ภาคที่ 1 การรุกกลับของศิษย์พี่ บทที่ 90 ท่านผู้อาวุโสเหยียน ไม่พบกันนานเลยนะขอรับ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอและสือเถี่ยมาถึงเบื้องหน้าของเหยียนซวี่ ชายหนุ่มกล่าวพร้อมรอยยิ้มตาหยีว่า “ท่านผู้อาวุโสเหยียน ไม่พบกันนานเลยนะขอรับ”

สือเถี่ยมองเหยียนซวี่อยู่แวบหนึ่งอย่างเฉยชา “เดินไปคุยไปเถอะ”

ทั้งหมดเคลื่อนตัวออกเดินทาง ส่วนเหยียนซวี่เดินตามหลังสือเถี่ยไปอย่างเงียบๆ

มหาปรมาจารย์คนหนึ่งของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หายสาบสูญไป แม้แต่ร่องรอยเพียงเล็กน้อยก็ไม่หลงเหลือ กลับยิ่งแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ ทำให้ผู้คนเกิดความกังขา

สือเถี่ยไม่เปิดเผยตัวตนและระดับวรยุทธ์ แต่ก็จงใจทิ้งร่องรอยเล็กน้อยเอาไว้ ให้คนสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้ตามรอย

ร่องรอยเหล่านี้ดูไปแล้ว ไม่ได้มีเพียงมหาปรมาจารย์ที่มีระดับวรยุทธ์ใกล้เคียงกับชายชราตาเดียว ออกโรงล้อมเข้าโจมตี

ด้านหนึ่งก็เพื่อกลบเกลื่อนการมาถึงของตนเอง อีกด้านหนึ่งก็เพื่อปล่อยเบ็ดยาวตกปลาตัวใหญ่

เขามองไปยังหานเซิ่ง เฒ่ามารหัวขวานเป็นอันดับแรก “หานเซิ่ง เจ้าลงทุนทำลายหุบเหวปราการมังกร ก่อกวนอเวจี สมควรโดนฆ่า”

เฒ่ามารหัวขวานกล่าวด้วยความคับแค้นใจ “แต่ไหนแต่ไรโลกมนุษย์ก็เหมือนเช่นอเวจีที่ร้อนรุ่มอยู่แล้ว เช่นนั้นแล้วจะต่างอะไรกันเล่า”

“มีเหตุผลอะไรที่พวกเจ้าจะยืนอยู่ในที่สูงกว่า แค่พลังความสามารถของพวกเจ้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าก็เท่านั้น”

“อเวจีเปิดออก นพยมโลกเยื้องกราย พังทลายโลกปัจจุบันใบนี้ แล้วสร้างผืนฟ้าแผ่นดินขึ้นใหม่ เมื่อถึงตอนนั้นค่อยมาดูกันว่า ผู้ใดจะเป็นเจ้าแผ่นดิน!”

หานเซิ่งตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว “ครั้งนี้ข้าพลาดท่าตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเจ้า ข้าย่อมไม่มีอะไรจะพูด แต่สือเถี่ย พวกเจ้าอย่าได้ใจไปหน่อยเลย เรื่องมันยังไม่จบเพียงเท่านี้!”

สือเถี่ยกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “เมื่อความแปรปรวนของอเวจีสงบลงชั่วคราว ก็คิดเอาไว้แล้วว่าพวกเจ้าก็คงไม่มีทางที่จะยอมแพ้เพียงเท่านี้” การลงมือของเจ้าครั้งนี้ เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นสินะ? ”

อีกฝ่ายหัวเราะอย่างเยือกเย็นครั้งหนึ่ง ก่อนจะปิดปากเงียบไม่พูดจา ไม่ดิ้นรนใดๆ อีก อีกทั้งปิดเปลือกตา ไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน

จู่ๆ เยี่ยนจ้าวเกอก็พูดขึ้นว่า “ท่านต้องการสิ่งของบางอย่างจากตัวข้าใช่หรือไม่?”

เมื่อได้ยินดังนั้น สือเถี่ยพลันมองไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ

เยี่ยนจ้าวเกอส่งสายตากลับไปให้สือเถี่ยว่าวางใจได้ จากนั้นเขาก็ล้วงสิ่งหนึ่งออกมา แกว่งไปแกว่งมาตรงหน้าของหานเซิ่ง

นั่นเป็นสิ่งที่เขาได้มาจากเยี่ยจิ่ง แผ่นป้ายเหล็กที่มีความเกี่ยวข้องกับการสืบทอดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง

จากมุมมองของเยี่ยนจ้าวเกอ สีหน้าอารมณ์ของหานเซิ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย แววตาก็ไม่มีความสั่นไหวใดๆ เลยเช่นกัน อีกทั้งลมหายใจหรือการเต้นของหัวใจก็ล้วนปกติดีทุกอย่าง

สายตาที่อีกฝ่ายมองมาที่ตนเอง ยังคงมีความเหยียดหยามและประหลาดใจระคนอยู่

ทว่าแววตาของสือเถี่ยที่อยู่ด้านข้าง กลับเปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาทันที “หืม?”

ระดับวรยุทธ์ของเขาสูงกว่าหานเซิ่ง บัดนี้ก็ยังใช้พลังของตนเองคุมขังตัวอีกฝ่ายไว้ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าคนในที่คุมขังของตนรู้สึกหวั่นใจ

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น เขายิ้มแต่ไม่พูดอะไร

อีกทั้งสือเถี่ยเองก็จ้องมองไปที่หานเซิ่งเช่นเดียวกัน เมื่อหานเซิ่งเห็นดังนั้นก็ทอดถอนหายใจครั้งหนึ่ง ยังคงไม่พูดไม่จา ถึงกระนั้นมาดอันยโสโอหังก็ลดลงแล้ว

ชายหนุ่มโยนแผ่นป้ายเหล็กนั้นขึ้น มันลอยขึ้นไปกลางอากาศ ก่อนจะตกลงมา จากนั้นเขาก็รับเอาไว้อีกครั้ง

“เงาชั่วร้ายที่ท่านใช้ก่อกวนหุบเหวปราการมังกร ความจริงแล้วไม่มีอะไรพิเศษ และไม่ได้อยู่ในมือข้าตั้งนานแล้ว”

“ระหว่างข้ากับท่าน นอกเสียจากสิ่งนี้แล้วก็ไม่ได้การเกี่ยวข้องสัมพันธ์ใดๆ กันอีก”

“ถ้าหากต้องกล่าวถึงความเกี่ยวพันจริงๆ ล่ะก็ เช่นนั้นก็ต้องเป็นศิษย์น้องร่วมสำนักของข้า…เอ่อ พี่น้องร่วมสาบานของท่าน เยี่ยจิ่ง”

นิ้วมือของเยี่ยนจ้าวเกอลูบป้ายเหล็กนั้น “ของที่ข้าได้มาจากศิษย์น้องเยี่ยจิ่งตอนนั้น ก็มีแค่แผ่นป้ายเหล็กนี้อย่างเดียว ดังนั้นข้าจึงคิดได้ว่าเพียงว่า ของที่ท่านต้องการจากข้าก็คือของเล่นชิ้นนี้”

“เช่นนั้นแล้ว ท่านหานจะสะดวกหรือไม่ที่จะบอกพวกเรา ว่าท่านต้องการของสิ่งนี้ไปทำอะไร”

เยี่ยนจ้าวเกอมองหานเซิ่ง “สิ่งของมีความเกี่ยวข้องกับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง แต่จริงๆ แล้วจะมีความเกี่ยวโยงกันมากเท่าใด และจะสามารถรับการสืบทอดจากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งถึงขั้นใด ก็ยังมิอาจรู้ได้”

“บัดนี้ในพื้นที่ถังตะวันออก สำนักเขากว่างเฉิงของข้า สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งเขาไร้พรมแดนได้มารวมตัวกัน ท่านก่อกวนหุบเหวปราการมังกรอย่างเปิดเผย ทุกคนย่อมไม่ถือสาที่จะกำจัดท่านก่อน”

“แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ท่านก็ยังคงกล้าเสี่ยงอันตรายปรากฏตัวขึ้น”

ชายหนุ่มยิ้มครั้งหนึ่ง “เช่นนั้นให้ข้าเดาดู หากไม่ใช่เพราะท่านมีสายข่าวที่แน่นอน และเกี่ยวข้องกับป้ายเหล็กชิ้นนี้ สิ่งของที่ท่านได้มา ช่วยให้ท่านทำความหวังให้สำเร็จไปอีกขั้นหนึ่งได้”

“สิ่งของเกี่ยวพันกับอเวจี ช่วยให้ท่านกับพรรคพวกของท่านทำแผนการให้สำเร็จได้ใช่หรือไม่?”

หานเซิ่งได้ยินดังนั้นก็หลับตาลง หลังจากผ่านครู่ใหญ่ถึงปริปากเอ่ยว่า “ข้ามันอ่อนหัด พลาดท่าให้พวกเจ้าจับ ข้าไม่มีอะไรอย่างอื่นจะพูดหรอก”

เยี่ยนจ้าวเกอหันศีรษะกลับไปมองสือเถี่ย “ท่านอาจารย์ลุงใหญ่ขอรับ ข้าคิดไปคิดมา ตอนแรกคิดว่านี่คงเป็นแค่เหตุบังเอิญที่ไม่แน่นอนเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องใหญ่นะขอรับ”

เขากว่างเฉิงอนุญาตให้ศิษย์ในสำนักถือครองสิ่งอัศจรรย์ที่ตนพบแต่เพียงผู้เดียวได้ และถ้าหากศิษย์รู้สึกว่าจัดการไม่ไหว ก็สามารถขอความช่วยเหลือจากทางสำนักได้ โดยแบ่งปันซึ่งกันและกัน

ทว่าหากเรื่องราวมีความเกี่ยวพันถึงโลกปีศาจอัคคี อเวจี หรือขุมกำลังจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

สือเถี่ยกล่าวว่า “ไม่เป็นไรหรอก รอให้ทุกอย่างสงบแล้วค่อยว่ากัน”

“ผู้ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทำลายหุบเหวและอเวจี ทางสำนักจะเป็นผู้จัดการ ส่วนที่ข้องเกี่ยวกับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง ทางสำนักจะไม่ยึดของของเจ้า”

กลุ่มทำลายหุบเหวที่กล่าวถึง ก็คือกลุ่มที่หานเซิ่ง เฒ่ามารหัวขวานอยู่ด้วย

ก่อนหน้านี้ได้ติดตามจับกุมที่ถังตะวันออก สมาชิกชั้นกลางและชั้นล่างจำนวนหนึ่งถูกจับเอาไว้ได้ ส่วนหานเซิ่งผู้ที่เป็นยอดฝีมือที่สุดในกลุ่ม บัดนี้ก็ถูกจับกุมเอาไว้เช่นกัน

ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอหรือสือเถี่ย ต่างก็ตั้งความหวังกับเขาเอาไว้สูงมาก ทั้งคู่เตรียมที่จะง้างปากของหานเซิ่ง ขุดเอาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ออกมาให้ได้มากยิ่งกว่านี้

สือเถี่ยกล่าวว่า “ครั้งนี้เจ้าเสี่ยงอันตราย จะสำเร็จหรือล้มเหลวหลังจากนี้ยังไม่พูดถึง อย่างน้อยๆ หานเซิ่งก็ถูกจับเอาไว้แล้ว นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เป็นความดีความชอบชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่ง”

“เจ้าช่วยเหลือราชาอาณาจักรถังตะวันออกให้พ้นจากภัยอันตราย อีกทั้งยังช่วยเหลือเขาชิงอำนาจการควบคุมค่ายกลชมตะวันกลับคืนมา ก็นับเป็นความดีความชอบที่มองข้ามไม่ได้เช่นเดียวกัน”

“ระหว่างที่ประมือกัน หากเขาไม่สิ้นชีพก็ต้องเป็นเจ้าที่สิ้นชีพ การที่เจ้าสังหารเซียวเซิงไม่ถือว่าเป็นความผิด”

นัยน์ตาเด็ดเดี่ยวมั่นคงของสือเถี่ยที่มองมาที่เยี่ยนจ้าวเกอ ปรากฏความอ่อนโยนเล็กน้อย “เบื้องต้นเจ้าได้สร้างความดีความชอบแล้วสามสิ่ง ทางสำนักจะบำเหน็จรางวัลให้เจ้าทั้งหมด”

“นับดูแล้วเจ้ามาถึงถังตะวันออกเป็นเวลาไม่ถึงครึ่งปี กลับสร้างความดีความชอบอย่างต่อเนื่อง อุทิศตนสร้างคุณูปการอย่างยิ่งยวด ตั้งแต่ข้าควบคุมดูแลตำหนักอาญามา ความบ่อยครั้งและประสิทธิภาพเช่นนี้ ก็ยังถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอเช่นกัน”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ลุงใหญ่กล่าวเกินไปแล้วขอรับ”

“ต่อหน้าคนสัตย์จริงไม่ควรพูดโป้ปด ครั้งนี้ที่จับเฒ่ามารหัวขวานเอาไว้ได้ เป็นเรื่องน่ายินดีที่อยู่เหนือความคาดหมาย”

ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอพูด มุมปากก็กระตุกเล็กน้อย “และราบรื่นเช่นนี้ได้ ต้องขอบคุณความร่วมมือร่วมใจของคนอื่นๆ ด้วยเช่นกันขอรับ”

สือเถี่ยพูดนิ่งๆ ว่า “ก็เป็นการร่วมมือที่ยอดเยี่ยมจริงๆ นั่นแหละ”

สายตาของทั้งสองล้วนหยุดอยู่ที่ร่างของเหยียนซวี่

ชายหนุ่มแบฝ่ามือของตนออก “ท่านผู้อาวุโสเหยียน เท่าที่ข้าทราบมา ด้วยความที่ท่านเร่งตามไปช่วยจ้าวเฉิง ก็ไม่น่าจะมีเวลาพอที่จะมาทางนี้ไม่ใช่หรือขอรับ”

ตอนนี้เหยียนซวี่ตั้งมั่นสงบนิ่งไว้ได้โดยสิ้นเชิงแล้ว สีหน้าของเขาเรียบนิ่ง “หลังจากที่ข้าช่วยองค์ชายสามแห่งถังตะวันออกเอาไว้ได้แล้ว ก็รีบมุ่งหน้ามาเพื่อช่วยเหลือทางนี้อย่างรวดเร็ว น่าเสียดายที่ช้าไปก้าวหนึ่ง”

เขาคำนับไปทางสือเถี่ยครั้งหนึ่ง “โชคดีที่ท่านผู้อาวุโสสือและยอดฝีมือคนอื่นๆ ของสำนักอื่นรีบเร่งมาถึง ปราบสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และเจ้าสัตว์ประหลาดหานเอาไว้ได้”

สายตาของสือเถี่ยมองตรงไปที่เหยียนซวี่ “เห็นข้าอยู่ที่นี่ แล้วเจ้าหนีอะไร”

เหยียนซวี่กล่าวขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “ข้าทำงานไม่ได้ความ ตรวจสอบศัตรูไม่แน่ชัด ทำให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ระรานตามอำเภอใจในพื้นที่ของนภาพิภพ ที่มีสำนักเราเป็นผู้ปกครอง”

“คนร่วมสำนักกว่างเฉิงของเราเข้ามาให้การสนับสนุน ทว่าการระดมกำลังกลับยังด้อยกว่าจอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์นัก ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นความรับผิดชอบของข้า”

“ในใจของข้าเดิมทีก็ไม่สงบอยู่แล้ว เมื่อพบเข้ากับท่านผู้อาวุโสสือก็ยิ่งอับอายและตกใจ จึงอดไม่ได้ที่จะหลบหน้าไป”

“ด้านหนึ่งก็คือความอับอายขายหน้า อีกด้านหนึ่งก็อยากจะชดใช้ความผิดให้เร็วที่สุด จึงเร่งคนที่อยู่เบื้องล่างให้เก็บรวบรวมข้อมูลฝ่ายสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์โดยเร็ว เพื่อเตรียมพร้อมการโจมตีโต้ตอบของสำนัก”

เหยียนซวี่ก้มตัวลงต่ำ “ข้ากระทำการไม่ได้เรื่อง โง่เขลาเบาปัญญา ยินดีรับโทษทัณฑ์ทั้งหมดขอรับ”

เยี่ยนจ้าวเกอมองเหยียนซวี่ พูดในใจว่าตาเฒ่านี่ช่างฉลาดเสียจริง

ความผิดเล็กน้อยก็ชิงยอมรับไปก่อน ส่วนปัญหาที่ใหญ่จริงๆ กลับกล่าวโทษนั่นโทษนี่

สิ่งที่สือเถี่ยเกลียดมากที่สุดในชีวิตก็คือคนที่บกพร่องในหน้าที่ ไม่สามารถรับผิดชอบได้ คำพูดของเหยียนซวี่ทำให้เขารู้สึกแย่อย่างไม่ต้องสงสัย

แม้สือเถี่ยจะปล่อยเหยียนซวี่ไปก่อนชั่วคราว ด้วยเหตุว่าต้องต่อกรกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ทว่าหลังจากนี้เหยียนซวี่ต้องไม่ได้อยู่เป็นสุขอย่างแน่นอน

ถึงกระนั้นเมื่อเทียบกับจุดประสงค์ที่แท้จริงของเหยี่ยนซวี่แล้ว ความผิดเช่นนี้กลับไม่สามารถนับอะไรได้เลย

เพียงแต่สือเถี่ยไม่ได้ถูกตบตาได้ง่ายๆ

“ถุงย่อส่วนที่เจ้าติดตัวเอาไว้ใบหนึ่ง ข้าสัมผัสได้รางๆ ว่าภายในมีคนคนหนึ่งอยู่” สือเถี่ยจ้องเหยียนซวี่ตาเขม็ง “เป็นผู้ใด”

…………..