ตอนที่ 159 หลิวหลีไปไหนแล้ว

แม่ครัวยอดเซียน

“เจ้าเป็นผู้ถูกเลือกอัจฉริยะจริงหรือ ทำไมถึงได้อ่อนหัดขนาดนี้” เพลิงลมสลาตันพูดพลางวนอยู่รอบตัวหลิวหลี

หลิวหลีแหงนหน้ามองฟ้า นี่มันเกี่ยวอะไรกับการเป็นผู้ถูกเลือกอัจฉริยะด้วยฉะนั้นที่บอกว่าดินแดนที่จะพังทลายก็หลอกนางน่ะสิ แต่นางก็เต็มใจให้หลอก นี่มันวันอะไรแล้ว หลิวหลีพูดอย่างอ่อนล้า

“นี่นี่นี่ รีบลุกขึ้นมา รีบบำเพ็ญเพียรได้แล้ว เจ้าอ่อนแอเกินไปแล้วนะ” เพลิงลมสลาตันพูดขึ้นข้างหูหลิวหลี หลิวหลีรู้สึกเหมือนหัวตนเองจะระเบิดอยู่รอมร่อ นี่คือเพลิงอัคคีหรือเนี่ย ชาติที่แล้วเพลิงอัคคีนี้เกิดเป็นเป็ดหรือเปล่า อีกอย่างไพ่ตายใบใหญ่ที่สุดของนางก็ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว แถมอีกฝ่ายยังผนึกพลังเซียนกับประสาทเซียนของนางเอาไว้อีก ตอนนี้นางไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดา แถมถูกเพลิงอัคคีปากมากทารุณกรรมอีก นางน่าจะเป็นผู้ครอบครองเพลิงอัคคีที่น่าสงสารที่สุดในประวัติศาสตร์ อีกอย่างเพลิงอัคคีทั้งหกชนิดในร่างนาง ก็ถูกคนลึกลับเอาไป อีกฝ่ายบอกว่าจะนำไปพัฒนาคุณภาพให้ดีขึ้น หลิวหลีหมดอาลัยตายอยาก

หลิวหลีพยายามดิ้นรนลุกขึ้นมา แต่ถูกเพลิงลมสลาตันพัดจนล้มลงไป นึกไม่ถึงว่าจะมีวันที่นางโดนลมพัดจนล้ม

อีกด้านหนึ่ง

หนานกงเวิ่นเทียนเจอเยี่ยซิงขวงจากเผ่ามาร

“เจ้าคือผู้ชายของหลงหลิวหลี ดูแล้วเหมือนคนเกาะผู้หญิงกิน หลงหลิวหลีไม่อยู่ คงไม่มีใครปกป้องเจ้าแล้วล่ะสิ นึกไม่ถึงจริงๆว่าหลิวหลีจะชอบคนแบบนี้ มิน่านางถึงไม่ชอบข้า มอบของที่เจ้าเอาไปมาให้ข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” เยี่ยซิงขวงเห็นหนานกงเวิ่นเทียนอยู่คนเดียว ไม่มีหลงหลิวหลี เพราะแต่ก่อนหลิวหลีเป็นคนลงมือ เขาก็นึกว่าหนานกงเวิ่นเทียนมีดีแค่หน้าตา ถ้ามีดีแค่ที่หน้าตาจริง ๆ จะมาอยู่ในอันดับสามได้อย่างไร

“ไปให้พ้น” หนานกงเวิ่นเทียนพูด เขาต้องหาหลิวหลีให้เจอ ไม่อยากเสียเวลาที่นี่

“หึ หนานกงเวิ่นเทียน หลงหลิวหลีไม่อยู่ เจ้าจะเย่อหยิ่งอะไร ข้าเปลี่ยนใจแล้ว มอบของที่เจ้าได้มาทุกอย่างออกมา แล้วคุกเข่าขอร้องข้า ข้าถึงจะปล่อยเจ้าไป” เหมือนเยี่ยซิงขวงไม่อาจสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวหนานกงเวิ่นเทียน

“ข้าบอกว่าไปให้พ้น” หนานกงเวิ่นเทียนมององค์ชายใหญ่ของเผ่ามารราวกับมองคนโง่ คิดว่าเขาจัดการได้ง่ายๆอย่างนั้นหรือ

“เจ้ารนหาที่เอง” เยี่ยซิงขวงกัดฟันพูดออกมาทีละคำ

เยี่ยซิงขวงชิงลงมือก่อน แต่เพราะเขาดูถูกความสามารถของเวิ่นเทียน จึงใช้พลังแค่เพียงสามส่วนเท่านั้น จึงถูกหนานกงเวิ่นเทียนขวางเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย หนานกงเวิ่นเทียนเป็นร่างวิญญาณเหมันต์ เพราะหลิวหลีโดดเด่นจนเกินไป จึงกลบความสามารถของหนานกงเวิ่นเทียนไปไม่น้อย คนจำนวนไม่น้อยคิดว่าเขามาเกาะหลิวหลี แต่หารู้ไม่ว่า แท้จริงแล้วหนานกงเวิ่นเทียนเป็นสิงโตที่กำลังหลับอยู่ เมื่อคำรามออกมา อาจทำให้คนตกใจไม่น้อย

คนไม่น้อยสัมผัสได้ว่าข้างหน้ามีคนกำลังต่อสู้กัน เดิมอยากไปเก็บของเหลือ แต่พลังที่ทรงพลานุภาพนี้ทำให้พวกเขาทำได้เพียงยืนมอง พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนทั้งสอง มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่แอบอยู่ดูการต่อสู้ของสองคนอยู่ในมุมลับตา แต่ไม่ได้ทำไปเพื่อจะรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อะไร แต่ทำเพราะอยากเรื่องสนุกล้วนๆ

“พี่ใหญ่ที่หยิ่งยโสของข้า ก็ยังไม่เห็นใครอยู่ในสายตาอยู่ดี คิดว่าเขาเป็นที่หนึ่งในใต้หล้าหรืออย่างไร ดูแล้วที่เจอหลงหลิวหลีเมื่อคราวก่อนคงยังไม่เข็ด ผู้ชายคนนี้ถึงแม้จะสู้หลงหลิวหลีไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่แป้งทำบะหมี่ ที่ใครจะนวดไปมาอย่างไรก็ได้” เยี่ยซิงหวงที่แอบดูทั้งสองคนสู้กันอยู่ในที่ลับตาก็รู้สึกสนใจขึ้นมา โดยเฉพาะพี่ใหญ่ของเขาที่ไม่เคยมีพัฒนาการเลย เขาใกล้จะเหนื่อยหน่ายกับการดูพฤติกรรมอวดเก่งของพี่ชายเต็มที

การต่อสู้กับหนานกงเวิ่นเทียน ทำให้เยี่ยซิงขวงที่เดิมดูถูกอีกฝ่ายต้องตั้งอกตั้งใจ และให้ความสำคัญ จนเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก ชายผู้นี้ไม่ได้อ่อนหัดแบบที่เห็นภายนอก แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ อีกทั้งกลิ่นอายที่เยือกเย็นทำให้มือเท้าเขาชา

“หยุดก่อน ข้ามันคนใจกว้าง จะให้อภัยเจ้า เจ้าไปเถอะ” เยี่ยซิงขวงแสร้งทำใจกว้างแล้วพูดขึ้น ตัวเขาเองหอบหายใจน้อยๆ แต่หนานกงเวิ่นเทียนกลับไม่มีอาการใด ส่วนหนานกงเวิ่นเทียนไม่ตอบ แต่ปล่อยดาบน้ำแข็งออกไป เยี่ยซิงขวงหลบได้อย่างหวุดหวิด ผลคือยิ่งเยี่ยซิงขวงสู้ก็ยิ่งรู้สึกอิดโรย หนานกงเวิ่นเทียนไม่ฟังเสียงเยี่ยซิงขวงด้วยซ้ำ เขาลงทำร้ายเยี่ยซิงขวงจนร้องโอดครวญ จนต้องใช้โล่โลหิตของเผ่ามารหลบหนีไปด้วยสภาพทุลักทุเล

หนานกงเวิ่นเทียนยั้งมือ นี่คือพลังของคนรุ่นใหม่ลำดับหนึ่งของเผ่ามารหรือนี่ มีแต่เปลือกจริงๆ

“ใครอยู่ตรงนั้น” หนานกงเวิ่นเทียนสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวบางอย่างบริเวณฝั่งขวาด้านหลังตนเอง จึงระแวดระวังมากขึ้น คนผู้นี้ร้ายกาจมาก คิดว่าคงซ่อนตัวที่นั่นตั้งแต่เมื่อครู่ แต่เขาเพิ่งจับได้

“ไม่ต้องห่วง อย่างน้อยตอนนี้ข้าก็ไม่เป็นศัตรูกับท่าน” เยี่ยซิงหวงนึกไม่ถึงว่าการหัวเราะเยี่ยซิงขวง จะเกิดการเคลื่อนไหวน้อยๆ จะทำให้หนานกงเวิ่นเทียนจับได้ เยี่ยซิงขวงช่างเป็นคนที่อ่อนหัดจริงๆ

“เจ้าคือ เยี่ยซิงหวง เจ้าจะแก้แค้นแทนพี่ชายเจ้าหรือ?” หนานกงเวิ่นเทียนตั้งท่า รอรับการโจมตีของเยี่ยซิงหวง

“พี่หนานกง ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าบอกแล้วว่าตอนนี้ข้าไม่ตั้งแต่เป็นศัตรูกับท่านแน่ๆ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าองค์ชายใหญ่ผู้ถูกเลือกอัจฉริยะของเผ่ามาร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นที่หนึ่งของโลกมาร กลับถูกผู้บำเพ็ญอันดับ 3 โจมตีจนต้องใช้โล่โลหิตหนีไป ฮ่าฮ่า อยากให้คนที่คอยออกตัวแทนเขาได้เห็นจริงๆ” เยี่ยซิงหวงหัวเราะจนน้ำตาเล็ด

“เจ้าเก่งกว่าคนเมื่อครู่มาก” หนานกงเวิ่นเทียนพูดตามเนื้อผ้า ถ้าคนผู้นี้ไม่เผลอส่งเสียง เขาคงไม่อาจรู้ได้เลยจริงๆ อีกทั้งเป็นไปตามที่หลิวหลีพูดจริงๆ เยี่ยซิงหวงปิดบังพลังที่แท้จริงของตัวเอง คนผู้นี้น่ากลัวเหลือเกิน ตอนนี้เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถเอาชนะคนผู้นี้ได้หรือไม่ แต่การจัดอันดับผู้ถูกเลือกถือเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจ ทำไมคนผู้นี้ถึงต้องปิดบังความสามารถที่แท้จริงจนไม่ได้อยู่ใน 10 อันดับแรก คิดไม่ถึงว่าจะสามารถควบคุมอันดับของตนเองได้ หนานกงเวิ่นเทียนจึงไม่กล้าประมาท

“จริงหรือ ท่านนี่ตาถึงทีเดียว ที่นี่ก็มีแต่ท่านกับหลงหลิวหลีที่ตาถึง” เยี่ยซิงหวงชมหนานกงเวิ่นเทียนอย่างออกหน้าออกตา

“เจ้าเจอหลิวหลีไหม?”

“ยังเลย สถานที่แห่งนี้ซับซ้อนอย่างยิ่ง ใครจะไปรู้ว่าหลงหลิวหลีตกอยู่ในซอกหลืบไหน” เยี่ยซิงหวงพูดพลางส่ายหัว

“อ่อ” หนานกงเวิ่นเทียนผิดหวังเล็กน้อย และจะเดินไป

“ท่านจะไปแบบนี้เลยหรือ ไม่กลัวข้าจะลอบโจมตีหรือ?” เยี่ยซิงหวงเห็นหนานกงเวิ่นเทียนที่จะเดินไปโดยไม่สนใจอะไรจึงอดถามไม่ได้

“เจ้าไม่ทำหรอก” หนานกงเวิ่นเทียนพูดจบก็เดินต่อ

“หนานกงเวิ่นเทียนนี่น่าสนใจเหมือนหลงหลิวหลีมากทีเดียว” เยี่ยซิงหวงพูดพลางมองแผ่นหลังหนานกงเวิ่นเทียน

“ข้าไปดูพี่ชายที่ใช้โล่โลหิตหนีไปหรือไปเดินเล่นดี ที่นี่ดูแล้วเหมือนจะเป็นสถานที่ปิดตาย ไม่มีทางออก หรือรออะไรอยู่” เยี่ยซิงหวงมองไปรอบๆจึงพูดขึ้น

ฮัวจิงเฟยไปเจอผู้บำเพ็ญอสูรเข้า ร่างเดิมอีกฝ่ายเป็นนกยูง อีกทั้งยังเป็นผู้หญิง เลือดบริสุทธิ์ของเสือขาวที่หลิวหลีมอบให้กับผลที่ได้จากการรับวิบากอัสนีบาตจากเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้คนอยากไปเกิดใหม่จึงส่งผลให้เขาในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นมาก

“นกบ้า หากไม่ใช่เพราะเจ้าเป็นผู้หญิง ข้าจัดการเจ้าไปแล้ว” ฮัวจิงเฟยยืนประจันหน้าพูดกับนกชิงหลวนในชุดเขียว

“หึ คนชั่ว เจ้าคิดว่าอสูรเทพอย่างข้าจะกลัวเจ้าหรือ เจ้าจะจัดการข้าหรือ เจ้าสู้ข้าได้หรืออย่างไร เป็นอสูรเทพแล้วอย่างไร ไม่ละอายแก่ใจต่ออสูรเทพที่เจ้าทำพันธสัญญาด้วยเลยหรืออย่างไร” ชิงหลวนก็เป็นคนไม่ยอมคน นางไม่กลัวคำขู่ของฮัวจิงเฟยแม้แต่น้อย

“น่าขันเสียจริง ข้ากับเสี่ยวหู่เข้ากันได้เป็นอย่างดี รักกันดีด้วย นี่ไม่ใช่สิ่งที่นกกระจอกอย่างเจ้าจะเข้ามาทำลายได้ง่าย” ฮัวจิงเฟยก็ไม่ยอมเช่นกัน เรื่องของสงครามน้ำลายแล้ว นอกจากหลิวหลีแล้วเขาก็ไม่เคยกลัวใคร

“หึ เจ้าอย่าคิดว่าพลังบำเพ็ญเพียรของเจ้าในตอนนี้เก่งกาจนักเลย ข้าจะบอกให้ ต้นแบบของข้าคือหลงหลิวหลี สักวันข้าจะแข็งแกร่งเหมือนนาง” ชิงหลวนประกาศกร้าว

“เป็นถึงอสูรเทพ แต่กลับมีต้นแบบเป็นมนุษย์ ไม่ละอายแก่ใจบ้างหรือ” ฮัวจิงเฟยประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังเหน็บกลับอย่างอดไม่ได้

“ละอายใจหรือ พวกเราซึ่งเป็นผู้บำเพ็ญเพียรเผ่าอสูรเป็นคนตรงไปตรงมา ชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่เหมือนพวกมนุษย์อย่างเจ้าที่ต้องพูดอ้อมไปอ้อมมา” ชิงหลวนดูถูก

“ต้นแบบของเจ้าก็คือมนุษย์อยู่ดี” แถมยังเป็นมนุษย์ที่เจ้าเล่ห์เพทุบาย ใช้คนเยี่ยงทาสอีกด้วย

“นางไม่เหมือนกัน นางเป็นคนตรงไปตรงมา ผู้บำเพ็ญอสูรหลายคนก็มีหลิวหลีเป็นต้นแบบ น่าเสียดายที่ไม่รู้ว่าตอนนี้นางอยู่ที่ไหน ไม่เจอนางเลย” ชิงหลวนเอ่ยอย่างเสียดาย

“เอาแบบนี้แล้วกัน เจ้าขอร้องข้าสิ ข้าพอจะรู้จักหลิวหลี หากเจ้าขอร้องข้า ข้าจะพาเจ้าไปหานาง” ฮัวจิงเฟยพูดอย่างได้ใจ

“พอเถอะ อย่างเจ้าเนี่ยนะ ต้นแบบของข้าจะมาสนใจคนอย่างเจ้าเนี่ยนะ ข้าไปหาหนานกงเวิ่นเทียนหรือคนอื่นน่าจะยังดีกว่า” ชิงหลวนมองบางคนด้วยสายตาดูถูก โม้เก่งจริง ๆ

“ใช่ ไม่เห็นว่าท่านพี่จะชอบเจ้าเท่าไหร่” เสียงของหลงเสี่ยวเสี่ยวดังมาแต่ไกล

“อ้าว บรรพบุรุษตัวน้อย เจ้าไปโดนอะไรมา ทำไมสภาพเต็มไปด้วยดินโคลนเช่นนี้” ฮัวจิงเฟยจะโต้กลับ แต่เมื่อพบว่าเป็นหลงเสี่ยวเสี่ยวก็นิ่งไป แล้วก็ต้องประหลาดใจกับสภาพของหลงเสี่ยวเสี่ยว

“ไปเจอพวกคนไร้ยางอายมา แต่จัดการไปหมดแล้ว จริงสิ เห็นท่านพี่ของข้าหรือไม่” หลงเสี่ยวเสี่ยวแสดงออกว่าไม่เป็นไร

“ไม่เจอ” ฮัวจิงเฟยส่ายหัว อยากจะไปพึ่งพาอาศัยต้นไม้ใหญ่ผลคือเขาน่าจะวาดฝันไป

“นางไปอยู่ที่ไหนกันแน่?”

“นั่นสิ หลายคนกำลังตามหานาง เหมือนนางหายสาบสูญไปเลย ไม่มีใครเจอนางเลย” ฮัวจิงเฟยเองก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน

“พวกเจ้ารู้จักหลิวหลีหรือ พาข้าไปด้วยได้หรือไม่ ข้าจะไปหานางกับพวกเจ้า” ชิงหลวนจับมือเสี่ยวเสี่ยวแล้วพูดขึ้นอย่างดีอกดีใจ

“พี่สาวท่านนี้คือ” เสี่ยวเสี่ยวมองไปข้างๆ ภรรยาของเจ้าหรือ?

“อ่ะแฮ่ม นางชื่อชิงหลวน นางนับถือพี่สาวของเจ้าเป็นอย่างมาก” พอเถอะ เขาไม่สนใจผู้หญิงด้วยซ้ำ ยิ่งถ้าเป็นอสูรเพศเมียยิ่งไม่สนใจเข้าไปใหญ่

“พี่ชิงหลวน ข้าชื่อว่าหลงเสี่ยวเสี่ยว ท่านดูอารมณ์ดีมากนัก พี่สาวน่าจะชอบพี่มาก” เสี่ยวเสี่ยวกล่าว

“เสี่ยวเสี่ยว หลงเสี่ยวเสี่ยว เจ้าเรียกหลิวหลีว่าพี่สาว แปลว่าเจ้าคือน้องสาวนาง ข้าขออยู่กับเจ้าด้วยได้หรือไม่” ถึงแม้พลังบำเพ็ญเพียรจะค่อนข้างต่ำ แต่ก็ได้ยินว่าหลิวหลีพาน้องสาวมาด้วยคนหนึ่ง ก็คงน่าจะเป็นนาง

“เจ้าค่ะ” เสี่ยวเสี่ยวตอบรับอย่างเต็มใจ

…………………………………