ตอนที่ 111 อำนาจของเยี่ยอ๋อง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ดูเหมือนว่าการต่อสู้จะทำให้เขาเสียพลังไปไม่น้อย เวลานี้การพูดจาของเขาก็ดูจะอ่อนแรงลงบ้าง  ตระกูลโอวหยางกับสำนักนิกายเพลิงไฟจู่โจมเข้ามา เขาเองก็ออกแรงไปไม่น้อย

มู่เฉียนซีนำขวดยาบำรุงพลังวิญญาณออกมา กล่าวขึ้น “ข้าให้เจ้า”

ชายในชุดเขียวรับขวดยานั้นไปโดยไม่สนใจว่ายาภายในคือยาอะไร เอียงขวดกลืนยาลงคอไปในทันที

มุมปากมู่เฉียนซีกระตุก เป็นเช่นนี้อีกแล้ว…

หลังจากกินยานี้แล้ว ชายในชุดเขียวมองใบหน้ามู่เฉียนซี สายตาเจือความคาดหวัง ความหมายของการมองนั้นชัดเจนมาก

ต้องการอีก!

มู่เฉียนซีมุมปากกระตุก นางมอบยาเพิ่มพลังวิญญาณให้แก่เขาทั้งหมด “รับเอาไป หากเจ้าชอบกินมันนักก็กินให้หมดเลยแล้วกัน”

คนอื่น ๆ ล้วนตะลึง ชายคนนี้กล้ามาขอมั่ว ๆ เช่นนี้ได้หรือ ?  ทว่าผู้นำตระกูลมู่ก็กล้าให้อย่างมั่วซั่วมากยิ่งกว่า ทั้งแคว้นจื่อเยี่ยเห็นทีคงก็มีแต่ตระกูลมู่เพียงตระกูลเดียวที่สามารถแจกจ่ายยาวิเศษได้อย่างสบาย

หลังจากที่ชายผู้นั้นกินยาเข้าไป ยังคงแสดงอาการประมาณว่าไม่เพียงพอ

“ซีเอ๋อร์” มู่อวู่ซวงเรียกมู่เฉียนซีหลานสาว

“ท่านอาเล็กไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้าคะ ?!”

“ไม่เป็นไร พวกมันยังไม่ได้ทำอะไรข้า” มู่อวู่ซวงส่ายศีรษะ ดวงตาเริ่มฟื้นฉายประกายออกมา มองไปทางจิ่วเยี่ยพร้อมกล่าวว่า… “วันนี้ ต้องขอบคุณเยี่ยอ๋องมากที่ช่วยเหลือ”

ดวงตามู่อวู่ซวงฉายแววมืดดำ “เยี่ยอ๋อง เจ้าคิดว่าพระราชโองการของซวนหยวนจือ พวกเราตระกูลมู่ยึดถือจริงจังหรือ ?”

จิ่วเยี่ยตอบชัดเจน “ใช่”

สายตาคมกริบเย็นชาสองคู่สี่ข้างสบกัน ทั้งสองไม่ได้เอ่ยคำใด ๆ  ในความเป็นจริงคนสองคนกําลังส่งเสียงกันลับ ๆ

“หากเจ้ากล้าแตะต้องซีเอ๋อร์หรือทำอันตรายต่อนาง  ข้าจะทําให้เจ้าต้องเสียใจที่เข้ามาในโลกนี้” น้ำเสียงของมู่อวู่ซวงไม่ได้อบอุ่นนุ่มลื่นเหมือนในวันวานที่ผ่านมา อีกทั้งเสียงนั้นยังแฝงความโหดเหี้ยมและไอสังหารเอาไว้ด้วย

“ไม่จําเป็นต้องให้เจ้ามาเตือน” จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงเยียบเย็น

หลังจากกล่าวจบก็พากระดูกโลหิตของเขาออกไป และได้พาโอวหยางเฉียงที่หมดสติไปด้วยโดยให้พ่อบ้านไป๋นำโอวหยางเฉียงไปส่งที่จวนตระกูลโอวหยาง

พ่อบ้านไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านผู้นำตระกูลโอวหยางโปรดอย่าลืมไปว่าผู้นำตระกูลมู่เป็นว่าที่พระชายาของนายท่านของข้า หากตระกูลโอวหยางกล้าที่จะทำอะไรนาง คราต่อไปนายท่านจะทำให้ทั้งตระกูลของท่านไม่เหลือรอดชีวิตแม้แต่ผู้เดียว ขอให้ท่านผู้นำตระกูลกลับไปคิดดี ๆ วันนี้เป็นเพียงแค่การเตือน” ฝ่ามือโอวหยางจูเหงื่อชุ่ม กล่าวขึ้นด้วยอาการสั่น ๆ “ขอบคุณพ่อบ้านไป๋ที่เตือน”

เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าการที่ซวนหยวนจือพระราชทานสมรสให้นาง ไม่ได้เป็นการบีบให้นางเดินไปสู่ความตาย กลับทำให้นางมีผู้สนับสนุนเบื้องหลังที่น่ากลัวเพิ่มมาอีกหนึ่งคน  ซวนหยวนจิ่วเยี่ย… บุรุษชุดดำนี้น่ากลัวกว่ามู่อวู่ซวงเป็นร้อยเท่าพันเท่า!

“อย่าฆ่าข้า! อย่าฆ่าข้า!” โอวหยางเฉียงที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมา ปากอ้ากว้างตะโกนเสียงก้อง เห็นชัดเจนว่าเขามีอาการตื่นตระหนกระคนจิตหลอนปรากฏบนใบหน้า

แม้โอวหยางจูจะส่งคนมารักษา แต่ก็ไม่ได้ผลอันใด โอวหยางเฉียงหวาดกลัวจนเป็นบ้าไปเสียแล้ว ชั่วชีวิตนี้อย่าได้หวังว่าจะรักษาให้หายดี  ขณะเดียวกัน คำเตือนนี้มาถึงในตอนที่ศพของจี้ข่ายถูกส่งกลับสำนัก

เมื่อผู้เฒ่าสามของสำนักนิกายเพลิงไฟสูญเสียศิษย์ผู้เป็นที่รักไป เกิดความเศร้าโศกอาฆาตแค้นสุมแน่นเต็มใจ คิดที่จะไปฆ่าล้างตระกูลมู่ อย่างไรเสียพลังของมู่อวู่ซวงก็ไม่สามรถสู้เขาได้

แม้ราชวงศ์ซวนหยวนจะกลัวมู่อวู่ซวง มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลัว ทว่า… ได้ยินคำเตือนที่มากจากพ่อบ้านของเยี่ยอ๋อง เขาก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

“ผู้นำตระกูลมู่เป็นคู่หมั้นเป็นว่าที่พระชายาของเยี่ยอ๋อง หากแตะต้องนางแม้ปลายเล็บ เห็นทีสำนักนิกายเพลิงไฟจะต้องโดนล้างบาง” หัวหน้าสำนักนิกายเพลิงไฟรีบเข้ามาห้ามผู้เฒ่าสาม “ท่านอย่าทําอะไรบุ่มบ่าม อย่าทําอะไรบุ่มบ่ามเด็ดขาด!”

ผู้เฒ่าสามกล่าวอย่างเศร้าโศกระคนโกรธเกรี้ยว “จะปล่อยให้ศิษย์ของข้าตายเปล่าไปเช่นนี้หรือ ?”

“ลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์รุ่นหนึ่งของสํานักนิกายเพลิงไฟของข้าไม่สามารถปล่อยให้ตายไปโดยไร้ประโยชน์ได้  ซวนหยวนจิ่วเยี่ยนั้น ใช่! พวกเรายังไม่สามารถล่วงเกินได้ในขณะนี้” หัวหน้าสํานักนิกายเพลิงไฟกล่าวขรึม ๆ

คุณชายรองแห่งตระกูลโอวหยางเปลี่ยนกลายเป็นคนโง่งมอยู่ในจวนสกุลมู่ ศิษย์หลักของผู้เฒ่าที่สามแห่งสํานักนิกายเพลิงไฟถูกสังหาร พวกเขาไม่ได้ระเบิดออกมา เลือกที่จะเก็บตัวเงียบแทน

ในเหตุการณ์ครั้งนี้ นอกจากอาคารที่ทรุดโทรมเสียหายแล้ว จวนสกุลมู่กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง  มู่เฉียนซียังคงใช้ชีวิตต่อไปในการปรุงยา บำเพ็ญพลังวิญญาณ และหาเงิน  วันนี้นางเพิ่งหลอมยาเสร็จหนึ่งเตา เงาร่างสีเขียวพลันปรากฏขึ้นข้างกายนาง จากนั้นมองขวดยาวิเศษของนาง อาการน้ำลายสอปรากฏให้เห็นชัดเจน

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “อยากกินหรือไม่ ?”

เขาพยักหน้า “อยากกิน… ยา…”

หลังจากสังเกตเขามาหลายวัน ในที่สุดมู่เฉียนซีก็รู้แล้วว่าชายผู้นี้ไม่กินอาหารหรือดื่มน้ำ เขาชอบยาเท่านั้น

“ให้เจ้า”

มู่เฉียนซียื่นยาวิเศษให้เขาผู้ซึ่งกลืนเข้าไปทั้งดุ้น มู่เฉียนซีหยิบขวดยา กล่าวถามอีกว่า “อันนี้ กินหรือไม่ ?”

เห็นได้ชัดว่ายานี้ค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับเขา เขามองอย่างฉงนสงสัย  เมื่อมู่เฉียนซีเปิดขวดยา กลิ่นยาลอยเข้าจมูก เขารีบคว้าขวดยานั้นไปกระดกดื่ม

“อึก ๆ….” ชายชุดเขียวดื่มน้ำยาเสมือนดื่มน้ำเปล่า

‘ช่างเป็นคนประหลาดเสียจริง’ มู่เฉียนซีขมวดคิ้วถามขึ้น “เจ้าชื่ออะไร ?”

เขาส่ายหัว กล่าวตอบ “ข้าไม่ทราบ”

“อ้าว! แล้วเจ้าคิดจะอยู่จวนสกุลมู่ของข้าหรือไม่ ?”

“อยู่กับเจ้า มียาวิเศษกิน และยังมีน้ำนั่นให้ดื่ม  ข้าไม่สามารถนอนหลับสนิท แยกจากเจ้าไป ข้าไม่สามารถหาสิ่งเหล่านี้ได้ ข้าก็จะหลับใหลไปอีกครั้ง” ประโยคและน้ำเสียงอันแข็งกระด้างออกจากปากชายในชุดเขียว

“เจ้าพึ่งพาพลังของยาเพื่อรักษาการเคลื่อนไหว หากไม่มียาเจ้าก็จะหลับลึกรึ ?” มู่เฉียนซีอึ้งงัน นางไม่แปลกใจเลยที่เขาหลับไปพร้อมกับคนของตระกูลโอวหยาง ที่แท้ก็ใช้พลังยาวิเศษจนหมดสิ้น นางยิ้มมุมปาก กล่าวต่อ “เจ้าจะอยู่ที่นี่ก็ได้ ข้าจะให้เจ้ากินยาวิเศษอย่างเพียงพอ แต่เจ้าต้องรับปากกับข้า” “ว่ามา”

“เจ้าต้องฟังข้า ข้าให้เจ้าสู้กับใครก็ต้องสู้กับคนนั้น ใครก็ตามที่รุกรานคนตระกูลมู่ของข้า เจ้าต้องลงมือปกป้องตระกูลมู่” จากที่มู่เฉียนซีเห็น เขาคนนี้มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก เดาว่าตราบใดที่ให้ยาวิเศษเพียงพอ เขาสามารถระเบิดพลังการต่อสู้อันแข็งแกร่งขึ้นได้  ไม่มีอะไรไม่ดี แค่ลงมืออย่างกล้าหาญก็เพียงพอ  นางรู้สึกว่าแม้จะต้องการที่จะขับไล่เขา เขาก็คงไม่ยอมไป “ได้” เขาพูดอย่างไม่คิด

“ในเมื่อเจ้าจําชื่อตนเองไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่า ชิงอิ่ง เป็นอย่างไร ?” มู่เฉียนซีถาม “อืม” ชิงอิ่งพยักหน้า

มีชิงอิ่ง ตระกูลมู่เสมือนได้มีแม่ทัพแข็งแกร่งอีกหนึ่งคน ยาวิเศษที่แม่ทัพผู้นี้ใช้สิ้นเปลืองไปทุกวัน แม้แต่ราชวงศ์ก็จะต้องร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดหัวใจ

มู่เฉียนซีไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย นางหลอมยาที่ชิงอิ่งต้องการออกมาได้ตามใจชอบ และวัตถุดิบก็เพียงพอแล้ว นางจึงสามารถเลี้ยงไว้ได้

ในตอนนั้นเอง มู่อียื่นบัตรเชิญมาให้ “ท่านผู้นำตระกูล  ตระกูลอวิ๋น—อวิ๋นซินหรานส่งบัตรเชิญมาให้ขอรับ”

มู่เฉียนซีประหลาดใจเล็กน้อย “ตระกูลอวิ๋นจัดงานใดก็จัดเงียบ ๆ มาตลอด ครานี้เตรียมจะทําอะไรอีกล่ะ ?”

จดหมายเชิญถูกเขียนขึ้นเช่นนี้ เพื่อให้ผู้มีพรสวรรค์ของแคว้นจื่อเยี่ยสามารถแข่งขันกันและกันได้ การจัดอันดับอัจฉริยะของแคว้นจื่อเยี่ยต้องมีการจัดอันดับใหม่ เพื่อให้ผู้มีพรสวรรค์คนใหม่มีโอกาสได้ขึ้นประกาศ

มู่เฉียนซีผู้นำตระกูลมู่ เอาชนะองค์รัชทายาทซวนหยวนหลี่ซางผู้เป็นอันดับหนึ่งของการจัดอันดับอัจฉริยะของแคว้นจื่อเยี่ยได้ แน่นอนว่าต้องได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขันการจัดอันดับอัจฉริยะของแคว้นจื่อเยี่ย

มู่เฉียนซีกล่าว ยกยิ้มมุมปาก สีหน้าเจ้าเล่ห์ระคนสนุกสุขใจ

“ตอบรับอวิ๋นซินหรานไป ข้ากำลังเบื่ออยู่พอดี ไปเล่นกับพวกเขาสักเล็กน้อยก็ดีเหมือนกัน”

“ขอรับ”