ตอนที่ 264 เขาพูดโกหก

 

“เขาพูดโกหก อืม….เอ่อ…..” เธอกำลังคิดเรื่องนี้ในหัวสมอง!

  

ไม่คิดว่าจะเดิมพันกับเขา ฉีเซิงเทียนนายควรพูดความจริงสิ!

  

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งในเวลานี้ จิ่งเป่ยเฉินไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เขากอดเธอไว้ก่อนจะเหลือบไปมองโทรศัพท์ อันโหรวยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์มาดูก็พบว่าเป็นฉีเซิงเทียนที่โทรเข้ามา

  

เธอลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะกดรับสาย

  

“จู่ ๆ ตัดสายทำไม? ฉันยังถามคำถามไม่จบเลยนะ! หลินจือเซี๋ยวพูดอะไรกับเธอ?”

  

อันโหรวขยี้ตาเล็กน้อย จิ่งเป่ยเฉินเคลื่อนไหวท่าทางช้าลงบอกเป็นนัย เธอจึงพูดขึ้นมาว่า “เธอบอกว่านายยืนอยู่หน้าบ้าน แล้วยังไงต่อเหรอ? พวกนายทำอะไรกันต่อนะ?”

  

“ของมือสองอย่างหลินจือเซี๋ยวเรียกรถพยาบาลมาลากฉันไปไง!” ฉีเซิงเทียนบ่นขึ้นมา แต่ยังบ่นไม่จบอันโหรวก็กดตัดสายไปอีกครั้งและปิดเครื่อง

  

“อา…….” เธอจ้องมองไปที่เขาอีกครั้ง “นายแพ้แล้ว ออกไปได้แล้ว!”

  

“ไม่…….ไม่เอา”

  

อันโหรวยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่ริมฝีปากของเธอในตอนนี้กลับถูกเขาจูบเข้าอย่างพัวพัน ดวงตาที่เบิกกว้างนั้นค่อย ๆ หลับลงช้า ๆ

  

ภายในใจนั้นกลับจับจ้องเขาอย่างดุดัน เพราะงั้นการเดิมพันในคืนนี้ของพวกเขานั้นอยู่ไหนกัน?

  

เกือบจะถูกคนอื่นรู้เรื่องความลับของพวกเขาเข้าแล้ว หลังจากนี้เธอจะเผชิญหน้ากับฉีเซิงเทียนได้ยังไงกัน!

  

“คนป่วยใจเย็น ๆ หน่อยจะได้ไหม?” นี่คือประโยคแรกที่เธอจะพูด เธอไม่มีโอกาสได้หายใจเลยนะ

 

“ได้”

 

“อ้าก……….”

  

ได้บ้าอะไรเนี่ย!

  

พรุ่งนี้เธอต้องไปทำงาน ยังต้องใช้เสียงเพื่อพูดคุยอยู่นะ

  

เธอตัดสินใจแล้ว นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปจะไม่ปฏิบัติต่อเขาในฐานะคนป่วยอีก

  

เขาทำตัวไม่สมกับเป็นคนป่วยเอาซะเลย คนป่วยที่ไหนจะมีพละกำลังบ้าคลั่งเหมือนกับเขาที่เอาแต่อยากจะระบายอารณ์กับเธอแบบนี้กัน

เช้าวันรุ่งขึ้น จิ่งเป่ยเฉินก็พบว่าภรรยาที่เขาจูบเมื่อคืนนั้นไม่ช่วยเขาใส่เสื้อผ้าเลย

  

ได้เลย เขาใส่เองก็ได้

  

และก็ยังไม่ป้อนข้าวเขาอีก ดีจริง ๆ เขากินเองก็ได้!

  

ไม่นั่งรถไปบริษัทกับเขาอีก นั่นไม่ได้!

  

อันโหรวถูกเขาบังคับให้นั่งรถไปบริษัทกับเขา เธอไม่สนใจเขาเลยตลอดเส้นทาง เธอเหลือบมองมือข้างขวาของเขาเล็กน้อย มือเขาไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม?

 

เขาแข็งแรงดีแบบนี้คงไม่เป็นอะไรหรอก!

 

เธอคงกังวลมากเกินไป

  

โรลส์-รอยซ์จอดอยู่หน้าบริษัทจิ่ง ทั้งคู่ต่างก็ไม่รีบร้อนลงจากรถ ก่อนจะมองไปที่โอวหยางลี่ที่วิ่งเข้ามาหาพวกเขา

  

อีกทั้งนักข่าวจำนวนมากที่ยืนรออยู่หน้าประตูบริษัทจิ่ง ไม่มีพนักงานในบริษัทเลยสักคน

 

“ผู้ชายสารเลว คิดจะกลับมาคืนดีงั้นเหรอ?” อันโหรวพูดขึ้นเบา ๆ

  

“ออกมาแล้ว อย่ากลับไปกินหญ้าเก่า โหรวโหรว ฉันเหมาะสมกับเธอมากที่สุดนะ”

เธอยิ้มอย่างเย็นชา เธอยังโกรธเรื่องเมื่อคืนอยู่เลยนะ!

  

“สัดส่วนเราดูเข้ากัน เท่าเทียมกัน ดูแล้วเหมาะสมกันมาก ดูดีทั้งชายหญิง ทุกอย่างดูลงตัว!” เขาพูดจบก็เปิดประตูลงจากรถและเดินไปเปิดประตูให้เธอ

  

“โหรวโหรว! โหรวโหรว!” โอวหยางลี่รีบพุ่งตัวเข้ามาหาเธอด้านหน้า วันนี้เขามาอยู่ที่นี่เพื่อรอเจอเธอโดยเฉพาะ

อันโหรวเอนตัวไปหาจิ่งเป่ยเฉิน ใบหน้าที่แต่งหน้าแบบธรรมชาติเผยรอยยิ้มออกมา น้ำเสียงของเธอที่เปล่งออกมาดูแปลกและไม่แยแส “ประธานโอวหยาง หากคุณมาคุยเรื่องสัญญาก็เชิญเข้าไปรอด้านในห้อง แต่ถ้าหากมาหาฉันก็ต้องขอโทษด้วย เพราะเวลาของฉันมีค่ามาก”

  

“โหรวโหรว เธอมานี่ ฉันหย่ากับเหลียวเว่ยแล้ว พวกเรามาอยู่ด้วยกันเถอะ ตกลงไหม?” คนที่เขาชอบมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็มีเพียงแค่เธอคนเดียว ทำไมเธอถึงได้ไปกอดกับคนอื่นแบบนี้

  

“ประธานโอวหยางช่วยให้เกียรติกันด้วย จะให้ภรรยาของผมไปอยู่กับคุณนี่ไม่เห็นว่าผมอยู่ตรงนี้งั้นเหรอ?” จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่เขาอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดแสดงอำนาจออกมาพลางโอบอันโหรวไว้

  

เธอเป็นภรรยาของเขา ภรรยาของเขา ไม่ยอมให้ชายอื่นมาอยากได้เด็ดขาด!

  

“ภรรยา? โหรวโหรว เขาพูดโกหกหรือเปล่า? พวกเราเป็นคู่รักกันมาตั้งนาน ในใจเธอก็มีแต่ฉันคนเดียวทำไมถึงไปอยู่กับเขา!” โอวหยางลี่แสดงท่าทางไม่พอใจ ก่อนจะชี้ไปทางจิ่งเป่ยเฉิน “ไม่ได้ เธอเป็นของฉัน!”

  

“ประธานโอวหยางยังวนเวียนคิดแต่เรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ดูท่าทางหนักเอาการเหมือนกันนะ อาการป่วยของคุณแบบนี้ ผมรู้จักหมอที่มีฝีมือเก่ง ๆ อยู่นะ แต่ดูแล้วเหมือนจะหมดหนทาง” จิ่งเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบเยือกเย็น ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความน่ากลัว

  

“ฉันไม่ได้ป่วย!” สายตาของเขามองไปที่อันโหรว ใบหน้าที่เรียบเฉยของอันโหรวทำให้คิดอยู่ในหัวตลอดเวลา หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยลืมเธอเลยสักครั้ง และก็ไม่เคยหยุดคิดถึงได้เลย

  

“ฉันว่านายก็ดูป่วยไม่ใช่น้อยเหมือนกันนะ ถ้าหากไม่มีเงินรักษา ฉันจะเห็นแก่เมื่อก่อนที่เป็นเพื่อนกันมานาน ตอนนี้……สุนัขเลี้ยงไม่เชื่อง ประธานโอวหยางอยากจะเป็นสุนัขดีหรือสุนัขข้างทางกัน?” ในเมื่อเผชิญหน้ากับเธอแบบนี้แล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าเขา

  

“โหรวโหรว เรื่องเมื่อห้าปีก่อนฉันอธิบายได้นะ!” เขาไม่เชื่อว่าโหรวโหรวที่เขาชอบจู่ ๆ จะไม่ต้องการเขาแล้ว

 

ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขนาดนั้น บอกไม่ชอบก็คือไม่ชอบงั้นเหรอ?

  

“นายกำลังสร้างเรื่องโกหกหรือเปล่า? ถ้าหากต้องการให้โหรวโหรวฟังการเล่าเรื่อง ฉันจะหามืออาชีพมาเล่าให้เธอฟังเอง พวกเราไม่สนใจการแสดงละครมือสมัครเล่นแบบประธานโอวหยางหรอก” จิ่งเป่ยเฉินเหลือบมองเขาด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ “ข้างนอกอากาศหนาว พวกเราเข้าไปด้านในกันเถอะ”

  

“จิ่งเป่ยเฉิน นายมันคนอันตราย เป็นผู้ชายประสาอะไร!” โอวหยางลี่จ้องเขม็งมาที่เขา เดิมทีถ้าหากเขาไม่ได้แต่งงานกับเหลียวเว่ยก็มาไม่ถึงเขาหรอก!

  

จิ่งเป่ยเฉินแสยะยิ้มออกมาอย่างเย็นชา น้ำเสียงที่อ่อนโยนและคลุมเครือเอ่ยขึ้นว่า “ฉันจะเป็นผู้ชายแบบไหน โหรวโหรวรู้ดีที่สุด”

  

แก้มแดงระเรื่อที่ปัดบลัชออนมาบนใบหน้าที่ซีดขาวของอันโหรวแดงขึ้นอย่างงุนงง พูดเรื่องแบบนี้อย่าได้มองมาที่เธอจะได้ไหม พวกเขาต้องระวังผลกระทบที่ตามมาจากสาธารณชนด้วย

  

“โหรวโหรว พวกเธอ…..” ดวงตาของโอวหยางลี่จับจ้องไปที่พวกเขา จะเป็นไปได้ยังไง!

  

“ผมจะไม่เกี่ยวข้องกับเธอได้ยังไง ประธานโอวหยางพูดเรื่องน่าเบื่อแบบนี้ ดูเหมือนว่าบริษัทตระกูลจิ่งต้องการคนที่อยู่คู่กับสุนัขหนึ่งตัวที่คอยเฝ้าหน้าประตูนะ เชื่อเถอะว่าประธานโอวหยางจะต้องมีความสุขกับมันแน่” ทันทีที่เธอมองเขาก็เผยความเกลียดชังแฝงออกมาทางแววตา ไม่มีแม้แต่ความรักเลยสักนิดเดียว

  

ในใจเธอไม่ได้มีเขาอยู่อีกต่อไปแล้ว และนับจากนี้จะไม่มีอีกต่อไป

  

“เธอพูดยังไงก็ยังงั้น” จิ่งเป่ยเฉินโอบเอวและพาเธอที่กำลังเหม่อมองโอวหยางลี่อยู่ออกไปทันที

  

นักข่าวที่อยู่รอบ ๆ เตรียมจะสัมภาษณ์ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปสัมภาษณ์จิ่งเป่ยเฉิน พวกเขายังไม่อยากตาย!

  

คำพูดเมื่อครู่เป็นเนื้อหาและหัวข้อข่าวได้มากพอที่พวกเขาจะเขียน และโอวหยางลี่ก็ยังคงยืนอยู่ตรงที่เดิม

  

นักข่าวต่างทยอยเข้าไปล้อมรอบโอวหยางลี่ “ประธานโอวหยาง ขอถามหน่อยค่ะ คุณหย่ากับภรรยาแล้วจริงเหรอคะ?”

 

“ประธานโอวหยางคะ ขอถาม……”

  

“ไสหัวไปซะ!” โอวหยางลี่มองไปที่พวกเขาอย่างเดือดดาล ก่อนจะเดินออกไปด้วยความโกรธ

  

นักข่าวมองหน้ากันยกใหญ่ นี่ถือเป็นข่าวใหม่หน้าหนึ่งเชียวนะ! รีบกลับไปเขียนข่าวน่าจะดีที่สุด

  

ขณะที่อันโหรวนั่งอยู่ในห้องทำงาน หลินจือเซี๋ยวก็รีบพุ่งตัวเข้ามาหาเธออย่างน่าสงสาร “โหรวโหรว เธอต้องช่วยฉันนะ! วันนี้ฉันขอทำงานในห้องทำงานเธอด้วยได้ไหม?”

  

เธอไม่อยากเจอฉีเซิงเทียน!

  

อันโหรวเงยหน้ามองท่าทางของเพื่อนรัก ก่อนจะหัวเราะออกมา “เขาดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ? ดูความคืบหน้าของเธอสิ”