ตอนที่ 263 แช่แข็ง
“แม่จ๋า คุณน้าจือเซี๋ยวจะไม่เป็นอะไรจริง ๆ เหรอคะ? ผู้จัดการฉีคนนั้นจะไม่ฆ่าคุณน้าใช่ไหม?” หน่วนหน่วนมองพวกเขาด้วยความเป็นห่วง
“พวกหนูไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ คุณน้าจือเซี๋ยวไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” แต่ก็ไม่แน่ นอกจากฉีเซิงเทียนจะถูกแช่แข็งจริง ๆ
เธอหันไปมองจิ่งเป่ยเฉินและเอนตัวไปหา “นายว่าฉีเซิงเทียนคงไม่ได้ยืนอยู่ข้างนอกทั้งคืนหรอกใช่ไหม?”
หากเป็นจริงละก็ เขาได้แข็งตายแน่ ๆ
“เขาคงไม่เอาชีวิตของตัวเองมาล้อเล่นแบบนี้หรอก” จิ่งเป่ยเฉินตอบด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“นายจะรู้อะไร? เขาโทรมาบอกว่าจะไปรับผู้หญิง” เธอชื่นชมสมองของฉีเซิงเทียนจริง ๆ ไม่คิดว่าเขาจะใช้วิธีนี้
“ฉันก็ด้วย” เขายกมือข้างที่พันผ้าพันแผลขึ้น
อันโหรว
อีกด้านหนึ่ง หลินจือเซี๋ยวที่แอบส่องตาแมวตรงประตูมองฉีเซิงเทียนอยู่เอ่ยถามขึ้นว่า “ผู้จัดการฉียังอยู่หรือเปล่าเนี่ย?”
ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ
คงไม่ได้แข็งตายจริง ๆ ใช่ไหม?
เธอโทรศัพท์หาฉีเซิงเทียน แต่ปลายสายกลับเป็นเสียงผู้หญิงพูดข้อความอัตโนมัติ เขาปิดเครื่อง!
“ผู้จัดการฉี คุณยังโอเคอยู่หรือเปล่า?” เธอเอ่ยถาม
แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ กลับมา
หลินจือเซี๋ยวคิดถึงตอนที่เธอรับโทรศัพท์ของฉีเซิงเทียน ตอนที่เธอไม่กล้าเปิดประตูให้เขา แต่เพราะคำพูดที่พัวพันของจิ่งเป่ยเฉินนั้น เธอจึงไม่อาจทิ้งให้ฉีเซิงเทียนตายได้ และยังจะมาตายที่หน้าบ้านของเธออีก ไม่มงคลเอาซะเลย!
เมื่อคิดไปคิดมาเธอก็นึกไอเดียดี ๆ ออก เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์หนึ่งสองศูนย์ เพื่อโทรเรียกศูนย์ขอความช่วยเหลือ
สิบนาทีผ่านไป ฉีเซิงเทียนที่ยืนพิงอยู่หน้าประตูก็ถูกเข็นขึ้นรถพยาบาลไป เขานั่งอยู่ตรงประตูคงจะหนาวเย็นเป็นอย่างมาก
เธอคิดว่าอย่างน้อยเขาต้องถูกส่งไปที่โรงพยาบาล หลินจือเซี๋ยวรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปดูเขา!
ไม่เลย ไม่ได้ดูเขาเลยจริง ๆ กระทั่งเขาถูกพาขึ้นรถพยาบาลไป เธอก็ไม่ได้ออกไปดู
ฉีเซิงเทียนนอนอยู่บนเตียงนอนคนป่วย เขากัดฟันพูดขึ้นว่า “หลินจือเซี๋ยว เธอกล้ามาก!”
หลินจือเซี๋ยวที่ยืนอยู่ตรงประตูจามขึ้นมาทันที ก่อนจะส่งข้อความไปหาอันโหรว
ตอนนี้อันโหรวกำลังวาดรูปอยู่กับหน่วนหน่วน เมื่อได้รับข้อความจากหลินจือเซี๋ยวว่าได้ส่งฉีเซิงเทียนไปโรงพยาบาลแล้ว เธอก็ส่งสติกเกอร์ยกนิ้วชื่นชมให้ทันที
“แม่จ๋ามีเรื่องอะไรเหรอคะ ทำไมดูมีความสุขจัง?” หน่วนหน่วนเงยหน้ามองเธอ
ใบหน้าของอันโหรวตอนนี้หุบยิ้มไม่ได้ หลินจือเซี๋ยวรับมือกับวิธีการของฉีเซิงเทียนได้อย่างมีฝีมือ เธอแค่ไม่มีช่องระบายสนามแม่เหล็กเหมือนเขา ทำให้เขาหลบหลีกไม่ทัน
“คุณน้าจือเซี๋ยวสุดยอดไปเลย เอาชนะสัตว์ประหลาดได้ด้วย” เธอหัวเราะพลางพูด
หน่วนหน่วนพยักหน้ากึ่งรับกึ่งขานและวาดรูปต่อ
ในคืนนั้นอันโหรวหยิบไอแพดขึ้นมาดูบนเตียง ก่อนจะหันไปมองคนที่อยู่ด้านข้าง “จิ่งเป่ยเฉิน นายอยู่ข้างหลังฉันทำอะไร?”
“มโนธรรมสวรรค์ ในใจฉันมีเธอผู้เดียว” จิ่งเป่ยเฉินหยิบหนังสือขึ้นมาวางลง ก่อนที่จะเข้าไปกอดเธอไว้
หากไม่ใช่เพราะเธอจะเล่นไอแพด เขามีหรือจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านบนเตียง บนเตียงไม่ใช่สถานที่ที่จะมาอ่านหนังสือสักหน่อย
“นายไม่อยากได้มือของนายแล้วงั้นเหรอ?” เธอเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา “บาดเจ็บแล้วก็ควรจะดูแลตัวเองดี ๆ อย่าขยับ”
เขาค่อย ๆ หยิบไอแพดในมือเธอออก “โหรวโรว…..”
“หยุด หยุด หยุดเลย!” เธอยื่นมือไปป้องปากของเขา “บนอินเทอร์เน็ตไม่มีข่าวที่เกี่ยวกับฉันแล้ว นายเป็นคนทำอย่างนั้นเหรอ?”
“ข่าวขยะอย่างนั้นก็ควรทิ้งลงถังขยะไป” เขาไม่สนใจมือที่ป้องปากเขาอยู่และตอบด้วยน้ำเสียงที่บูดบึ้ง
……..
“พวกเรามาเดิมพันกันดีกว่า! หากวันนี้ฉีเซิงเทียนพิชิตจือเซี๋ยวได้สำเร็จ ฉันจะเชื่อฟังนาย และในทางตรงกันข้าม ถ้านายแพ้ก็ต้องให้ฉันนอนหลับอย่างสบายใจ!” เธอเข้าใจเขาดี
“ทำไมความสุขของฉันต้องขึ้นอยู่กับเรื่องไร้สาระพวกนี้ด้วย? ไม่เอาหรอก!”
ไปหาถึงที่ กลับไม่ได้เห็นแล้วก็ไม่ได้กิน
“นายไม่เชื่อใจน้องของนายเหรอ?” เธอเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าที่สวยงามนั้นยิ้มออกมา
“เขาเป็นคนที่โชกโชนในเรื่องความรัก”
“แต่นายก็ไม่ยอมเดิมพัน ความจริงแล้วนายไม่เชื่อใจเขา นายไม่กล้านี่นา!” เธอมองหน้าเขาอย่างแน่วแน่และคิดว่าเขาไม่กล้าที่จะเดิมพัน
“โหรวโหรวสมเหตุสมผลหน่อยได้ไหม? มันทำสำเร็จแน่นอนอยู่แล้ว!” เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะมองไปที่เธออย่างลำพองใจ “เธอพูดเองนะ ฉันชนะเธอจะเชื่อฟังฉัน”
“ได้ จะเชื่อฟังนายทุกอย่าง!” ยังไงเขาก็แพ้อยู่แล้ว เดิมพันเรื่องใหญ่หน่อยจะเป็นอะไรไป
จิ่งเป่ยเฉินจ้องมองไปที่เธอและพูดขึ้นอย่างช้า ๆ “ถ้าที่ระเบียงน่าจะหนาวไปหรือเปล่า?”
“จิ่งเป่ยเฉิน! นายยังไม่ชนะเลยนะ!” ทำไมเขาถึงได้มั่นใจขนาดนี้กัน!
“ฉันชนะแล้ว” เขากดโทรศัพท์โทรไปหาฉีเซิงเทียนและเปิดลำโพง
เสียงรับโทรศัพท์ดังขึ้น “พี่เฉิน! ดึกขนาดนี้มีเรื่องอะไรกัน?”
เขาเหลือบมองไปที่อันโหรวพลางยิ้ม ก่อนจะถามอย่างจริงจัง “นายอยู่ไหน?”
“ที่บ้านสิ!”
ดวงตาจิ่งเป่ยเฉินเป็นประกาย สายตาบ่งบอกว่าเขานั้นชนะ เขาจ้องมองไปที่เธอ “บ้านของใคร?”
“ก็บ้านตัวเองสิ จะให้ไปบ้านของใคร?”
อันโหรวปิดปากกลั้นขำ แค่ท่าทางการคุยโทรศัพท์ของเขาทั้งสองคนก็ดูคลุมเครือมากแล้ว
“ได้ยินว่านายไปบ้านหลินจือเซี๋ยวไม่ใช่เหรอ นายทำอะไรเธอหรือเปล่า?” คำถามที่เอ่ยออกมาคือขีดจำกัดของเขา
“พี่เฉิน พี่สนใจเรื่องพวกนี้ด้วยงั้นเหรอ?” ไม่สิ พี่รู้เรื่องเมื่อคืนด้วยเหรอ? เรื่องนี้เป็นเรื่องอับอายในชีวิตของเขาเลยนะ!
“รีบบอกมา!” เขาเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว คิดฝืนอยากจะบีบบังคับให้เขาตอบ
“ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง พี่เฉิน พี่ก็น่าจะเข้าใจดีนะ!” ฉีเซิงเทียนเอ่ยปากพูดเรื่องโกหก
ผู้หญิงสวย ๆ ไม่ควรมีชีวิตอยู่ต่อ แม้แต่หลินจือเซี๋ยวก็ทำไม่สำเร็จ เขาไม่อยากเอ้อระเหยไปวัน ๆ หรอกนะ!
จิ่งเป่ยเฉิน เขาชนะแล้ว
“ผู้จัดการฉี พูดโกหกมักจะถูกฟ้าดินลงโทษนะ” เธอเอ่ยพลางเบ้ปากอย่างไม่แยแส
“โธ่เว้ย! พี่เฉินนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?” คู่สามีภรรยาสองคนนี้ดึกดื่นไม่ยอมนอน ยังจะโทรศัพท์มาหาเขาอีก ทำร้ายกันขั้นสุดไปหน่อยแล้ว! พวกเธอเคยคิดถึงจิตใจของฉันบ้างไหม? ฉีเซิงเทียนพูดตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ!
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
“รีบบอกมา วันนี้เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?” เธอพูดจบก็รีบปิดปากทันที จิ่งเป่ยเฉินไม่รอให้ฉีเซิงเทียนตอบก็เอ่ยถามอีกรอบทันที
พวกเขาเดิมพันกันอยู่!
“พี่สะใภ้ ทำแบบนี้ไม่ดีนะ พี่รู้ไหมว่าอะไรเรียกว่าชีวิตยากอยู่แล้ว บางเรื่องไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ชัดเจนขนาดนั้นก็ได้นี่” ฉีเซิงเทียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ใหญ่โตแต่แฝงไปด้วยความไม่ค่อยพึงพอใจ
อันโหรวเม้มปากก่อนจะมองไปที่เขาด้วยดวงตาที่สวยงาม ไม่กล้าที่จะทำเสียงใด ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์
“พี่สะใภ้ รู้ไหมว่า…..” เธอรีบกดตัดสายทันที
“จิ่งเป่ยเฉิน นายเล่นอะไรเนี่ย ฉีเซิงเทียนพูดโกหกอยู่นะ! พวกเขาไม่ได้ทำอะไรกันเลย นะ….” เธอจ้องมองไปที่ดวงตาที่มีไฟลุกโชนของเขา
เขาก้มหน้าลงและกระซิบข้าง ๆ หูของเธอว่า “ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง นี่ไม่ใช่คำตอบแล้วเหรอ?”