ตอนที่203 เพราะคุณไม่จริงใจกับมัน
ฉีเล่ยกล่าวตอบอย่างหนักแน่นว่า
“ก็เดิมพันว่าศาสตร์แพทย์แผนจีนจะไม่มีวันสูญหายไปจากโลกใบนี้ยังไงล่ะ! ภายในสามปีผมจะทำให้แพทย์แผนจีนโด่งดังไปทั่วโลก!”
หลังจากได้ฟังคำแปลของเหอจื่อแล้ว ด็อกเตอร์ฮาเมอร์กับคนอื่นๆ ก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะเยาะดังลั่นขึ้นอีกครั้ง
หลังจากหัวเราะกันไปครู่ใหญ่ ด็อกเตอร์ฮาร์เมอร์ก็ถึงกับหายใจหอบพร้อมกับตอบฉีเล่ยไปว่า
“แค่ได้ฟังผมก็รู้สึกหมดหวังแทนแล้ว แต่ก็เอาเถอะ แล้วจะเดิมพันด้วยอะไรดีล่ะ?”
ฉีเล่ยย้อนถามกลับไปในทันที
“ทรัพย์สินของคุณมีทั้งหมดเท่าไหร่?”
แต่ครั้งนี้ด็อกเตอร์ฮาเมอร์ถึงกับหยุดชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะร้องถามออกมาอีกครั้งอย่างไม่มั่นใจ
“อะไรนะ? นี่หมายความว่ายังไง?”
ในฐานะที่เป็นศัลยแพทย์ อีกทั้งยังเป็นศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกาอีกด้วย ทรัพย์สินส่วนตัวเขานั้นย่อมมีจำนวนมหาศาลอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสับสนเล็กน้อยกับคำถามของฉีเล่ย
ฉีเล่ยทำสีหน้าท่าทางครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นพร้อมแววดูถูกว่า
“ตัวคุณเองก็น่าจะมีทรัพย์สินเงินอยู่ประมาณหนึ่ง ถึงจะไม่เข้าขั้นมหาเศรษฐีก็ตามเถอะ พวกเรามาเดิมพันกันสัก 2ล้านเหรียญดอลลาร์ดีไหมครับ มาดูกันว่าภายในสามปีผมจะทำสามารถทำให้แพทย์แผนจีนโด่งดัง จนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกได้ไหม?”
หลังจากด็อกเตอร์ฮาเมอรได้ยินคำแปลของเหอจื่อเข้า ก็ถึงกับตกตะลึงขึ้นทันที เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ฉีเล่นจะกล้าเอ่ยปากท้าเดิมพันเขาด้วยจำนวนเงินที่สูงถึงสองล้านดอลลาร์
แม้ว่าเขาจะเป็นศัลยแพทย์ที่มีค่าเหนื่อยต่อชั่วโมงที่สูงมาก แต่ถ้าจู่ๆจะได้เงินสองล้านดอลลาร์มาฟรีๆแบบไม่ต้องเสียแรง มันคงจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยเช่นกัน
แต่ถึงอย่างนั้น ด็อกเตอร์ฮาเมอร์ก็โบกไม้โบกมือปฏิเสธ และร้องตะโกนสวนกลับไปว่า
“หนึ่งล้านดาอลลาร์ ถ้เป็นเงินจำนวนนี้ ผมจะยอมเดิมพันกับคุณ แล้วถ้าคุณโอเคพวเราก็มาเซ็นสัญญาทำข้อตกลงกันได้เลย”
เขาไม่เชื่อหรอกว่า อาจารย์จากประเทศตะวันออกแบบนี้ จะสามารถโยนเงินหลักล้านทิ้งเล่นๆแบบนี้ได้
สีหน้าของฉีเล่ยพลันเปลี่ยนเป็นมืดทมิฬลงเล็กน้อย พร้อมกับก่นเสียงเย็นตอบกลับไปว่า
“แค่ล้านเดียวเองเหรอ…ดูเหมือนว่าคุณจะจนกว่าที่ผมคิดนะ แต่ถึงยังไงผมก็คงต้องขอเพิ่มเงินเดิมพันเป็นจำนวนที่เสนอไปตอนแรก แต่ถ้าคุณใจไม่ถึง ก็ลืมเรื่องนี้ไปซะ! แล้วมาคุกเข่าต่อหน้าผมแทน”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ในที่สุดสีหน้าของด็อกเตอร์ฮาเมอร์ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาถนัดตา
“อะไรนะ?”
เห็นได้ชัดแล้วว่า ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้ล้อเล่นกับเขาจริงๆ
อีกฝ่ายเต็มใจที่จะทุ่มเงินกว่าสองล้านดอลลาร์เพื่อการเดิมพันครั้งนี้ แพทย์แผนจีนจะกลายเป็นที่โด่งดังในอีกสามปีข้างหน้างั้นเหรอ?
มันไม่มีทางเป็นไปไม่ได้
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
เพียงลำพังแค่ตัวคนเดียวจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้ยังไงกัน?
หมอนี่มันไร้เดียงสาเกินไป!
ทว่ายังไม่จบแค่นั้น สีหน้าของฉีเล่ยพลันเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมมากขึ้นไปอีก เขาก่นเสียงสุดแสนจะเย็นชาพูดต่อว่า
“สองล้านดอลลาร์ บวกกับผู้แพ้จะต้องวางมือจากอาชีพนี้ด้วย และห้ามหากินในสายอาชีพนี้อีกต่อไป!”
ถึงเวลาที่มังกรต้องคืนถิ่น
สำหรับฉีเล่ย ไม่เพียงแต่ตัวเขาจะเป็นผู้สืบทอดมรดกการแพทย์ปาฏิหาริย์จากบรรพบุรุษสกุลเฉินเท่านั้น แต่เขายังเป็นตัวแทนของวงการแพทย์จีนที่เหลืออยู่บนโลกทั้งหมด หรือจะให้พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ บนบ่าของเขาทั้งสองข้างนั้นกำลังแบกรับสิ่งที่เรียกว่า เกียรติยศแห่งแพทย์แผนจีนไว้อยู่
หากเป็นตัวเขาที่โดนดูถูกดูแคลนนั้น เขายังสามารถปล่อยผ่านไม่ใส่ใจได้ แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นดูหมิ่นศักดิ์ศรีของศาสตร์แพทย์แผนจีนได้เป็นอันขาด
ด็อกเตอร์ทอมสันรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมาก เขารีบเอ่ยขึ้นทันทีว่า
“คุณอาจารย์ฉี โผ๊มว่ามันไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่นะครับ ไม่โอเคอย่างมากเลยล่ะ”
หลังจากนั้น เขาก็ได้หันขวับไปมองด็อกเตอร์ฮาเมอร์อีกครั้ง พร้อมกับตำหนิว่า
“ฮาเมอร์ คุณเองก็ควรขอโทษคุณอาจารย์เขาด้วยนะ คุณไม่ควรไปดูถูกวัฒนธรรมของพวกเขาแบบนี้เลย”
แต่ด็อกเตอร์ฮาเมอร์กลับพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางดื้อรั้น
“ด็อกเตอร์ทอมสัน ผมก็แค่พูดความจริงเท่านั้น มีตรงไหนที่บ่งบอกว่าเป็นการดูถูก? ในเมื่อมันห่วยผมก็แค่บอกว่าห่วย แล้วอีกอย่างในเมื่ออีกฝ่ายยินดีที่จะแจกเงินให้แบบนี้ ผมเองก็ไม่รังเกียจที่จะรับไว้เหมือนกัน”
รอยยิ้มหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของด็อกเตอร์ฮาเมอร์ เขาหันไปจ้องฉีเล่ยตาเขม็งพร้อมกับถามขึ้นว่า
“แต่ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่า คุณมีเงินมากขนาดนั้นสำหรับเดิมพันจริงๆ?”
“ได้สิ”
ฉีเล่ยหยิบบัตรเดบิตใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าทันที พร้อมตอบกลับไปว่า
“ในบัตรใบนี้มีเงินกว่าล้านหยวน ตีราคาได้ประมาณสองล้านดอลลาร์พอดี ไม่ทราบว่าบัตรนี่พอจะยืนยันอะไรได้ไหม?”
เมื่อเห็นบัตรเดบิตใบนั้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าของซีหลู่เฉิงก็ถึงกับกระตุกอย่างแรง
เมื่อครั้งที่ฉีเล่ยถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยครั้งนั้น ฉีเล่ยเองก็ได้ชูบัตรเดบิตใบนี้ขึ้นมาเหมือนกัน และพูดกับเขาว่า ตนเองไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง เงินเดือนอาจารย์นั้นไม่ได้เศษเสี้ยวขี้เล็บค่าขนมของตนด้วยซ้ำไป
แล้วเวลานี้ ฉีเล่ยก็หยิบบัตรใบเดิมขึ้นมาท้าแขกผู้มีเกียรติจากต่างประเทศเดิมพันอีก
บอกตามตรงนะ นี่เขาบ้าไปแล้วรึเปล่า?
ซีหลู่เฉิงชี้หน้าตะโกนด่าฉีเล่ยด้วยความโมโห
“ฉีเล่ย! นี่คุณเป็นอาจารย์นะ คุณจะมาท้าทายแขกผู้มีเกียรติของทางมหาวิทยาลัยแบบนี้ไม่ได้! นี่คุณรู้ตัวไหมว่ากำลังทำบ้าอะไรอยู่!?”
ฉีเล่ยเอ่ยตอบกลับไปด้วยสีหน้าเย็นเฉียบ
“รู้สิครับ สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่นี้ก็เพื่อกู้ศักดิ์ศรีของวงการแพทย์แผนจีน และไม่มีใครจะสามารถหยุดผมได้ แม้แต่คุณก็ตาม!”
ในตอนนี้ เขาเปรียบเสมือนจ่าฝูงหมาป่าที่กำลังเดือดดาล
ซีหลู่เฉิงรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากกับสายตา การกระทำ และคำพูดของฉีเล่ย เขาตระหนักดีว่า เวลานี้ตนเองคงจะไม่สามารถหยุดพฤติกรรมคลุ้มคลั่งของอีกฝ่ายได้แน่ และหากเขายังฝืนที่จะทำต่อไปคงจะไม่ส่งผลดีกับตนเองแน่นอน
เวลานี้ เขาถูกจับจ้องจากข้าราชการระดับสูงมากมาย และว่ากันว่าเฉินซ่ง เลขานุการของรองรัฐมนตรีโจวเซียวตงเองก็กำลังเพ่งเล็งเขาอยู่เช่นกัน พูดง่ายๆก็คือ ยังมีอีกหลายคนที่คิดอคติกับตัวเขาอยู่ จึงไม่ควรทำเรื่องที่ผิดพลาดอีก
ภายในใจของซีหลู่เฉิงอัดแน่นไปด้วยโทสะ เขาจ้องตาฉีเล่ยเขม็งพร้อมตอบโต้กลับไปว่า
“การเล่นพนันในที่สาธารณะนับเป็นความผิดร้ายแรง ถ้าเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป จะต้องส่งผลเสียต่อมหาวิทยาลัยของเราอย่างแน่นอน! ถ้าเกิดชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเสียหายเข้าใครจะรับผิดชอบ!”
ฉีเล่ยตอบกลับอย่างไม่แยแส
“แต่นี่ไม่ใช่การพนัน มันเป็นการเดิมพัน! และเป็นการเดิมพันเพื่อวงการแพทย์แผนจีนของเรา!”
ซีหลู่เฉิงชี้ไปที่บัตรเดบิตในมือของอีกฝ่าย พร้อมกับสวนขึ้นว่า
“แล้วไอ้เงินหลายล้านหยวนในมือคุณ มันหมายความยังไง! ยังกล้าพูดได้ยังไงว่าไม่ใช่การพนัน! แล้วไอ้ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ คนที่คุณไปเดิมพันด้วยเป็นถึงแขกผู้มีเกียรติที่มาเยี่ยมเยือนมหาวิทยาลัยของเรา! ถ้ามีสื่อไหนเข้ามาทำข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันจะส่งผลร้ายต่อมหาวิทยาลัยเรายังไงบ้าง! สิ่งที่คุณนำมาเสี่ยงไม่ใช่แค่ชื่อเสียงของตัวคุณเอง แต่เป็นชื่อเสียงของทั้งมหาวิทยาลัย! ทำไมถึงไม่…”
ฉีเล่ยพูดแทรกขึ้นในทันที
“เงินเดิมพันก็เป็นเงินผมเอง ผมกำลังเดิมพันกับคนอื่นโดยมีตัวผมเท่านั้นที่เข้ามาเสี่ยง!”
ยิ่งทั้งสองคนโต้เถียงกันมากเท่าไหร่ ความขัดแย้งก็ยิ่งขยายเป็นรอยแตกที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ซีหลู่เฉิงแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“นี่มันเรื่องตลกรึไงกัน ก็คุณเดิมพันในฐานะอาจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไม่ใช่เหรอ! แล้วต้องจริงจังถึงขนาดใช้เงินตัวเองเดิมพันเลยหรือไง?”
ความคิดความอ่านของหนุ่มสาวยังคงไร้เดียงสาเกินไป เพียงแค่มีคนสะกิดนิดสะกิดหน่อยถึงกับจะต้องท้าทายกันขนาดนี้เชียวเหรอ?
แล้วเคยลองคิดบ้างไหมว่า สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อคนอื่นๆยังไงบ้าง?
สีหน้าของฉีเล่ยพลันเคร่งขรึมขึ้นอีกครั้ง ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกโศกเศร้าไม่รู้จบ
จนกระทั่งตอนนี้ คุณก็ยังเลือกที่จะเข้าข้างอีกฝ่ายงั้นเหรอ?
นี่ไม่คิดที่จะแยแสหรือสนใจอะไรเลยใช่ไหม? อีกฝ่ายกำลังดูถูกพวกเราซึ่งเป็นแพทย์แผนจีนอยู่นะ!
ตัวคุณเองก็เป็นบุคคลกรคนหนึ่งในวงการนี้ไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงไม่เลือกที่จะปกป้องล่ะ?
การที่คุณไม่รู้สึกรู้สมอะไรแบบนี้ ก็เพราะคุณไม่ได้รักสิ่งนี้ด้วยใจจริงยังไงล่ะ
ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ ถ้ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่คุณรักสุดหัวใจกำลังถูกดูถูกดูแคลน คุณจะยอมนิ่งเฉยปล่อยให้เธอโดนดูถูกแบบนั้นได้เหรอ?
ฉีเล่ยไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน
พ่อตาของเขาได้สละชีวิตตัวเองช่วยชีวิตเขาไว้ หลังจากเหตุการณ์นี้ ทำให้วงการแพทย์แผนจีนสูญเสียบุคลากรที่เก่งกาจไปทั้งคน แต่ในตอนนี้ตัวฉีเล่ยที่ได้รับสืบทอดมรดกของบรรพบุรุษมาแล้ว ทั้งชีวิตที่เหลือของเขาจึงขออุทิศให้แก่แพทย์แผนจีน และเขาจะไม่ยอมให้ใครมาดูหมิ่นกันได้ง่ายๆ!
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขาเวลานี้ ก็ล้วนแล้วแต่เกี่ยวพันกับการแพทย์แผนจีนทั้งสิ้น และที่เขาสามารถมายืนอยู่ในจุดนี้ได้อย่างทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะแพทย์แผนจีนเช่นกัน
ศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของเขาก็ล้วนมาจากแพทย์แผนจีน
แพทย์แผนจีนไม่เพียงแต่ทำให้เขามีเครื่องมือทำมาหากินเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนอาจารย์ที่สอนวิชาการใช้ชีวิตให้แก่เขา เป็นเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างตลอดทั้งคืนวัน และยังเป็นความรักที่ช่วยเข้ามาเต็มเติมความเหงาในหัวใจ
ดังนั้นแล้ว เขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดดูถูกได้เด็ดขาด!