ตอนที่ 203 หลีกเลี่ยงการสงสัย

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ถอยออกไปจากห้อง แผ่นหลังของเขาก็เปียกชื้นเล็กน้อย เขาติดตามนายท่านมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนายท่านของเขาโกรธจนหน้ามืดแบบนี้

ในอดีต เพราะคนเลวทรามต่ำช้าใช้แผนการร้าย นายท่านของเขาจึงเย็นชากับครอบครัว แต่ไม่ถึงกับเสียกิริยาแบบนี้

องครักษ์ส่ายหน้า ช่างเถอะ นายท่านจะคิดอย่างไร เขาเองก็ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ เขาแค่ทำงานในหน้าที่ของเขาให้ดีที่สุดก็พอ

คนส่งต่อข้อความเรียกองครักษ์อีกคน “ข้ายังต้องไปเข้าเวรต่อ เจ้าช่วยไปส่งต่อข้อความของแม่นางเจียงให้กับคุณชายเจียงหน่อย บอกว่าหมอเกิ่งที่ร่วมทำการค้ากับนางมีไข้สูง นางยังกลับไม่ได้ ส่วนพี่ต้าหูไม่เป็นอะไร และฝากบอกคุณชายเจียงด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง”

องครักษ์อีกคนพยักหน้า เขากำลังจะไปทำตามคำสั่ง ทว่าฝูฉูที่เดินถือไม้กวาดผ่านมาทางนี้ได้ยินเข้า ใจนางพลันกระตุก รีบเรียกองครักษ์คนนั้นทันที “เอ่อ นี่… เดี๋ยวข้าไปส่งต่อข้อความแทนเจ้าเอง”

องครักษ์ลังเลเล็กน้อย ฝูฉูจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “ก็แค่คำพูดประโยคเดียวเอง เราต่างทำงานให้ท่านชายกันทั้งนั้น หรือว่าเจ้าคิดว่าข้าจะทำพลาด ? คิดว่าข้าไปส่งต่อข้อความไม่ได้อย่างนั้นรึ ?”

องครักษ์คิดว่าก็จริง ถึงแม้แม่นางฝูฉูคนนี้จะไม่ใช่คนสนิทของนายท่าน แต่นางเป็นสาวใช้ที่ปรนนิบัตินายท่านมานานหลายปี นางทำอะไรไม่ขาดตกบกพร่องและเป็นคนมั่นคงเสมอมา ถ้าหากว่ามีอะไรผิดพลาดก็คงผิดไม่เยอะเท่าไหร่กระมัง

คิดได้ดังนั้น องครักษ์ก็พยักหน้าด้วยสีหน้าผ่อนคลายลง “ถ้าอย่างนั้นรบกวนแม่นางฝูฉูด้วยก็แล้วกัน”

……

เจียงหยุนชานเพิ่งป้อนนมเสี่ยวฟ๋านฟ๋านเสร็จและกำลังจะกล่อมนางเข้านอน แต่เขากลับได้ยินเสียงเคาะประตูจากข้างนอกเสียก่อน

“คุณชายเจียง…”

หัวใจของเจียงหยุนชานบีบเข้าหากันแน่น เขาฟังออกทันทีว่านั่นคือเสียงของฝูฉู

เดิมทีเจียงหยุนชายคิดจะไม่สนใจนาง ทว่าจู่ ๆ เขากลับรู้สึกว่าถ้าทำแบบนี้มันจะดูเหมือนวิธีที่พวกเด็ก ๆ เขาทำกันไปหน่อย แม่นางฝูฉูแค่ปฏิเสธความรู้สึกของเขาเท่านั้น นางไม่ใช่คนที่มีความผิดร้ายแรงสักหน่อย  ถ้าหากเขามาทำเป็นไม่สนใจนางเช่นนี้ มันอาจจะเป็นการเสียมารยาทได้

ถึงแม้ว่าในใจของชายหนุ่มจะโศกเศร้ามาก แต่คำว่า ‘มารยาทดี’ ที่ผุดขึ้นมาในจิตใจ ทำให้เขาต้องร่าเริงขึ้น เขาห่อร่างเสี่ยวฟ๋านฟ๋านตัวน้อยอย่างระมัดระวังแล้วอุ้มขึ้นมา ก่อนจะเดินออกจากห้อง ผ่านลานบ้านเพื่อไปเปิดประตูให้ฝูฉู

เจียงหยุนชานพยักหน้าให้ฝูฉูอย่างเกรงใจ “แม่นางฝูฉู มีธุระอะไรรึ ?”

ฝูฉูเห็นว่าเจียงหยุนชานไม่ได้หลบหน้านางเหมือนเช่นเคย แต่กลับปฏิบัติต่อนางอย่างห่างเหินแทน นางตกตะลึงไปเล็กน้อย สีหน้าของนางดูไม่ได้ ทว่าก็พยายามยิ้มอย่างฝืน ๆ “ถ้าไม่มีธุระอะไร ข้าจะมาคุยกับเจ้าไม่ได้อย่างนั้นหรือไง ?”

ฝูฉูคิดว่าถ้านางพูดไปแบบนี้ เจียงหยุนชานจะแสดงท่าทีเกรงใจที่ค่อนข้างเอียงอายเหมือนเมื่อก่อน

แต่นางวางแผนพลาด

เจียงหยุนชานได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาแข็งทื่อไปเล็กน้อย แต่เขากลับพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “แม่นางฝูฉู ข้ากับเจ้าเราต่างไม่ใช่เด็กเล็กแล้วและไม่ใช่ญาติกันด้วย ถ้าหากว่าไม่มีธุระอะไร เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการถูกสงสัย ข้าว่าต่อไปเราติดต่อกันให้น้อยลงจะเป็นการดีที่สุด”

เดิมทีรอยยิ้มของฝูฉูก็ดูฝืดฝืนเต็มทีอยู่แล้ว เจอคำพูดนี้ไป นางก็แทบจะรักษารอยยิ้มไว้ไม่ได้อีกต่อไป

เจียงหยุนชานเห็นท่าทีกระอักกระอ่วนของนาง เขาพูดอย่างเกรงใจ “ถ้าหากว่าแม่นางฝูฉูไม่มีธุระอะไร งั้นข้าขอตัวกลับไปกล่อมฟ๋านฟ๋านเข้านอนก่อนนะ”

เจียงหยุนชานไม่ใช่แค่พูดเท่านั้น เขากำลังจะปิดประตู ฝูฉูจึงรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “คุณชายเจียง แม่นางเจียงส่งต่อข้อความมาให้เจ้า”

เจียงหยุนชานชะงักค้าง หยุดการกระทำที่กำลังจะปิดประตูลง

ฝูฉูพูดทันที “แม่นางเจียงบอกว่าหมอเกิ่งที่ร่วมทำการค้ากับนางมีไข้สูง นางยังกลับไม่ได้ ส่วนพี่ต้าหูไม่เป็นอะไร เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”

เจียงหยุนชานโล่งใจทันที เขาพยักหน้าเผยรอยยิ้มจาง ๆ ออกมาให้เห็น “ขอบคุณแม่นางฝูฉูมาก ข้ารับรู้แล้ว เจ้ากลับไปเถอะ” พูดเสร็จ ประตูก็กำลังจะถูกปิดอีกครั้ง

ฝูฉูรีบหยิบผ้ากันเปื้อนของทารกออกมาจากอ้อมแขนของนาง ดูก็รู้ว่าวัสดุนี้คือผ้าไหมอย่างดี ด้านบนปักเป็นรูปปลากับใบบัว ซึ่งเหมือนจริงมากและปักได้สวยงาม ละเอียดดีมากด้วย

“นี่คือผ้ากันเปื้อนที่ข้าทำให้เสี่ยวฟ๋านฟ๋าน และข้ายังทำเสื้อผ้าขนาดเล็กให้กับเสี่ยวฟ๋านฟ๋านด้วย แต่ยังมีบางที่ที่ยังไม่เสร็จ ถ้าข้าทำเสร็จแล้วจะเอามาส่งให้เสี่ยวฟ๋านฟ๋านนะ” ฝูฉูส่งผ้ากันเปื้อนไปในอ้อมแขนของเจียงหยุนชาน

ผ้ากันเปื้อนนี้มันทำให้เขานึกถึงถุงหอมนั้น และเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจจึงหลบหลีกขยับร่างถอยไปโดยไม่รู้ตัว “มะ… ไม่ต้องหรอก เจียงป่าวชิงเตรียมเสื้อผ้าให้เสี่ยวฟ๋านฟ๋านเยอะแล้ว และเพียงพอสำหรับให้เสี่ยวฟ๋านฟ๋านใส่แล้วล่ะ”

สีหน้าเสียใจปรากฏบนใบหน้าของฝูฉู “คุณชายเจียง ข้ารู้ว่าเจ้ามีปมในใจกับข้า แต่นี่คือน้ำใจที่ข้ามีต่อเสี่ยวฟ๋านฟ๋าน ความเข้าใจผิดระหว่างเราเกี่ยวอะไรกับเด็กด้วยล่ะ จริงไหม ? เจ้าอย่าเอามารวมเลย”

เจียงหยุนชานลังเลอยู่สักครู่ เขาเห็นว่าลายปักประณีตและงดงามมากก็คิดขึ้นมาว่านางคงจะใช้เวลาและมีความตั้งใจในการทำจริง ๆ

ท่าทีของเจียงหยุนชานอ่อนลง ฝูฉูจึงเดินเข้าไปส่งผ้ากันเปื้อนให้เขาอย่างมุ่งมั่น

เจียงหยุนชานยื่นมือออกมาข้างหนึ่งพลางรับผ้ากันเปื้อนของเด็กทารกนั้นไป “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นข้าก็ขอบคุณแม่นางฝูฉูแทนเสี่ยวฟ๋านฟ๋านด้วยแล้วกัน”

ฝูฉูเห็นดังนั้น นางก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนกินใจออกมาให้เห็น “คุณชายเจียง ข้าไม่มีธุระอื่นแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ”

เมื่อก่อน ทุกครั้งที่ฝูฉูยิ้มแบบนี้ เจียงหยุนชานก็มักจะก้มหน้าด้วยใบหน้าแดงก่ำ หรือไม่ก็เบี่ยงสายตาไปทางอื่นโดยไม่กล้ามองนาง เพราะเขากลัวว่าถ้ามองอย่างละเอียดมันจะเป็นการล่วงเกินเอาได้ แต่ครั้งนี้เจียงหยุนชานกลับทำเป็นมองไม่เห็น เขาทำเพียงพยักหน้าอย่างเกรงใจก่อนจะหมุนตัวเข้าบ้านพร้อมกับใส่กลอนประตูไปด้วย

ฝูฉูยืนใจลอยอยู่นอกประตูที่ปิดสนิทแล้วสักครู่ ถึงจะกลับไปด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

……

เกิ่งจื่อเจียงเป็นผู้ป่วยที่ทำให้ไม่ต้องกังวลมากจนเกินไปจริง ๆ  หลังจากที่เขาป่วยจนสติเลอะเลือนแล้วเขาก็ไม่ได้โวยวายอะไร อีกทั้งยังให้ความร่วมมือกินยาที่เจียงป่าวชิงป้อนอีกด้วย

เจียงป่าวชิงดูแลเกิ่งจื่อเจียงจนดึกดื่น ในที่สุดพิษไข้ของเขาก็บรรเทาลงสักที

นางนั้นไม่อยากให้การกระทำนี้เป็นความดีความชอบของตัวเอง ถึงตอนนั้นถ้าเกิ่งจื่อเจียงรู้ว่านางดูแลเขาจนดึกดื่น และถ้าเขารู้สึกซาบซึ้งใจโดยเอาตัวเองเป็นของตอบแทนขึ้นมาล่ะ แบบนั้นนางก็คงจะขาดทุนแย่เลย

เจียงป่าวชิงอดกลั้นความง่วงไว้ นางเดินไปที่ห้องข้าง ๆ ไปด้วย ปิดปากหาวไปด้วย ยามที่หัวถึงหมอน สาวน้อยอย่างนางก็หลับไปทันที

……

วันต่อมา เมื่อเจียงป่าวชิงตื่น นางก็รีบผุดลุกขึ้นไปดูเกิ่งจื่อเจียงและพบว่าเขาตื่นแล้วทว่ากำลังนอนระโหยโรยแรงอยู่บนเตียง

“อา… แม่นางเจียง” เกิ่งจื่อเจียงพูดด้วยสภาพอ่อนระโหยโรยแรง “เจ้าวางยาข้าหรือเปล่า ทำไมตอนนี้ข้าถึงได้รู้สึกหัวหนักเท้าเบาแบบนี้ล่ะ ?”

เมื่อคืนดูแลเกิ่งจื่อเจียงจนดึกดื่น ตอนนี้เจียงป่าวชิงจึงยังไม่ค่อยมีชีวิตชีวาสักเท่าไหร่ เสียงเล็ก ๆ หัวเราะเยาะออกมาเล็กน้อย “ฮิ ๆ ใช่ ข้าใส่ยาระบายอาการอกหักให้เจ้ากิน วันนี้ในปีหน้าก็จะเป็นวันถือของเจ้า ตื้นตันใจไหมเล่า  ว่าไง ดีใจหรือเปล่า ?”

เกิ่งจื่อเจียงถูกเจียงป่าวชิงรัวคำพูดใส่จนเขาพูดไม่ออกเลยทีเดียว จำเป็นต้องเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ ทำไมเจ้ายังอยู่ที่บ้านข้าอีกล่ะ ?”

ไอ้คนไร้คุณธรรมนี่นะ!

เจียงป่าวชิงหัวเราะคิกคัก “แน่นอนว่าข้ามาดูว่าเจ้าตายหรือยังยังไงล่ะ! ถ้าเจ้าตาย ข้าจะได้วางแผนแย่งทรัพย์สินของบ้านเจ้าทั้งหมดเลย”

เกิ่งจื่อเจียงพูดด้วยสภาพอ่อนแอ “เจ้าแย่งไม่ได้หรอก ข้ายังมีอากับลูกพี่ลูกน้องของข้าอยู่อีก”

เจียงป่าวชิงอดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่เขาเป็นการทิ้งท้ายก่อนจะลุกไปรินน้ำอุ่นบนโต๊ะข้าง ๆ ยื่นให้เกิ่งจื่อเจียง “ดื่มซะ เดี๋ยวข้าจะออกไปซื้ออะไรมาให้เจ้ากินนะ”

เกิ่งจื่อเจียงรู้สึกหัวหนักเท้าเบา เขารับน้ำมาก็แทบจะทำแก้วแตกอยู่รอมร่อ

เจียงป่าวชิงไร้ทางเลือก ต้องป้อนน้ำให้เกิ่งจื่อเจียงอย่างเสียมิได้

……

เมื่อฉากเหตุการณ์นี้ไปถึงหูของกงจี้ ก็กลายเป็นว่า ‘แม่นางเจียงป้อนน้ำให้เถ้าแก่ร้านยานั้นด้วยตัวเอง’ ทำให้เขาหงุดหงิดงุ่นง่าน

เขาโมโหจนเขวี้ยงกระดานหมากรุกเคลือบเงามันที่ไป๋จีเพิ่งจัดวางใหม่แตกอีกครั้ง

ไป๋จีมองดูเศษที่ระเกะระกะบนพื้นพร้อมด้วยน้ำตาที่ไหลอยู่ในใจ

โชคดีที่ฐานะเขาร่ำรวย เขาทนต่อความทุกข์ทรมานได้สบายอยู่แล้ว!

.

.

.