไม่จู้จี้กับแกแล้ว”

หานเฟิงทำเป็นสะบัดหมัดใส่เจ้าดำ สองสามที จากนั้นเตรียมจะกลับไปพักผ่อนที่ห้อง

ขณะนั้น มีใครบางคนวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว

“ศิษย์พี่สาม”

หานเฟิงพูดอย่างตกใจ เห็นฉู่สิงสภาพน่าเวทนาเป็นอย่างมาก เสื้อผ้าขาดเป็นรูทั้งตัว เหมือนโดนคนนับไม่ถ้วน ใช้กระบี่โจมตีใส่

“เกิดอะไรขึ้น ศิษย์พี่รองล่ะครับ”

หานเฟิงพูดออกมา แล้วรีบเดินเข้าไป

ฉู่สิงพูดว่า “อย่ามัวพูดไร้สาระ เก็บขวานให้ดีก่อน นายเอากระบี่ ไปบนเขากับฉัน เร็ว ให้ตายเถอะ เราโดนคนของคณะนานาล้อมไว้ ฉันหนีกลับมา ฉู่เทียนยังอยู่บนเขาอยู่เลย”

หานเฟิงรีบรับขวานที่ฉู่สิงส่งให้ จากนั้นโยนเข้าไปในห้องตัวเอง

ดึงกระบี่ฟ้าครามออกมาจากด้านหลัง หานเฟิงพูดเสียงดังว่า “ไอ้ฉิบหาย กล้าแตะต้องศิษย์พี่รองฉัน ถามฉันหรือยัง ไป!”

ลู่ฝานได้ยินทั้งสองคุยกันด้านนอก เขาขมวดคิ้วเบาๆ ปิดหนังสือลง เปิดประตูแล้วพูดว่า “ผมไปด้วย อย่างน้อยก็ได้ช่วย”

หานเฟิง ฉู่สิง อึ้งไปในตอนแรก

ทั้งสองก้มหน้าลง เห็นว่าไม่มีหนังสือในมือลู่ฝานแล้ว หานเฟิงหัวเราะแล้วพูดว่า “ฮ่าๆ ศิษย์น้องลู่ฝาน ในที่สุดนายก็อ่านจบแล้ว ไปๆ ถือโอกาสให้ฉันได้เห็น ผลของการที่นายฝึกฝนมาสองสามเดือน”

ฉู่สิงสีหน้ากังวล เขากังวลเรื่องวิทยายุทธของลู่ฝาน จึงพูดว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน อีกฝ่ายเป็นหัวกะทิของคณะนานาเชียวนะ อย่างน้อยอยู่ในระดับแดนปราณในชั้นห้า ขึ้นไป นายไม่มีปัญหาใช่ไหม”

ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “ไม่มีปัญหาครับ ช่วงนี้อ่านหนังสือจนเหนื่อยพอดี ควรฝึกฝนฝีมือสักหน่อย”

ลู่ฝานหยิบกระบี่หนัก ที่วางอยู่ข้างประตูขึ้นมา แววตาของเขาเฉียบคม

หานเฟิงหัวเราะ แล้วพูดว่า “ศิษย์น้องโหดเหี้ยมจริงๆ ฉันชอบคำนี้นะ ศิษย์พี่สาม มัวคิดอะไรอีกล่ะ รีบไปกันเถอะ ถ้าช้าแล้วเกิดอะไรกับศิษย์พี่รอง จะทำยังไง เจ้าดำ แกเฝ้าบ้านให้ดีล่ะ”

หานเฟิงฉีกยิ้มให้เจ้าดำ แต่เจ้าดำกลับกลอกตามองบนใส่หานเฟิง

ฉู่สิงพยักหน้าหงึกหงัก ทั้งสามรีบมุ่งหน้าไปบนเขา

เทือกฉิงเทียน ยาวเป็นหมื่นลี้ มีพื้นที่เป็นเนินขึ้นๆ ลงๆ มากมาย เหมือนรูปมังกร เป็นสถานที่มงคลอย่างแท้จริง

ภูเขาที่ตั้งของคณะหนึ่งเดียว ชื่ออวิ๋นซาน เป็นแค่เนินเขาเล็กๆ ในภูเขาสูงมากมาย ของเทือกฉิงเทียน เพราะว่าคณะหนึ่งเดียวตั้งอยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาลูกนี้จึงชื่อว่าอวิ๋นซาน

ข้ามเขาอวิ๋นซาน ไปทางซ้ายสามร้อยลี้ จะเป็นคณะบังเหิน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่พันลี้ ส่วนไปทางขวาสองร้อยลี้ จะเป็นคณะนานา ที่ใหญ่ยิ่งกว่า

ตอนนี้ ฉู่สิงพาลู่ฝานกับหานเฟิง เหาะไปทางขวา

ระยะทางสองร้อยลี้ มาถึงเพียงพริบตาเดียว ลู่ฝานวิ่งพลางขมวดคิ้ว

ที่นี่คงเป็นถิ่นของคณะนานาสินะ

เสียงต่อสู้ดังเข้ามาในหู ทั้งสามคนวิ่งไปยังทิศทางที่เสียงดังมา ไม่นาน ทุกคนเห็นกลุ่มนักเรียนของคณะนานา กำลังล้อมวงกันอยู่

ตรงกลาง มีผู้ชายกอดต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เหวี่ยงรอบๆ ไม่หยุด นั่นต้องเป็นฉู่เทียนแน่นอน

“หลีกไปนะ”

หานเฟิงแผดเสียงดังออกมา พุ่งเข้าไปก่อนเพื่อน ลู่ฝานกับฉู่สิง ตามหลังไปติดๆ พุ่งเข้าไปในกลุ่มคน

พลานุภาพของทั้งสามคนพลุ่งพล่าน ศิษย์คณะนานารอบๆ พากันหลีกทาง

ฉู่เทียนเห็นศิษย์น้องทั้งสามคนมา จึงหัวเราะแล้วพูดว่า “พวกนายมาสักที ขืนรออีก คนพวกนี้คงจะคลุ้มคลั่ง”

ฉู่เทียนหันไปวางต้นปรงสาคูขนาดใหญ่ ลงบนพื้นอย่างแรง

ต้นปรงสาคูยาวเกือบสิบฟุต กว้างสิบฟุต กระแทกจนพื้นสั่น

หานเฟิงยืนหน้าฉู่สิง แล้วพูดเสียงดังว่า “ทำไมต้องทำร้ายศิษย์พี่ฉัน ศิษย์คณะนานา ก้าวร้าวเกินไปแล้วนะ ถ้ากล้าก็เข้ามาสู้กับฉัน”

หานเฟิงเพิ่งพูดจบ ศิษย์คณะนานาคนหนึ่ง เดินออกมาพูดว่า “ใครก้าวร้าวกันแน่ พวกนายมายังถิ่นของคณะนานา และตัดต้นปรงสาคูพันปีที่อาจารย์ของเราปลูก พวกนายเป็นศิษย์คณะไหน ถึงไม่ทำตามกฎเกณฑ์เช่นนี้”

ลู่ฝานอึ้งไป พูดเบาๆ กับศิษย์พี่ฉู่สิงว่า “เขาพูดจริงเหรอ”

ศิษย์พี่ฉู่สิงหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน แล้วพูดว่า “เรื่องนี้พูดยาก”

ศิษย์พี่ฉู่เทียนที่อยู่ข้างๆ หัวเราะออกมา เห็นสีหน้าของทั้งสองคน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายพูดถูก

สีหน้าลู่ฝานเปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบดึงแขนเสื้อศิษย์พี่หานเฟิง แล้วพูดว่า “ศิษย์พี่หานเฟิง เขาพูดถูก เราทิ้งต้นปรงสาคู แล้วรีบไปกันเถอะ”

หานเฟิงพูดอย่างตกใจว่า “จริงแล้วไง ทำไมต้องทิ้งต้นปรงสาคูด้วย”

หานเฟิงหันกลับมา ยืดอกพูดเสียงดังว่า “สมบัติล้ำค่า คนมีวาสนาถึงจะได้ ปรงสาคูต้นนี้ อยู่ในคณะของพวกนายมาพันปี ไม่มีใครเอาไปได้ แสดงว่ามันไม่ใช่ของพวกนาย ตอนนี้ศิษย์พี่ของฉันเอามันมาได้ ต้องเป็นของศิษย์พี่ฉันอยู่แล้ว ฉันชื่อหานเฟิง ของคณะหนึ่งเดียว กล้าเปิดเผยตัวเองอย่างองอาจ”

ทันใดนั้น สีหน้าของศิษย์คณะนานา อึมครึมขึ้นมา ก่นด่าคำหยาบต่างๆ นานา ออกมายกใหญ่

ลู่ฝานอ้าปากค้าง พูดไม่ออก ฉู่สิงที่อยู่ข้างๆ พูดเบาๆ ว่า “หน้าไม่ด้าน วิทยายุทธไม่พอ ศิษย์น้องลู่ฝาน นี่เป็นสไตล์คณะหนึ่งเดียวของเรา ต่อไปนายจะชินเอง”

ทันใดนั้น ลู่ฝานเหมือนโดนตบหน้า มึนงงขึ้นมาทันที