กู้ชูหน่วนและชายหนุ่มชุดดำถูกล้อมรอบขึ้นมา พูดให้ถูกต้อง น่าจะเป็นล้อมรอบกู้ชูหน่วน เพียงแต่ชายหนุ่มยืนอยู่กับนาง ได้รับผลกระทบไปโดยธรรมชาติ ที่ล้อมรอบพวกเขา มียอดฝีมือมากว่าหลายสิบคน ทุกคนล้วนสวมชุดดำปิดหน้า มือถือเคียว แววตาไม่เป็นมิตร

ผู้นำผู้หนึ่งเป็นคนแคระตัวเล็กเตี้ยและผู้หนึ่งเป็นหญิงรูปร่างหน้าตาดีวัยกลางคนหนึ่ง

สวีเอ๋อเหนียงที่หุ่นดีหน้างามขยิบตาทำตาเยิ้มส่งไป ในตาที่จ้องมองชายหนุ่มเปล่งประกายอยู่ตลอด “โอ้ หนุ่มน้อย เพียงแค่รูปร่างของเจ้า ข้าก็น้ำลายไหลแล้ว จะเอาผ้าปิดหน้าของเจ้าออกดีหรือไม่ ให้ข้าได้เชยชมเจ้าให้ดีๆ”

“เจ็ดผีแห่งภูเขายิน” ชายหนุ่มพ่นสองคำออกมาอย่างช้าๆ

“สายตาไม่เลวนี่ พวกเราซ่อนอาศัยอยู่ในภูเขายินมาหลายปี คิดไม่ถึงว่ายังจะมีคนที่จดจำพวกเราได้”

“อีกสองคนที่เหลือล่ะ”

“ต่อกรกับพวกเจ้า ต้องใช้พวกเราผีทั้งสี่ออกมาพร้อมกันที่ไหนกัน” คนแคระแบกมีดใหญ่เล่มหนึ่ง มีดเล่มนั้นยังสูงกว่าตัวของเขาอีก ดูแล้วไม่เข้ากันอย่างยิ่ง

เสียงของเขาใหญ่หยาบ หน้าตาน่าเกลียด ดวงตาทั้งคู่โปนขึ้นมา เหมือนกับตาปลาที่ตายแล้ว แต่บนร่างกลับหนาแน่นไปด้วยความชั่วร้าย แรงสังหารรุนแรง

กู้ชูหน่วนค้นหาความทรงจำในสมอง ในความเลือนรางมีความทรงจำที่วุ่นวายกระจัดกระจายอยู่บ้าง

เจ็ดผีแห่งภูเขายินมีทั้งหมดเจ็ดคน แต่ละคนวิทยายุทธสูงส่ง จิตใจชั่วร้ายฝีมือเหี้ยมโหด พวกเขาสังหารผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน หลายปีก่อนได้สังหารผู้บริสุทธิ์ในหลายหมู่บ้านในชั่วเวลาข้ามคืนโดยไม่มีเหตุผล ถูกเจ้าสำนักของสำนักชูร่าทำให้บาดเจ็บล้มตาย ตายไปสามคน ยังเหลืออีกสี่คน

สี่คนนี้หนีกลับภูเขายิน ไม่กล้าออกมาหลายปี คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะโผล่ออกมาแล้ว

สำหรับสำนักชูร่า ความทรงจำในสมองของนางมีไม่มากนัก รู้เพียงแค่นี่เป็นสำนักที่ลึกลับเป็นที่สุดสำนักหนึ่ง วิทยายุทธของเจ้าสำนักนี้ลึกลับยากจะหยั่งรู้ เพียงแต่ไม่เคยมีผู้ใดเคยพบเห็นเจ้าสำนักสำนักชูร่ามาก่อน แม้กระทั่งนางเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ

กู้ชูหน่วนหัวเราะอย่างเกียจคร้าน “ข้าก็คิดว่าเป็นใคร ที่แท้ก็คือสุนัขขี้แพ้ทั้งสี่นี่เอง”

ตื้ด…….

ท่ามกลางบรรยากาศมีความรู้สึกของการสังหารที่เคร่งขรึมมากขึ้นอีกชั้น

สุนัขขี้แพ้?

ใครกล้าพูดว่าพวกเขาเป็นสุนัขขี้แพ้?

เจ็ดผีแห่งภูเขายินวิทยายุทธล้ำเลิศ ตอนนั้นหลายสำนักที่มีชื่อเสียง แม้กระทั่งราชสำนักก็ล้วนออกคำสั่งแขวนคอประหารพวกเขา ผลสุดท้ายแต่ละคนล้วนถูกโจมตีกลับ มีหลายสำนักที่ถึงกระทั่งถูกฆ่าล้างสำนัก

หากไม่ใช่เจ้าสำนักของสำนักชูร่าที่วิทยายุทธแข็งแกร่งสูงส่ง สังหารไปสามคน ทำให้อีกสี่คนได้รับบาดเจ็บ เกรงว่าพวกเขาก็ยังคงก่อกรรมทำชั่วอยู่ในแคว้นเย่อีก

คนแคระโกรธจัด ชี้มีดไปที่กู้ชูหน่วน “สาวน้อย เจ้ากล้ามากขนาดนี้ เพราะร้อนใจอยากไปพบท่านยมราชหรือ?”

“เอ่อ……หรือข้าพูดผิดไปงั้นเหรอ? หรือพวกเจ้าไม่ได้ถูกตีจนหนีหางจุกตูดกลับภูเขายินไปงั้นหรือ?”

“เพ้อเจ้อ เจ้าคิดว่าพวกข้ากลัวนางหรือ? ไม่กี่ปีมานี้พวกข้าฝึกฝนอย่างหนัก ก็เพราะจะฆ่านางเพื่อล้างแค้น”

“หากว่าข้าไม่ได้จำผิด ตอนนั้นคนอื่นเขาเอาชนะพวกเจ้าทั้งเจ็ดด้วยมือข้างเดียว หลายปีมานี้พวกท่านพัฒนาแล้ว แล้วเจ้าสำนักชูร่าจะไม่พัฒนาขึ้นเชียวหรือ?”

คนแคระอารมณ์ฉุนเฉียว แบกมีดใหญ่ฟันเข้าไปอย่างดุเดือด ในปากด่าว่าอย่างต่อเนื่อง “เหลวไหลเพ้อเจ้อไร้สาระ”

เจี่ยนแคระเป็นคนเตี้ยและขี้เหร่ แต่วิทยายุทธกลับเหนือกว่าระดับที่ยอดเยี่ยม ใช้มีดขนาดใหญ่เล่มหนึ่งอย่างมีพลังน่าเกรงขาม มีดเล่มใหญ่ของเขายังมาไม่ถึง แรงสังหารของปราณมีดก็มาถึงแล้ว ต้นไม้ที่อยู่ใกล้เขาบางส่วนได้รับผลกระทบจากคลื่นที่เหลือ ต่างหักออกเป็นสองท่อน

แววตาของชายหนุ่มเคร่งขรึมทันที ทันทีที่พลิกมือ พิณสีหมึกก็อยู่ในมือแล้ว

“ตึ้งตึ้งตึ้ง…….”

เขาดีดสามสายติดต่อกัน สายพิณกลายเป็นแรงสังหาร ปังเสียงหนึ่งปะทะเข้าด้วยกันกับมีดของเจี่ยนแคระ เกิดเสียงดังระเบิดดังสนั่นเสียงหนึ่ง แม้แต่พื้นก็ปรากฏเป็นหลุมลึก

ดวงตาทั้งคู่ของสวีซานเหนียงเปล่งประกาย “โอ้โห ดูไม่ออกว่าจะมีความสามารถอยู่เล็กน้อยนะเนี๊ย ข้าชอบ น้องสี่ ผู้ชายคนนี้เหลือชีวิตไว้ ข้าชอบเขาแล้ว”