ตอนที่ 202 ส่งต่อข้อความ

แม่สาวเข็มเงิน

คนบังคับรถม้าคำนับเจียงป่าวชิงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “โปรดแม่นางเจียงอย่าได้ตำหนิ หรือถือโทษโกรธเคืองที่ข้าน้อยไม่ฟังคำสั่งของแม่นาง ในเมื่อนายท่านสั่งให้ข้าน้อยพาแม่นางเจียงกลับไปอย่างปลอดภัย หากข้าน้อยกลับไปคนเดียวแล้วนายท่านไม่เห็นว่าแม่นางเจียงกลับมาด้วย นายท่านจะต้องต่อว่าข้าน้อยเป็นแน่ขอรับ”

เจียงป่าวชิงไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ข้าแค่กลัวว่านายท่านของเจ้ากับพี่ชายของข้าจะเป็นห่วง จึงคิดว่าถ้าเจ้ากลับไป อย่างน้อยก็สามารถส่งต่อข้อความให้พวกเขาทราบได้”

คนบังคับรถม้ารีบพูดขึ้นทันที “แม่นางเจียงไม่ต้องร้อนใจไป ทางเรามีวิธีส่งต่อข้อความขอรับ แม่นางอยากส่งข้อความว่าอะไรหรือขอรับ ?”

เจียงป่าวชิงเกิดความลังเลเล็กน้อย “เอ่อ… มันจะรบกวนพวกเจ้าเกินไปหรือเปล่าล่ะ ?”

คนบังคับรถม้ากลับยิ้ม “แม่นางเจียงไม่รู้อะไร ถ้าหากว่าแม่นางไม่กลับไปในคืนนี้ เดิมที พวกเราก็ต้องส่งข้อความกลับไปให้นายท่านรู้อยู่แล้ว และการส่งต่อข้อความของแม่นางก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลยก็ว่าได้ขอรับ”

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจียงป่าวชิงเองก็จะไม่เกรงใจแล้ว นางพูดขึ้นยิ้ม ๆ “งั้นข้าไม่ปฏิเสธแล้วนะ รบกวนพวกเจ้าช่วยส่งต่อข้อความไปให้พี่ชายของข้า บอกเขาว่าหมอเกิ่งที่ร่วมทำการค้ากับข้ามีไข้สูง ข้ายังกลับไม่ได้ ส่วนพี่ต้าหูไม่เป็นอะไร เขาไม่ต้องเป็นห่วง”

คนบังคับรถม้าพยักหน้า เมื่อเห็นเจียงป่าวชิงเหมือนจะพูดเสร็จแล้ว แววแห่งความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าเขาเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ถามเจียงป่าวชิงอย่างลังเล “แม่นางเจียง เอ่อ… แค่นี้…ไม่มีข้อความอื่นแล้วหรือขอรับ ?”

อะไรกัน ส่งต่อข้อความสั้น ๆ ง่าย ๆ ไม่ได้หรือไง หรือว่าต้องขยายความเป็นบทความเล็ก ๆ จำนวนแปดร้อยตัวอักษรถึงจะพอใจ เจียงป่าวชิงรู้สึกงุนงงพลางกะพริบตาปริบ ๆ “ใช่ ไม่มีแล้วล่ะ”

คนบังคับรถม้าครุ่นคิดอยู่สักครู่ ก่อนที่เขาจะพูดอย่างอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ “แล้วเอ่อ… แม่นางไม่ฝากข้อความถึงนายท่านของข้ารึ ?”

สีหน้าของเจียงป่าวชิงแข็งทื่อไปทันที เมื่อนึกถึงเรื่อง ‘ความสัมพันธ์มั่นคงแข็งแรงยิ่งกว่าทองคำ’ นางก็อดไม่ได้ อยากจะมุดดินหนีเสียให้รู้แล้วรู้รอด  นางพยายามสงบจิตสงบใจที่กระเจิงให้เข้ารูปเข้ารอยแล้วพูดขึ้นอย่างฝืน ๆ “พวกเจ้าเองก็ต้องกลับไปรายงานเขาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ? ถ้าหากว่าข้าฝากข้อความไปหาเขาอีก ไม่เท่ากับว่าเกินความจำเป็นหรอกรึ ?”

สีหน้าคนบังคับรถม้าแสนจะขมขื่น “แม่นางเจียง คำพูดของแม่นางไม่เหมือนกับการรายงานของพวกเรานะขอรับ แม่นางลองคิดดูสักหน่อยเถอะว่าแม่นางจะบอกกับนายท่านของเราว่าอะไร”

เจียงป่าวชิงเพิ่งรบกวนให้เขาช่วยไปส่งต่อข้อความให้พี่ชายของนาง ตอนนี้จึงปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ  ทำได้เพียงใช้สมองเพื่อคิดว่าจะส่งต่อข้อความอะไรให้กงจี้ดี

เฮ้อ! จะบอกเขาว่าอะไรดีล่ะทีนี้ ?

ทว่าเมื่อเจียงป่าวชิงนึกถึงกงจี้ที่มีนิสัยแบบนั้น ไอ้ท่าทางเหน็บแนมด้วยรอยยิ้มตอนที่เขาได้ยินคำพูดที่ว่า ‘ความสัมพันธ์มั่นคงแข็งแรงยิ่งกว่าทองคำ’ ของนางแล้ว หนังศีรษะนางพลันแข็งชาไป  ตอนนี้สมองของนางว่างเปล่ามากจริง ๆ

คนบังคับรถม้ายังคงมองเจียงป่าวชิงอย่างกระตือรือร้น  ต้องเผชิญกับสายตาแบบนี้ เจียงป่าวชิงก็ยากที่จะเค้นออกมาได้สักประโยค

สุดท้าย นางก็พูดออกไปเพียงสั้น ๆ  ซึ่งคำพูดของนางทำให้สีหน้าคนบังคับรถม้าเปลี่ยนไปเป็นประหลาดใจนิดหน่อย “แค่… แค่นี้หรือขอรับ ?”

เจียงป่าวชิงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ “ก็แค่นี้แหละ รบกวนเจ้าด้วยก็แล้วกัน”

จากนั้นเจียงป่าวชิงก็รีบเดินไปราวกับกำลังหลบหนีอย่างไรอย่างนั้น

หลังจากที่นางไปแล้ว องครักษ์คนหนึ่งก็เดินออกมาจากในที่มืดแล้วพูดกับคนบังคับรถม้าว่า “ท่าทางลุกลี้ลุกลนเมื่อสักครู่ของแม่นางเจียง ไม่เหลือท่าทีโอหังเหมือนตอนอยู่ในที่ว่าการเลย…”

คนบังคับรถม้ากลอกตาใส่องครักษ์คนนั้น “คนที่ยังไม่แต่งงานอย่างเจ้าจะไปรู้อะไร ?”

องครักษ์ “ชายแก่ที่แต่งงานแล้วนี่เจ๋งมากจริง ๆ นะ  แหม คนที่ยังไม่แต่งงานทำอะไรก็ผิดไปหมดนั่นแหละ!”

……

ทางฝั่งของคนบังคับรถม้าส่งข้อความกลับไปแล้ว เมื่อคนทางฝั่งกงจี้ได้รับข้อความ เขาก็ไปรายงานให้กงจี้ทราบทันที

กงจี้กำลังเล่นหมากรุกอยู่กับไป๋จี เขาสังหารกินหมากไป๋จีจนไป๋จีเสียกำลังทหารไปอย่างย่อยยับ

สีหน้าไป๋จีขมขื่นอย่างยิ่งยวดขณะที่เขาพูดขึ้นว่า “นายท่าน เราพอกันดีกว่าไหมขอรับ หรือไม่ก็เปลี่ยนคนมาเล่นกับท่าน ?” เขาถูกทารุณมาตลอดทั้งบ่าย ทั้งกายและใจของเขาถูกทำร้ายจนห่อเหี่ยว

กงจี้เงยหน้ามองไป๋จีอย่างเย็นชา ทันใดนั้น คนส่งข้อความส่งเสียงเรียกกงจี้อยู่ด้านนอก “นายท่าน ข่าวสารมาแล้วขอรับ”

มือที่กำลังจะวางหมากของกงจี้ชะงักไปเล็กน้อย  ไป๋จีเองก็รู้สึกว่ากระแสสังหารที่กดทับอยู่บนไหล่จนเขาเงยหน้าไม่ขึ้นพลันหายไป

กงจี้ค่อย ๆ วางหมากลง “เจ้าแพ้อีกแล้ว”

ไป๋จีรีบพูดขึ้นทันที “ใช่ ใช่ขอรับนายท่าน ถ้าอย่างนั้น ท่านฟังสถานการณ์ข่าวสารก่อนดีไหมขอรับ ?”

กงจี้ส่งเสียงออกมาทางจมูก “จะฟังทำไม ที่นางไปในอำเภอก็เพราะนางเป็นห่วงซุนต้าหูอะไรนั่น ข้าจะสนใจนางไปทำไมกัน ?”

ไป๋จีก้มหน้ากลั้นขำ “ใช่ขอรับ แต่ข้าน้อยอยากฟังสักหน่อย ได้หรือเปล่าขอรับนายท่าน ?”

กงจี้สีหน้าอึมครึม แต่เขากลับนึกถึงที่เจียงป่าวชิงพูดคำว่า ‘ความสัมพันธ์ของข้ากับคุณชายกงมั่นคงแข็งแรงยิ่งกว่าทองคำ’ อย่างชัดเจนเมื่อตอนบ่ายอีกครั้ง ถึงแม้ว่ากงจี้จะรู้ว่าเจียงป่าวชิงฝีปากดี และตอนนั้นนางคงจะกำลังยั่วให้คนโมโห ทว่าเมื่อนึกถึงแล้ว มันก็ยังรู้สึก…

จากนั้นกงจี้ก็มองไป๋จียิ้ม ๆ

ไป๋จีกระแอมไอเล็กน้อย เขารีบเรียกให้คนเข้ามา

ผู้มีหน้าที่ส่งต่อข้อความเข้ามาในห้องพลางทำความเคารพกงจี้อย่างเคารพ “นายท่าน ทางนั้นส่งข้อความมาบอกว่าวันนี้แม่นางเจียงไปร้านยาที่นางร่วมทำการค้าขายยารักษาโรคในยามปกติก่อนเป็นอันดับแรกขอรับ เจ้าของร้านยาคนนั้นมีนามว่าเกิ่งจื่อเจียง วันนี้เขาถูกจับตัวไปยังที่ว่าการและถูกตีห้าสิบไม้กระดานเพราะเขาให้ที่ซ่อนผู้กระทำผิดกฎหมาย แม่นางเจียงไปรับเจ้าของร้านยาคนนั้นกลับมาจากที่ว่าการ  แล้วนางก็ไปเยี่ยมซุนต้าหูที่ที่ว่าการอีกครั้งขอรับ”

กงจี้ที่บอกว่า ‘จะฟังทำไม’ เมื่อสักครู่ กลับพ่นลมออกมาทางจมูกอย่างหนักแน่น “หึ! นางคงยุ่งมากน่าดู”

คนส่งต่อข้อความเพียงแค่รับผิดชอบในการส่งต่อข้อความและจะไม่พูดอย่างอื่น

เขาชะงักไป เมื่อเห็นกงจี้ไม่ได้สั่งอะไร เขาก็พูดขึ้นอีก “ในข้อความยังบอกอีกว่าแม่นางเจียงไม่กลับในคืนนี้ และนางฝากให้คนกลับมาส่งต่อข้อความให้พี่ชายของนางด้วยขอรับ”

กงจี้ยืดตัวตรงเล็กน้อย ทว่าคนส่งต่อข้อความไม่แสดงสีหน้าใด ๆ เขายังคงก้มหน้าพูดโดยที่ไม่รู้จักพลิกแพลงสถานการณ์ให้ลดความกดดันลง “นายท่านต้องการฟังข้อความที่นางฝากให้พี่ชายนางไหมขอรับ ?”

ไป๋จีลอบพูดในใจว่าช่างโง่เขลาจริง ๆ สิ่งที่นายท่านอยากฟังคือข้อความที่ฝากให้คนอื่นหรือยังไง ?!

กงจี้สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดเสียงเย็น “พูดมา”

คนส่งต่อข้อความยังคงอธิบายโดยที่ไม่รู้จักพลิกแพลงเช่นเดิม “แม่นางเจียงบอกว่าหมอเกิ่งที่ร่วมทำการค้ากับนางมีไข้สูง นางยังกลับไม่ได้ ส่วนพี่ต้าหูเขาไม่เป็นอะไร พี่ชายไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ”

สีหน้าของกงจี้มืดหม่นอย่างที่สุด มันดูน่ากลัวราวกับพายุรุนแรงกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า

ไป๋จีพูดในใจว่า ‘แย่แล้ว’  เขาไม่รอช้า รีบกอบกู้สถานการณ์ทันที “เจ้า เอ่อ นางยังมีข้อความอื่นฝากมาอีกหรือไม่ ?”

คนส่งต่อข้อความจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “อ้อ แม่นางเจียงยังฝากข้อความมาให้นายท่านด้วยขอรับ”

คราวนี้ไป๋จีพูดคำว่า ‘ค่อยยังชั่ว’ ในใจ และเป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริง ๆ ถึงแม้ว่าสีหน้าของนายท่านเขาจะยังคงดูแย่ แต่อย่างน้อยความกดดันอันแปลกประหลาดก็หายไปมากแล้ว

ไป๋จีรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “แม่นางเจียงฝากมาบอกว่าอะไร ?”

คงส่งต่อข้อความลังเลอยู่สักครู่ แต่เขาก็พูดออกมาในที่สุด “พักผ่อนเยอะ ๆ ขอรับ”

ไป๋จีกำลังรอให้คนส่งต่อข้อความพูดต่อไป แต่รออยู่นานก็ไม่มีคำพูดต่อไปโผล่ออกมาสักที ดวงตาเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย “แค่นี้เองหรือ ? ไม่มีเพิ่มแล้วรึ ?”

คนส่งต่อข้อความก้มหน้าต่ำมากกว่าเดิม “มะ… ไม่มีแล้วขอรับ”

‘จบเห่แล้ว!’ ไป๋จีคิด ตอนนี้เขาไม่กล้ามองสีหน้าของกงจี้ด้วยซ้ำ

ทว่าผ่านไปสักครู่ สิ่งที่เกิดขึ้นคือมีเสียงหัวเราะของกงจี้

ไป๋จีนึกในใจ ไม่ใช่ว่านายท่านของเขาเป็นบ้าไปแล้วหรอกนะ ?

“พักผ่อนเยอะ ๆ อย่างนั้นรึ ?” กงจี้โมโหจนยกมือคว่ำกระดานหมากรุกทั้งอย่างนั้น “ไปดูแลคนอื่นตลอดทั้งคืน แต่กลับมาบอกข้าว่าพักผ่อนเยอะ ๆ! ข้าว่านางเป็นห่วงเถ้าแก่ร้านยานั่นกับซุนต้าหูมากกว่าข้าอีก”

กงจี้โมโหจนต้องสูดหายใจเข้าลึก ๆ อยู่สักพักกว่าจะผ่อนคลายลงได้

ไป๋จีกับคนส่งต่อข้อความรีบคุกเข่าลงทันที พวกเขากลัวจริง ๆ ว่าคุณชายผู้เป็นนายท่านของพวกเขาจะระเบิดอารมณ์แบบสุด ๆ ออกมา “นายท่าน โปรดนายท่านระงับความโกรธด้วยเถอะขอรับ”

กงจี้สูดหายใจเข้าลึก ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขารู้ตัวเองดีว่าโกรธเจียงป่าวชิง ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับองครักษ์พวกนี้เลย

.

.

.