เหมือนคลื่นอันน่ากลัว โจมตีไปทั่ว พลังรุนแรงทำให้พื้นใต้เท้าราบเป็นหน้ากลอง เศษหินเศษดิน โดนกวาดออกไปจนหมด

สิงคงยืนอยู่ที่เดิม ดาบง้าวในมือหักออก

ขาเริ่มสั่น สุดท้ายสิงคงร้องโอดครวญออกมา และคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น

กระบวนท่าของหานเฟิง ทำลายพลังการต่อสู้ของเขา

หานเฟิงส่งเสียงหึอย่างเย็นชา “ไม่เจียมตัว”

เมื่อพูดแบบนี้ หานเฟิงหันกลับไปยักคิ้วให้พวกลู่ฝาน

ฉู่เทียนไม่รอช้า แบกต้นปรงสาคูขึ้นมา เตรียมจะเดินออกไป

ศิษย์คณะนานาบริเวณรอบๆ พูดไม่ออกสักคำ

มองสิงคงคุกเข่าข้างเดียวอยู่บนพื้น พวกเขาไม่เข้าใจว่าคณะหนึ่งเดียว มียอดฝีมือแบบนี้ได้อย่างไร คณะหนึ่งเดียว เป็นคณะที่แย่สุดไม่ใช่หรือไง

ลู่ฝานพรูลมหายใจออกมา ไม่ว่ายังไง จัดการได้ก็ดีแล้ว

เห็นท่าทางได้ใจของศิษย์พี่หานเฟิง ลู่ฝานยิ้มแหยๆ ไปเถอะ รีบกลับกันเถอะ

ทั้งสี่คนเดินออกมาจากกลุ่มคน ศิษย์คณะนานาโมโหมาก แต่ไม่ได้ขวางไว้

ตอนพวกเขากำลังจะออกไป จู่ๆ มีเสียงดังขึ้นจากไกลๆ

“เดี๋ยวก่อน ในเมื่อมาแล้ว จะกลับไปง่ายๆ แบบนี้เหรอ”

เสียงดังเข้ามาในหูศิษย์พี่ฉู่สิงและคนอื่น ทันใดนั้น ศิษย์พี่ทั้งสามของลู่ฝาน สีหน้าเปลี่ยนไป

“ศิษย์พี่อี้ไป๋ ศิษย์พี่อี้ไป๋มาแล้ว”

ศิษย์คณะนานา ตะโกนแทบขาดใจ กลุ่มคนแยกเป็นสองทาง หลีกทางให้ใครคนหนึ่ง

เสื้อขาวดั่งหิมะ หน้าตาหล่อเหลา กระบี่ยาวสี่เล่ม เสียบอยู่ด้านหลัง ทำให้ศิษย์ที่เป็นผู้หญิง แทบกรี๊ดจนสลบ เห็นได้ชัดว่าศิษย์พี่อี้ไป๋คนนี้ เป็นที่นับถืออย่างมาก ในบรรดาคนพวกนี้

ฉู่เทียนวางต้นปรงสาคู ลากหานเฟิงมาด้านหลัง การกระทำนี้ ดูเหมือนว่าศิษย์พี่ฉู่เทียนคิดว่า หานเฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

แต่หานเฟิงกลับพูดอย่างไม่สนใจ “อี้ไป๋กระบี่นักปราชญ์ มีอะไรเหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์ ไม่อนุญาตให้ฉันใช้เคล็ดวิชาบู๊ระดับดิน จัดการศิษย์คณะอื่น ฉันคงทำให้นายตาย ด้วยกระบวนท่าเดียวไปแล้ว”

ลู่ฝานได้ยินคำพูดของหานเฟิง จึงถามอย่างไม่เข้าใจ “ศิษย์พี่หานเฟิง พูดอะไรน่ะ อาจารย์ไม่ให้พี่ใช้เคล็ดวิชาบู๊ ระดับดินเหรอ”

ศิษย์พี่รอง ศิษย์พี่สาม แค่ฝึกเคล็ดวิชาบู๊ระดับดินที่อาจารย์ถ่ายทอดให้ กฎเหล็กข้อแรกคือ ห้ามใช้กับคนสถาบันเดียวกัน ไม่งั้นนายคิดว่าคณะหนึ่งเดียวของเรา จะสู้คณะอื่นไม่ได้เหรอ ชิ

ลู่ฝานพยักหน้าเข้าใจ ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง ฝึกแต่ห้ามใช้ มิน่าล่ะ ถึงอยู่ลำดับสุดท้าย

ศิษย์พี่รองฉู่เทียน เข้ามาพูดว่า “อี้ไป๋ ไม่เจอกันนานเลย”

อี้ไป๋พูดว่า “ฉู่เทียน ไม่ต้องมาพิธีรีตองกับฉัน บุกรุกเข้ามาในคณะนานาของฉัน ไม่สู้กับฉันสักสองกระบวนท่า นายไปไหนไม่ได้หรอก”

ฉู่เทียนพูดว่า “ช่างไม่ประจวบเหมาะเอาเสียเลย เมื่อกี้คนของคณะนาย พนันเอาไว้แล้ว พวกเราชนะแล้ว ดังนั้นจึงจะกลับ”

ฉู่เทียนพูดจบ หันหลังจะเดินไป ทันใดนั้น กระบี่ยาวลอยออกมา ปักอยู่ตรงหน้าฉู่เทียน

อี้ไป๋พูดว่า “ตลก เขาเป็นตัวแทนของทั้งคณะนานาได้เหรอ”

ฉู่เทียนพูดว่า “แล้วนายเป็นตัวแทนได้เหรอ”

อี้ไป๋สีหน้าเปลี่ยนไป พูดออกมาว่า “ฉันบอกว่าเป็นได้ ก็เป็นได้สิ ถ้าเอาชนะฉันได้ ต่อไปถ้ายังมีศิษย์คณะนานา ไปหาเรื่องพวกนายอีก ฉันคือคนแรกที่จะไม่ยอม ฉันใช้ฉายากระบี่นักปราชญ์ของฉัน เป็นประกัน โอเคแล้วใช่ไหม”

ขณะนั้น หานเฟิงทนไม่ไหวแล้ว พูดเสียงดังออกมาว่า “กระบี่นักปราชญ์ของนาย สูงส่งมากหรือไง เจ๋ง……”

หานเฟิงโดนฉู่สิงเอามือปิดปาก และลากกลับไป มาเยาะเย้ยตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องดี

แววตาฉู่เทียนวูบไหว เห็นได้ชัดว่ากำลังครุ่นคิด ว่าจะสู้ดีไหม

ลู่ฝานเดินเข้าไปพูดว่า “ศิษย์พี่รอง กำลังคิดอยู่เหรอว่าจะใช้เคล็ดวิชาบู๊ดีไหม”

ฉู่เทียนพูดช้าๆ ว่า “โดนอาจารย์ไล่ออกจากสถาบัน เพราะเขา มันไม่คุ้ม”

ลู่ฝานถามว่า “พละกำลังของเขาเป็นยังไงครับ”

ฉู่เทียนขมวดคิ้วพูดว่า “น่าจะแดนปราณในชั้นแปด อาจชั้นเก้าก็ได้ เขาอยู่ในสถาบันมาสามปีแล้ว ฝึกเคล็ดวิชาบู๊ได้ไม่เลวเลยล่ะ”

ลู่ฝานชะงักไป แล้วพูดว่า “สามปี อยู่ในสถาบันได้แค่สามปีไม่ใช่เหรอ”

ฉู่เทียนพูดว่า “นั่นกับศิษย์ทั่วไป ฝึกไม่ถึงแดนปราณในชั้นห้า ภายในสามปี ต้องโดนไล่ออกจากสถาบันทั้งหมด ส่วนศิษย์ที่ฝึกสำเร็จจากข้างนอก และกลับมา เป็นผู้มีพรสวรรค์แท้จริง ฝึกในสถาบันเป็นสิบปีก็ได้”

ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง ศิษย์พี่ฉู่เทียน งั้นรอบนี้ ให้ผมจัดการเอง พี่ใช้เคล็ดวิชาบู๊ไม่ได้ ของผมคงไม่มีปัญหา อาจารย์ไม่ได้บอกผมว่าห้ามใช้”

ฉู่เทียนพูดว่า “วิชากระบี่ขั้นพื้นฐานของนายเล่มนั้น แค่ระดับมนุษย์ชั้นต้น แน่นอนว่าใช้ได้อยู่แล้ว เดี๋ยวนะศิษย์น้องลู่ฝาน นายพูดจริงเหรอ อีกฝ่ายเป็นแดนปราณในชั้นแปดถึงเก้าเลยนะ”

ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “วางใจเถอะ ขอแค่ไม่ใช่นักบู๊ปราณนอก ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ถึงเขาเป็นนักบู๊ปราณนอก ผมก็ไม่แพ้ง่ายๆ หรอก ผมมั่นใจ”

ฉู่เทียนมองแววตาแน่วแน่ของลู่ฝาน ครุ่นคิดแล้วหัวเราะออกมา “โอเค ศิษย์น้องลู่ฝาน ฉันก็อยากเห็นเหมือนกัน ว่าช่วงนี้ นายฝึกอะไรออกมาได้บ้าง”

ฉู่เทียนหันไปพูดกับอี้ไป๋ “อี้ไป๋ ในเมื่อนายอยากสู้ งั้นให้ศิษย์น้องฉันสู้กับนายละกัน ถ้านายเอาชนะศิษย์น้องฉันได้ ฉันจะสู้กับนายสองกระบวนท่า”

อี้ไป๋หัวเราะพรืดออกมา “ฉู่เทียน นายลืมไปแล้วเหรอ ว่านายเคยแพ้คามือฉัน”

ฉู่เทียนหัวเราะ “ใครแพ้คามือ นายน่าจะรู้อยู่แก่ใจ”

รอยยิ้มบนใบหน้าอี้ไป๋ชะงักไป จากนั้นหันไปมองลู่ฝาน

อี้ไป๋พูดว่า “ศิษย์คนใหม่ของคณะหนึ่งเดียว หึ ฉันเคยได้ยินมาแล้ว ฉันจะทำให้นายรู้ว่าการเลือกคณะหนึ่งเดียว เป็นข้อผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง”