ตอนที่ 110 อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“ของที่ซีเอ๋อร์นำมา นั่นก็เป็นของของตระกูลมู่ข้า หากซีเอ๋อร์ไม่อนุญาต ห้ามใครแตะต้องทั้งนั้น” น้ำเสียงมู่อวู่ซวงเย็นยะเยือก

โอวหยางเฉียงบันดาลโทสะ กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “มู่เฉียนซีเจ้าคนไร้ยางอาย เอาชีวิตน้องสาวข้ามาเป็นตัวประกันเพื่อเอาสมุนไพรวิญญาณจํานวนมากจากตระกูลโอวหยางของข้าไป วันนี้ข้าจะเอามันคืน ไม่มีอะไรผิด หากพวกเจ้าอยากเอาตัวรอดก็รีบนำกลับมาคืนซะ”

จี้ข่ายกล่าว โกรธเกรี้ยวไม่แพ้กัน “ตระกูลมู่ของพวกเจ้าให้เงินราชวงศ์เพื่อซื้อยาจักรพรรดิหวงหลัวตานระดับเจ็ด ยั่วโมโหข้าสำนักนิกายเพลิงไฟเป็นที่สุด นําสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นออกมาเป็นค่าตอบแทนให้กับสำนักนิกายเพลิงไฟเสีย มิเช่นนั้นอย่าหาว่าพวกข้าสํานักนิกายเพลิงไฟไม่เกรงใจตระกูลมู่”

“เหอะ! ข้าอยากเห็นเสียจริงว่าเจ้าจะไม่เกรงใจตระกูลมู่อย่างไร” กล่าวจบมู่อวู่ซวงลงมือกับจี้ข่ายอย่างดุดัน

การโจมตีของมู่อวู่ซวง ใช่ว่าจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีของจี้ข่ายที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ราชาแห่งภูตระดับหนึ่งได้

โอวหยางเฉียงกรุ่นโกรธ ตะคอกขึ้น “มู่อวู่ซวง! เจ้ากล้าลงมือกับลูกศิษย์สายตรงของผู้เฒ่าสามแห่งสำนักนิกายเพลิงไฟรึ ?! ช่างกล้าหาญเสียจริง”

ในตอนนั้นเอง ผู้เฒ่าทั้งสองปรากฏตัวขึ้นเพื่อหยุดการโจมตีของมู่อวู่ซวง  สามกองกำลังปะทะกัน

— ตูม!  ตูม! —

ดวงตาโอวหยางเฉียงส่องประกายเย็นยะเยือก ตระกูลมู่ผู้ต่ำต้อยล่วงเกินสำนักนิกายเพลิงไฟ มู่เฉียนซีเจ้าจะต้องไม่ตายดี

ผู้เฒ่าทั้งสองอยู่ในจุดสูงสุดระดับเก้า และเป็นผู้อาวุโสชั้นนอกของสํานักนิกายเพลิงไฟ ทั้งสองล้อมมู่อวู่ซวงไว้ มู่อวู่ซวงจะต้องตายเป็นแน่แท้แล้วในวันนี้  ขณะนั้นเอง คนของสํานักนิกายเพลิงไฟจากตระกูลโอวหยางลงมือกับตระกูลมู่ตามอําเภอใจ

ไม่นานการต่อสู้ปะทุขึ้นในตระกูลมู่ ผู้คนต่อสู้ทั้งระยะห่างระยะประชิด  ครึ่งหนึ่งขององครักษ์เงาตระกูลมู่ออกไปกับมู่เฉียนซี ที่จวนเหลือเพียงครึ่งเดียว แม้ความแข็งแกร่งของพวกองครักษ์เงาจะเลื่อนระดับขั้นเป็นถึงราชาแห่งภูต พวกเขาก็ยังไม่สามารถต้านคนเหล่านี้ได้

“บังอาจนัก! หากข้าตาย พวกมันทั้งหมดทั้งหลายก็ต้องตายตกตามกันไป!” มู่สือซานกล่าวอย่างเหี้ยมโหด  ขณะที่เขากําลังจะเผาหยกกับคนเหล่านี้ ทันใดนั้นเงาร่างสีเขียวพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดวงตามู่สือซานฉายแววประหลาดใจ …ทั้ง ๆ ที่คนผู้นั้นหัวใจไม่เต้นอย่างชัดเจน ตอนนี้กลับมีชีวิตรอดมาได้

“คนผู้นี้ก็เป็นคนตระกูลมู่ ฆ่ามันเสียเดี๋ยวนี้!”

พวกเขากำลังจะลงมือกับเงาร่างเขียวนั่น ทันใดนั้นเงาร่างเขียวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวลมกรด เร็วเพียงนี้ใครก็มิอาจเทียบได้

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

พวกมันมิใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย ฝั่งศัตรูเหมือนจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของเงาเขียวนี้ เริ่มรุมโจมตีเขา ทว่ากลับทําให้องครักษ์เงาของตระกูลมู่บรรเทาความกดดันลงไม่น้อย

มู่เฉียนซีเข้ามาในเมือง ฉับพลันทันใดรู้สึกถึงเสียงที่ดังมาจากฝั่งจวนสกุลมู่ ดวงตานางเต็มไปด้วยความโกรธ “บัดซบ ใครมันกล้าลงมือในเมืองจื่อตูกับตระกูลมู่ของข้ากัน ? มันไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป!”

ร่างสีม่วงพุ่งผ่านมาอย่างรวดเร็ว มู่เฉียนซีอุ้มเจ้าแมวอู๋ตี้กับเจ้าเสี่ยวหง หมูสีแดงตัวหนึ่งพุ่งไปยังจวนสกุลมู่  เมื่อไปถึงจวน เห็นว่าจวนสกุลมู่ได้กลายเป็นสนามรบนองเลือด  ท่านอามู่อวู่ซวงของตนถูกสองผู้เฒ่าล้อมไว้ นางยิ่งเห็นยิ่งโกรธควบคุมอารมณ์ไม่อยู่

“บัดซบเอ๊ย! มู่อวู่ซวงผู้นี้คือราชายอดยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับเก้า”

“เขาเก่งกาจนัก ดูไม่เหมือนคนตาบอดด้วยซ้ำ”

ทั้งสองคนไม่สามารถรับมือกับกระบวนท่าของมู่อวู่ซวงที่มองไม่เห็นและเคลื่อนไหวไม่สะดวกผู้นี้ได้เลย ความรู้สึกขายหน้าอย่างหาที่เปรียบมิได้พุ่งเข้าจู่โจมจิตใจ

“หยุด!”

ทันใดนั้นเอง เสียงเย็นชาดังออกมาจากจวนสกุลมู่

โอวหยางเฉียงกล่าววาจาเฉียบคม “มู่เฉียนซี ในที่สุดเจ้าก็กล้ามาปรากฏตัว”

จี้ข่ายเองก็มองมู่เฉียนซีอย่างละเอียด ต้องบอกเลยว่านางสง่างามโดนเด่นอย่างมาก เพียงมองสตรีตรงหน้า ประหนึ่งดอกไม้หมื่นดอกส่องประกายระยิบระยับออกมาจากในดวงตาของจี้ข่าย

“เจ้า… เจ้าคือผู้นำตระกูลมู่ มู่เฉียนซีรึ ?”

มู่เฉียนซี “ใช่ข้าเอง  มาหาเรื่องตระกูลมู่ของข้า เจ้ามีอะไรจะอธิบายหรือไม่ ?”

จี้ข่ายมองมู่เฉียนซีก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าให้เงินแก่ราชวงศ์ทำให้ข้าสูญเสียสิทธิ์ที่จะครอบครองยาจักรพรรดิหวงหลัวตานระดับเจ็ดไปอย่างน่าเสียดาย ข้ามาที่นี่เพื่อให้เจ้าชดเชยค่าเสียหาย  ท่านอาของเจ้ากลับไม่ตอบตกลง ในเมื่อเจ้าท่านผู้นำตระกูลมาแล้ว  เจ้าจงบอกข้ามาจะตกลงหรือไม่ตกลง ?”

มู่เฉียนซีแค่นสียงเย็นชา “เจ้าไม่มีเงินไปประมูลยาจักรพรรดิ นั่นมันเป็นเรื่องของเจ้า  ประมูลยามาไม่ได้ แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า ? หากต้องการสมุนไพรวิญญาณทั้ง ๆ ที่ทรัพย์จางเช่นนั้น มันเป็นไปไม่ได้”

จี้ข่ายหันกลับมามองมู่เฉียนซี กล่าวขึ้น “หากพวกเจ้าไม่นำเอาสมุนไพรวิเศษออกมาเพื่อชดเชย เช่นนั้นก็ใช้ผู้นำตระกูลมู่เพื่อชดเชยเสียเถอะ ข้าไม่เคยคิดเลยว่านาง ท่านผู้นำตระกูลมู่จะงดงา…”

ยังกล่าวมิทันจบคำ ทันใดนั้นพลังเย็นยะเยือกพุ่งตรงโจมตีจี้ข่ายอย่างรุนแรง ความรวดเร็วนั้นทําให้ผู้เฒ่าทั้งสองไม่สามารถขวางไว้ได้ทัน

“อ๊าก!”

เสียงร้องโหยหวนพลันดังขึ้น ร่างจี้ข่ายลอยออกไปไกลแล้ว กระดูกร่างกายของเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ อวัยวะภายในเจ็บปวดรวดร้าวไปหมด

“อึ๊ย!  อ๊าก!  โอ๊ย!”

สามเสียงร้องหลุดออกจากปาก  เขากระอักเลือดออกมาคําใหญ่ ยังไม่ทันได้กินยารักษาอาการบาดเจ็บก็สิ้นลมหายใจไปเสียก่อน

“นายน้อยจี้!”

ผู้เฒ่าทั้งสองมองจี้ข่ายที่ตายอนาถอยู่ต่อหน้าพวกเขาอย่างเจ็บปวดหัวใจ มันเกิดขึ้นกะทันหันเหลือเกิน

พวกเขาตะโกนโกรธเกรี้ยว “มู่อวู่ซวง!!! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้สังหารนายน้อยจี้ แห่งสำนักนิกายเพลิงไฟของพวกเรา ฝากไว้ก่อนเถอะ!”

พวกเขาสงสัยว่ามู่อวู่ซวงแข็งแกร่งเกินราชายอดยุทธระดับเก้า  ดังนั้นที่นี่จึงไม่เหมาะที่จะอยู่นาน รีบกลับสํานักเพื่อรายงานการขนย้ายกองกำลังทหารจะเป็นการดีกว่า

ขณะที่พวกเขากําลังจะถอยทัพ ทันใดนั้นชายผู้หนึ่งดูราวกับเทพมารนํากองกําลังโครงกระดูกสีแดงเลือดอันมืดมนมาขวางทางพวกเขาเอาไว้

หน้ากากสีดําสนิทนั้น กลิ่นอายเย็นยะเยือกนั้น… ต่อให้พวกเขาเป็นศิษย์ที่ชอบเก็บตัวในสํานักก็รู้ว่าคนผู้นี้เป็นใคร  สีหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“เยี่ยอ๋อง!”

จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเมินเฉย “โครงกระดูกไปจัดการ อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”

ทหารกระดูกโลหิตได้รับคําสั่งให้เริ่มลงมือกับคนของสํานักนิกายเพลิงไฟ ราวกับกําลังเก็บเกี่ยวฟางข้าว เหล่าโครงกระดูสีแดงเลือดจัดการเก็บคนของสํานักนิกายเพลิงไฟและตระกูลโอวหยางที่ก่อความวุ่นวายในจวนตระกูลมู่ให้สะอาด

“อ๊า!  อย่าฆ่าข้า! อย่าฆ่าข้าเลย!”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์สิ้นหวัง โอวหยางเฉียงตกใจแทบบ้า  เดิมทีคิดว่าการกระทําในวันนี้จะสามารถทําให้ตระกูลมู่ประสบกับความพินาศ คาดไม่ถึงว่าทหารปีศาจในนรกเหล่านี้ จะปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน

วิธีการกระหายเลือดอันน่าสะพรึงกลัว ทำให้คนที่สังหารเขาและคนของสํานักนิกายเพลิงไฟกลัวจนตัวสั่น

ความเย็นยะเยือกลึก ๆ สาดเทเข้าที่สมองของโอวหยางเฉียงในพริบตา โอวหยางเฉียงซีดเผือดลงในทันที

— ตึง! —

เสียงนั้นราวกับหมูที่ตายแล้วล้มลงกับพื้น

ความเร็วในการกวาดล้างของทหารกระดูกโลหิตรวดเร็วอย่างหาที่เปรียบมิได้ ศัตรูของตระกูลมู่ในพริบตาไม่มีใครเหลืออยู่เลย  ในตอนนั้นเอง เงาร่างสีเขียวปรากฏขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี

สีหน้าจิ่วเยี่ยมืดหม่นลง พลังอันมหาศาลแผ่ออกมา ต้องการจะลงมือกับคนผู้นี้

มู่เฉียนซีรีบกล่าว “จิ่วเยี่ยอย่าเพิ่งลงมือ”

ดวงตาใสกระจ่างราวกับผลึกคริสตัลสีดําของชายในชุดเขียวแปลกประหลาด จ้องมองมู่เฉียนซีด้วยความปรารถนาพิเศษบางอย่าง

“เจ้าต้องการอะไร ?” มู่เฉียนซีถาม

ชายชุดในเขียวแปลกประหลาดกล่าวตอบเสียงยานคาง

“เม็ดยาาาา… ยาาาา… กิน…”

.