แอนนี่มองไปรอบๆ ถึงเห็นว่าซูฉิงนั่งอยู่ตรงมุมห้อง
เพียงแต่ว่าคนที่อยู่กับซูฉิงนั้นไม่ใช่ผู้ชาย แต่เป็นผู้หญิงแถมยังคุ้นหน้าด้วย
แอนนี่จ้องไปที่ยวี๋น่าครู่หนึ่ง ครุ่นคิดอย่างละเอียดและในที่สุดก็จำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือยวี๋น่า ผู้รับผิดชอบลีโอสตูดิโอ
ก่อนที่ตระกูลฮ่อกรุ๊ปจะข้อหาเรื่องอื้อฉาวอย่างการลอกเลียนแบบ ยวี๋น่าได้ออกมาให้การเป็นพยานกับซูฉิงและจัดการกับมาริลิน
ความสัมพันธ์ระหว่างซูฉิงและยวี๋น่าคืออะไรกันแน่?
ไม่ได้บอกว่าซูฉิงเป็นเพียงคนจนจากบ้านนอกงั้นเหรอ? ทำไมถึงอยู่กับยวี๋น่าได้?
ทั้งสองพูดคุยหัวเราะกัน ดูแล้วเหมือนมีความสัมพันธ์ที่ดี
แอนนี่รู้สึกงงงวย เธอนั่งเงียบๆ ใกล้กับซูฉิงและยวี๋นา และได้ยินมาว่าซูฉิงจะไปงานประมูลเพื่อการกุศลในวันพรุ่งนี้
งานประมูลการกุศล?
แสงสว่างวาบในดวงตาของเธอ แอนนี่รีบส่งข้อความถึงสวีหว่านเอ๋อร์ [คุณสวีคะ พรุ่งนี้ซูฉิงจะไปที่งานประมูลการกุศลที่ลีโอสตูดิโอจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ค่ะ]
สวีหว่านเอ๋อร์ตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็ว [คุณเตรียมตัวให้ดีเลยนะคะ]
ซูฉิงดื่มไวน์ไปอีกไม่กี่แก้ว ก่อนจะค่อยๆ เวียนหัว
ยวี๋น่าจับมือของซูฉิงที่ถือแก้วไวน์ “หยุดดื่มได้แล้ว ไปนอนที่บ้านฉันก็แล้วกันนะ”
“อื้อ” ซูฉิงนวดขมับ ทั้งยังรู้สึกเหนื่อย
ด้วยความมึนเล็กน้อย ซูฉิงลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตูบาร์พร้อมกับยวี๋น่า
ทันใดนั้นจากหางตาก็เห็นร่างที่คุ้นเคย
แอนนี่?
ซูฉิงขมวดคิ้ว แอนนี่มาปรากฏตัวที่บาร์ เป็นเรื่องบังเอิญหรือว่า…
นอนพักบ้านของยวี๋น่าหนึ่งคืน ซูฉิงกว่าจะตื่นก็เป็นเวลาใกล้เที่ยงของวันรุ่งขึ้น
นวดหัวคิ้ว ซูฉิงก็เห็นข้อความของยวี๋น่าถึงเธอ
[ฉันไปเตรียมงานการกุศลช่วงเย็นก่อนนะ มีอาหารเช้าอยู่ในครัว เธออุ่นเอาเลย เดี๋ยวฉันจะส่งแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของลีโอสตูดิโอซีซั่นหน้าให้ ไว้ว่างๆ ก็ค่อยดูนะ เจอกันตอนเย็น]
ช่างเป็นคนใส่ใจดีจริง ซูฉิงรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
หลังทานอาหารเช้า ซูฉิงได้พิจารณาแผนการที่ยวี๋น่าส่งให้เธออย่างจริงจังและแสดงความคิดเห็นเล็กน้อย
งานเลี้ยงเพื่อการกุศลในคืนนี้จัดขึ้นที่โรงแรมห้าดาวในฝรั่งเศส
ในฐานะผู้รับผิดชอบงานเลี้ยงเพื่อการกุศล ยวี๋น่าได้เตรียมการอย่างเต็มที่ที่ในโรงแรมตั้งแต่เช้า
และซูฉิงนั้น หลังจากทักทายยวี๋น่าแล้วก็หามุมที่ไม่โดดเด่นนั่งลง
การประมูลเพื่อการกุศลครั้งนี้เป็นงานเพื่อสาธารณประโยชน์ที่ลีโอสตูดิโอจัดขึ้น และได้เชิญดาราระดับสูงมากันหลายคน
สวีหว่านเอ๋อร์ขอให้สวีมู่หยางหาวิธีเอาบัตรเชิญและเข้าไปในห้องประมูล
เธอมองไปรอบ ๆ ในห้องประมูลก่อนจะเห็นซูฉิงนั่งอยู่ที่มุมห้อง แต่ฮ่อหยุนเฉิงกลับไม่อยู่
ดูทาว่าฮ่อหยุนเฉิงจะไม่ได้ชอบซูฉิงมาก ไม่เช่นนั้นซูฉิงคงไม่ออกไปข้างนอกตอนกลางค่ำกลางคืน แล้วตอนนี้ยังมางานการประมูลเพื่อการกุศลคนเดียวอีก
ดวงตาของสวีหว่านเอ๋อร์ส่องประกายอย่างชั่วร้าย
ซูฉิง คืนนี้เธอเจอดีแน่!
เวลาสองทุ่ม การประมูลได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
พิธีกรกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นจังหวะ “ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่การประมูลเพื่อการกุศลที่จัดโดยลรโอสตูดิโอในคืนนี้ ลีโอจะบริจาครายได้จากการประมูลทั้งหมดในคืนนี้ให้กับองค์กรการกุศล ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของทุกท่านนะคะ!
คืนนี้เราจะมีทั้งหมดสิบรายการ ซึ่งทั้งหมดบริจาคโดยลีโอสตูดิโอ หวังว่าจะเจอชิ้นที่ถูกใจนะคะ”
พิธีกรประกาศพร้อมเสียงปรบมือ “การประมูลได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้วค่ะ”
“ของชิ้นแรกที่ประมูลคือชามกระเบื้องจากราชวงศ์ถัง เชิญผู้มอบได้เลยค่ะ!”
ผู้มอบเดินไปที่กลางเวทีอย่างสง่างามพร้อมถือถาดไว้อย่างประณีตในมือทั้งสองข้าง พิธีกรเปิดผ้าสีแดงบนถาดและวางชามกระเบื้องสีน้ำเงินไว้บนนั้น
“ราคาของชามกระเบื้องนี้เริ่มต้นที่ 500,000 หยวน และการเพิ่มราคาจะต้องไม่ต่ำกว่า 50,000 หยวนในแต่ละครั้ง เรียนเชิญทุกท่านที่ชอบเริ่มประมูลราคาได้ค่ะ!”
ซูฉิงเงยหน้าเหลือบมองที่ชามกระเบื้องซึ่งเป็นอันที่คุณปู่ให้เธอเอาเข้าร่วมเล่นด้วย
ที่บ้านมีของเก่าเยอะมากจนกองแทบไม่ได้ ถ้าสามารถประมูลเพื่อบริจาคเป็นการกุศลได้ก็ถือได้ว่าเป็นใช้ได้
ไม่นานชามกระเบื้องนี้ก็กลายเป็นที่ดึงดูดและขายได้ในราคาสูงถึงสองล้าน
ชิ้นที่สองที่จะประมูลคือแมวของเล่นนุ่มๆ ราวกับมีชีวิต
“นี่ตุ๊กตาแมวน่ารักใช่ไหมล่ะคะ?” พิธีกรแนะนำ “ทุกท่านอย่าได้ดูถูกมันเชียวนะคะ มันมาจากมือของอาจารย์ลีโอเลย โดยเฉพาะตาแมวที่หุ้มด้วยเพชรนั้นล้ำค่ามาก ควรค่าแก่การเก็บสะสมมากเลยล่ะค่ะ”
มีคนกระซิบด้านล่างว่า “ที่แท้ก็เป็นลีโอทำเองกับมือ หาได้ยากจริงๆ”
“นั่นเป็นเงินจำนวนมาก ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นใครที่ได้รับมันได้”
เพียงแมวตัวนี้เย็บโดยซูฉิงเองกับมือ และเธอชอบมันมาก ดังนั้นเธอจึงวางแผนที่จะเอามันกลับคืนมา
พิธีกรกล่าวเสียงดังขึ้นอีกครั้ง “ราคาเริ่มต้นของแมวตัวนี้คือหนึ่งล้าน และราคาเพิ่มขึ้นครั้งละไม่ต่ำกว่า 100,000 ตอนนี้สามารถเริ่มการประมูลได้ค่ะ”
เมื่อเสียงของพิธีกรดังขึ้น ก็มีคนชูป้ายขึ้นอย่างรวดเร็ว “1.2 ล้าน!”
“1.5 ล้าน!”
“2 ล้าน!”
…
ไม่นานราคาก็ได้ไต่ขึ้นไปจนถึงห้าล้าน
“ตอนนี้ราคาถึงห้าล้านแล้วนะคะ มีใครเสนอราคาสูงกว่านี้อีกไหมคะ” เสียงของพิธีกรดังขึ้น
ซูฉิงยกริมฝีปากขึ้น ก่อนจะยกป้ายขึ้นและกล่าวว่า “ฉันจ่าย 10 ล้าน”
เสียงพิธีกรดังขึ้นเล็กน้อย “คุณผู้หญิงท่านนี้ประมูลอยู่ที่ 10 ล้าน ไม่ทราบว่ามีใคร…”
พิธีกรยังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นสวีหว่านเอ๋อร์ยกป้ายของตัวเองไว้สูง “ฉันจ่าย 12 ล้าน!”
สวีหว่านเอ๋อร์มองซูฉิงอย่างดุร้าย ที่จริงแล้วเธอไม่คิดประมูลแมวตัวนี้ แต่ตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่ซูฉิงชอบ เธอต้องคว้ามันไว้ให้ได้!
หลังจากได้รับสายตายั่วยุของสวีหว่านเอ๋อร์ ซูฉิงจึงยิ้มเบาๆ และยกป้ายขึ้นอีกครั้ง “15 ล้าน”
15 ล้าน!
สวีหว่านเอ๋อร์มองไปที่ดวงตาของซูฉิงด้วยความรังเกียจ
ยัยบ้านนอกซูฉิงจะไปมีเงินมากมายขนาดนั้นได้ยังไงถ้าไม่ใช่การอ่อยผู้ชาย!
แปดสิบเปอร์เซ็นต์ต้องเป็นเงินฮ่อหยุนเฉิงแน่!
สวีหว่านเอ๋อร์มองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นฮ่อหยุนเฉิง
สวีหว่านเอ๋อร์ลุกขึ้นยืน เดินไปที่ด้านข้างของซูฉิงก่อนจะมองเธอและพูดอย่างประชดประชัน “ซูฉิง ฮ่อหยุนเฉิงรู้ไหมว่าเธอเอาเงินเยอะขนาดนั้นไปซื้อกับแค่แมวตัวเดียว”
ชูฉิงมองไปที่สวีหว่านเอ๋อร์ราวกับมองคนโง่ “เขาจะรู้หรือไม่แล้วมันเกี่ยวกับอะไรกับคุณสวีงั้นเหรอคะ?”
“พูดอย่างนี้คือเขาไม่รู้ใช่ไหมล่ะ?” สวีหว่านเอ๋อร์เยาะเย้ย “ถ้าเธอประมูลได้แต่กลับไม่มีเงินซื้อ เธอว่ามันไม่น่าอายหรือไง?”
“คุณสวีคงไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกค่ะ” ซูฉิงขดมุมริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะหยิบการ์ดสีดำออกมาแล้วส่ายต่อหน้าสวีหว่านเอ๋อร์
เธอจะไม่มีเงินได้ไง? ช่างเป็นเรื่องตลกสิ้นดี
ขณะนั้นสวีหว่านเอ๋อร์ก็จำได้ว่าในร้านRDบูติก ซูฉิงก็ใช้การ์ดใบนี้เพื่อคว้าชุดเอลซ่านั่นไป
ไฟวอดในใจของสวีหว่านเอ๋อร์อย่างอดไม่ได้ คราวนี้เธอต้องคว้าแมวตัวนี้ไว้ให้ได้!
เธอจึงยกป้ายขึ้นอีกครั้ง “20 ล้าน!”