ตอนที่ 289 “ลูกสาว” สายฟ้าแลบ / ตอนที่ 290 ประหนึ่งกำลังมองเหลนตัวน้อยอยู่ก็ไม่ปาน

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 289 “ลูกสาว” สายฟ้าแลบ

 

 

เธอไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้จู่ๆ หัวใจเธอพลันเต้นแรงขึ้นมา ยามที่มองไปยังใบหน้ากลมเล็ก หัวใจของเธอก็พลันอ่อนยวบ

 

 

เด็กน้อยไม่ได้พูดจา เพียงแค่ขยับสองแขนนั้นขึ้นแล้วหันไปส่งเสียงอ้อแอ้กับเฉินฝานซิงสองคำ “อุ้มๆ”

 

 

เธอเกือบละลายเพราะเสียงน่ารักๆ นั่น พลันอ้าแขนรับเจ้าตัวน้อยเข้ามาในอ้อมกอดอย่างระมัดระวัง

 

 

ท่าทางจึงดูเงอะงะและตั้งอกตั้งใจไปเล็กน้อย

 

 

หนูน้อยโอบรอบคอของเธอเอาไว้ ก่อนจะจุ๊บลงไปบนแก้มขาวเสียงดัง จ๊วบ

 

 

สองแขนของเฉินฝานซิงที่โอบอุ้มเจ้าตัวน้อยอยู่นั้นกระชับแน่นขึ้น

 

 

คุณแม่วัยใสที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งก็เอ่ยขอโทษขอโพยกับเธอ “ขอโทษด้วยนะคะ ปกติหวันหว่านไม่ได้เป็นแบบนี้”

 

 

เฉินฝานซิงเผยยิ้มกริ่ม พลางเอ่ยแซวทารกน้อยในอ้อมกอด “หวันหว่านชอบน้าเหรอ”

 

 

เด็กน้อยพยักหน้ารับ

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินฝานซิงยิ่งกว้างขึ้น ความละมุนและอุ่นซ่านที่กลางใจก็ได้เพิ่มพูนขึ้นเป็นเท่าทวี

 

 

อีกด้านหนึ่ง ป๋อจิ่งชวนมองใบหน้าเปื้อนยิ้มที่แสนอบอุ่นของอีกฝ่ายอยู่อย่างเงียบเชียบ นัยน์ตาคู่นั้นค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปอย่างลึกล้ำและมืดมน

 

 

“ปะป๊ะ”

 

 

เสียงอ้อแอ้ดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบเชียบภายในตัวลิฟต์ ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้วขึ้นสูง กลับได้เห็นว่าตอนนี้เด็กน้อยกำลังปีนป่ายอยู่ตรงไหล่ของเฉินฝานซิงและใช้ดวงตากลมโตสีดำขลับจ้องมองมายังเขา

 

 

หว่างคิ้วเขาผูกเข้าหากัน ก่อนที่เจ้าตัวน้อยจะร้องเรียกขึ้นอีกครั้ง “ปะป๊ะ”

 

 

ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งตัวลิฟต์

 

 

เฉินฝานซิงหันไปมองเขาด้วยความตะลึง

 

 

คุณแม่วัยรุ่นจึงรีบอุ้มลูกน้อยกลับมา

 

 

“หวันหว่าน อย่าเรียกซี้ซั้วสิลูก!”

 

 

เด็กน้อยยังคงชี้ไปยังป๋อจิ่งชวน ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ “หย่อ จุนยุง ปะป๊ะ…”

 

 

ราวกับเฉินฝานซิงเข้าใจบางอย่างขึ้นมา ซึ่งนั่นก็ทำเอาเธอแอบยิ้มไม่ได้หัวเราะไม่ออก

 

 

“หวันหว่านคิดว่าคุณลุงหล่อ ก็เลยเรียกว่าพ่อ?”

 

 

เด็กน้อยพยักหน้า “ปะป๊ะ…”

 

 

ในตอนนั้นสายตาจากคุณแม่วัยใสก็เคลื่อนลงไปหยุดที่ป๋อจิ่งชวน แต่แวบเดียวก็ทำเอาหน้าเธอเปลี่ยนสี ก่อนจะรีบกดศีรษะของลูกน้อยแนบลงกับอกของตัวเอง

 

 

 “หวันหว่าน อย่าซี้ซั้ว นั่นคุณลุงต่างหากล่ะ”

 

 

“จุนยุง…นั่นคือ…จุนยุง…”

 

 

“ใช่แล้วจ้ะ เขาคือคุณลุง…”

 

 

เฉินฝานซิงไม่รู้เลยว่าบทสนทนาของแม่ลูกคู่นี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่ เวลานั้นเอง ตัวลิฟต์ก็หยุดลง คุณแม่วัยใสจึงได้แยกตัวออกไปพร้อมกับลูกน้อยในอ้อมกอด

 

 

ก่อนจะเดินจากไปก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณกับเฉินฝานซิงอีกสักครั้ง

 

 

เฉินฝานซิงเองก็พยักหน้ารับไปเงียบๆ

 

 

เมื่อเห็นว่าสองแม่ลูกเดินจากไปแล้ว เธอจึงหันกลับมามองอีกฝ่าย

 

 

“จะว่าไปคุณเนี่ย ดึงดูดแม้กะทั่งทารกเลยนะ”

 

 

เขาก้มลงมองเธอพร้อมสีหน้าที่เหมือนกำลังปกปิดอะไรบางอย่าง “อย่างน้อยๆ ผมก็เป็นเพศตรงข้าม แต่คุณน่ะสิ กลับดึงดูดทั้งหญิงทั้งชาย”

 

 

“ฉันไปดึงดูดทั้งหญิงทั้งชายตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

 

“หึ” เขาเค้นหัวเราะเสียงเย็น สะกิดแล้วยังไม่รู้ตัวอีก มันน่านัก

 

 

เฉินฝานซิงขมวดคิ้วมุ่น “คุณนั่นแหละดึงดูดทุกเพศทุกวัยทั้งชายหญิงเด็กและคนชรา”

 

 

“ว่าไงนะ”

 

 

“คุณไม่รู้เลยเหรอว่า ตอนนี้ในเน็ตมีคนเอาคุณกับผู้ช่วยอวี๋ไปแต่งเป็นฟิควาย สาบานว่าไม่รู้?”

 

 

“ฟิควายอะไร”

 

 

เฉินฝานซิงเผยยิ้มออกมา “ฟิควายไง บอยเลิฟอะ ที่เป็นนิยายรักระหว่างชายกับชาย แล้วก็อีโรติกหน่อยๆ…”

 

 

ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติพลันมืดครึ้มลงทันตา

 

 

เขากับอวี๋ซง อีโรติกกัน นิดๆ หน่อยๆ?!

 

 

“ใครแต่ง” รีบไปพบยมทูตมากนักใช่ไหม

 

 

เธอไหวไหล่ “ฉันรู้ซะที่ไหน”

 

 

ลิฟต์เคลื่อนตัวมาหยุดลงตรงชั้นสิบหก มือของป๋อจิ่งชวนยังคงกุมมือของเธออยู่ไม่ห่าง

 

 

“มีอะไรรึเปล่า”

 

 

เขาดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ก่อนก้มลงจุมพิตลงบนศีรษะของเธอ

 

 

“วันนี้ได้ออกไป รู้สึกยังไงบ้าง”

 

 

เธอพยักหน้า “ก็ดีนะ เผลอแป๊บเดียวก็ได้น้องๆ เพิ่มมาเพียบเลย”

 

 

ป๋อจิ่งชวนเม้มปากเข้าหากัน “ครั้งต่อไปผมไม่อยากพาคุณไปแล้ว”

 

 

“อ้าว ทำไมล่ะ วันนี้ฉันทำอะไรผิดไปเหรอคะ”

 

 

ในที่สุดป๋อจิ่งชวนก็ได้นำคำพูดที่เธอครหาเขาในวันนี้คืนกลับไปให้เธอได้สำเร็จ…

 

 

คุณนี่ขยันสร้างศัตรูหัวใจให้ผมจริงๆ

 

 

 

 

 

ตอนที่ 290 ประหนึ่งกำลังมองเหลนตัวน้อยอยู่ก็ไม่ปาน

 

 

บ้านสกุลเฉิน

 

 

เฉินเชียนโหรวที่ไม่ได้แตะมื้อค่ำเลยแม้แต่น้อยก็ถูกหยางลี่เวยลากลงมานั่งดื่มนมบนโซฟาอย่างว่องไว

 

 

ยังมีคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วย ได้แก่ เจียหรงหรง เฉินเต๋อฝาน และหยางลี่เวย

 

 

เรื่องในวันนี้ว่อนไปทั่วโลกโซเชียล พวกเขาแทบจะทุ่มหมดหน้าตักเพื่อปิดข่าวตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้เรื่องนี้

 

 

และแน่นอนว่าเรื่องที่เฉินฝานซิงบีบบังคับให้เฉินเชียนโหรวคุกเข่าคำนับกลางห้างเองก็ไม่รอดพ้นสายตาของพวกเขา

 

 

เฉินเชียนโหรวนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเงียบงัน เธอประคองแก้วเหล้าในมือแล้วโน้มศีรษะลงอย่างไร้สุ้มเสียง ทว่าหยาดน้ำสีใสได้หยดแหมะลงมาจากดวงตาคู่

 

 

“คุณย่า พ่อคะ แม่คะ หนูขอโทษ วันนี้หนูหาเรื่องเดือดร้อนมาให้อีกแล้ว”

 

 

เฉินเชียนโหรวกระชับแก้วเหล้าในมือแน่น ไหล่บางสั่นสะท้านอย่างน่าเห็นใจ

 

 

“เธออย่ารับเอาความผิดทุกอย่างมาไว้ที่ตัวเองคนเดียวสิ เรื่องนี้พวกเราเข้าใจดี”

 

 

สีหน้าของเจียหรงหรงดูเคร่งขรึม เฉินฝานซิงทำงานเลี้ยงครบรอบไว้งามหน้าขนาดนั้น ทำไมถึงยังกล้าทำเรื่องนี้ออกมาได้อีก

 

 

เฉินเชียนโหรวยกมือปาดน้ำตาพลางสะอื้นเอ่ย “การที่หนูคบกับพี่เหิงเป็นเรื่องที่หนูรู้สึกผิดกับพี่มาตลอด แต่หนูไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำยังไง…หนูไม่รู้เลยจริงๆ พี่เขา…ทำเกินไปแล้ว…”

 

 

ยิ่งพูดยิ่งเจ็บร้าวในอก หยดน้ำตาก็ได้หลังรินออกมาอีกครั้ง

 

 

“ยัยเด็กนั่นอยู่ต่างประเทศมาตั้งกี่ปี ฉันว่ามันคงกลายเป็นพวกป่าเถื่อนไปแล้ว ตั้งแต่แยกทางกับซูเหิง ไม่กี่วันมานี้ก่อเรื่องก่อราวไปแล้วไม่รู้ตั้งเท่าไหร่! ถ้าอยู่ในประเทศแล้วมันอยู่ไม่สุขนัก ก็จับส่งไปต่างประเทศอีกสักครั้งเป็นไง! เกิดปล่อยให้มันทำตัวเหมือนอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อนแบบนี้ต่อไป ตระกูลนี้คงย่อยยับไปด้วยน้ำมือของมัน! เด็กนรกเอ๊ย!”

 

 

หลายวันมานี้เจียหรงหรงเอาแต่นอนฝันร้าย ในความฝันล้วนมีแต่ภาพใบหน้าที่คุกรุ่นในงานเลี้ยงครบรอบคืนนั้นของเฉินฝานซิง ยิ่งทำให้เธออดผูกใจเจ็บกับประโยคนั้นของหลานสาวไม่ได้…

 

 

สักวันฉันจะทำให้คุณรู้สึกผิด! ฉันจะทำให้คุณรู้สึกผิดจนนอนตายตาไม่หลับ!

 

 

เสียงนั้นราวกับเสียงจากของปีศาจที่ปลุกเธอขึ้นมากลางดึกของทุกค่ำคืนให้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อกาฬท่วมตัว

 

 

ยกมือขึ้นทาบอก เจียหรงหรงหายใจอย่างเหนื่อยหอบ “เต๋อฝาน เรื่องนี้แกไปหาวิธีมา บริษัทจะเสียเงินมากมายขนาดนั้นไปอย่างสูญเปล่าไม่ได้ อีกอย่าง ฉันจำได้ว่าวันเกิดของเชียนโหรวก็ใกล้เข้ามาแล้ว พวกแกใส่ใจกันสักนิด…”

 

 

คำพูดของเจียหรงหรงพูดขึ้นอย่างคลุมเครือ เพียงแต่คนที่ฟังออกก็เข้าใจได้ทันที

 

 

เฉินเต๋อฝานเงียบไปเพียงครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ทราบแล้วครับ”

 

 

คำพูดเหล่านั้นเรียกรอยยิ้มให้ผุดขึ้นในก้นบึ้งของดวงตาของเฉินเชียนโหรวอย่างที่ใครก็ไม่อาจสังเกตเห็น

 

 

เฉินฝานซิง เชิญแกได้ใจไปเถอะ

 

 

ของรักของหวงของแก ทุกอย่างที่เป็นของแก แม้แต่สมบัติชิ้นสุดท้ายของแก ฉันก็กลัวว่ามันจะหายไปในเร็วๆ นี้…

 

 

 

 

เก้าโมงกว่าของวันที่สอง ทั้งคู่เดินทางมาถึงที่พักของนายหญิงสกุลป๋อ

 

 

หญิงชราได้ออกมายืนรอทั้งคู่ตรงหน้าประตูอยู่ก่อนหน้า เธอแทบจะอดใจรอไม่ไหว เมื่อได้เห็นเจ้าหลานชายลงทุนขับรถให้เฉินฝานซิงนั่งด้วยตัวเอง แถมยังจูงมือกันเดินมาทางนี้ เธอก็ถึงกับฉีกยิ้มจนหน้าบาน

 

 

ป๋อจิ่งชวนเอ่ยทัก “คุณย่า”

 

 

เฉินฝานซิงเองก็เอ่ยตาม “คุณย่า”

 

 

“อ๊าย! หลานสะใภ้ที่น่ารักของย่า!”

 

 

ฝ่ามือของหญิงชราบีบเข้าหากันแน่น ทั้งยังตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรอย่างฉับไว

 

 

“…”

 

 

“…”

 

 

เฉินฝานซิงเผยยิ้มอย่างเคอะเขิน ส่วนคนที่ถูกย่าของตัวเองเมินใส่อย่างป๋อจิ่งชวนก็ได้แต่ยืนเม้มปากอย่างเงียบๆ

 

 

นายหญิงสกุลป๋อทำสีหน้าชอบใจยามที่ได้มองไปยัง…หน้าท้องของเฉินฝานซิง ประหนึ่งกำลังมองเหลนตัวน้อยอยู่ก็ไม่ปาน

 

 

แม่บ้านไหลหรงเอ่ยขึ้นอย่างหน่ายๆ “นายหญิงค้าาา”

 

 

“หืม?” สายตานางดูเหมือนจะติดหนึบอยู่กับหน้าท้องของเฉินฝานซิง เอ่ยตอบรับเสียงเรียกของไหลหรงแต่ก็ไม่ยอมถอนสายตากลับมา