บทที่ 168: ความน่าเกรงขาม

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 168: ความน่าเกรงขาม

อาร์ทิสดีดนิ้วเบา ๆ ขณะที่เอ่ยออกมา ทันใดนั้น ราวกับมังกรที่พ่นน้ำออกมา กล่องหินวิญญาณกลายร่างเป็นพายุเฮอริเคนที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับปล่อยกลุ่มหมอกสีดำออกมาไม่หยุด! ยิ่งพายุตรงหน้าหมุนเร็วมากเท่าไหร่ หมอกดำก็ยังแพร่กระจายมากขึ้น หลังจากผ่านไปกว่าห้านาที พื้นที่บริเวณประตูนรกทั้งหมดก็ดูเหมือนถูกคลุมด้วยผ้าสีดำ ทับถมกันสูงขึ้นอย่างช้า ๆ จนเหมือนกับหลอมรวมเข้ากับกลุ่มเมฆดำบนท้องฟ้า

ภาพที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนกับกระดิ่งแจ้งเตือนที่ทำให้วิญญาณโดยรอบต้องตกตะลึง ทั้งหมดอ้าปากค้างและได้สติทันที พวกเขาถอยห่างออกมาและเว้นพื้นที่ว่างระหว่างพวกตนกับประตูนรกอย่างรวดเร็ว

อาร์ทิสมองวิญญาณทั้งหมดด้วยสายแต่เหยียดหยาม ก่อนจะกดมือลงอย่างกะทันหัน ประตูนรกสั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่หมอกดำจมลงเล็กน้อย และทุกอย่างก็ระเบิดออก!

เพล้ง เพล้ง!

หินวิญญาณที่สุกใสแตกกระจายไปทั่วท้องฟ้าราวกับดวงดาวในขณะที่กลุ่มหมอกสีดำปกคลุมไปทั่วรัศมีกว่าพันเมตร หินวิญญาณที่มีจำนวนมากกว่า 1 หมื่นก้อนส่องแสงระยิบระยับท่ามกลางความมืดราวกับกลุ่มดาวที่กระจายตัวไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน แสงระยิบระยับชวนหลงใหลทะลุผ่านชั้นหมอกหนา ทำให้คนทั้งหมดมองภาพที่เกิดขึ้นอย่างล้ำลึก หากพูดตามตรง มันเหมือนกับพวกเขากำลังมองดูทางช้างเผือกในค่ำคืนที่มืดสนิทอย่างนั้นเลย

“ฮือฮา…”

“พระเจ้าช่วย….” วิญญาณที่ยืนอยู่รอบ ๆ ต่างพากันตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นไม่นานทั้งหมดก็ได้สติและเริ่มกระจายตัวไปราวกับกระแสน้ำที่ลดลง

ประชากรวิญญาณที่อยู่มาก่อนต่างเกาะเข้ากับต้นไม้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงอย่างหวาดกลัว ในขณะที่เหล่าผู้มาใหม่กลับตัวสั่นและจับกลุ่มกันเพื่อให้ตนรู้สึกปลอดภัย

แม้แต่เจ้าสัวอุตสาหกรรมกระจกหวงเลี่ยงชวนเองก็ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ตอนแรกที่เขาเห็นภาพที่เกิดขึ้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอย่างร้อนรนและเหงื่อออกท่วมตัว

นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของยมโลก!

ความน่ากลัวและอำนาจที่อยู่เหนือจินตนาการของมนุษย์ และผู้ที่กล้าท้าทายอำนาจของนรกก็จะมีจุดจบ…อย่างเกาต้าหูก็จะถูกกำจัดไปราวกับมดตัวหนึ่ง

ชายสูงวัยอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนที่ตนเสียมารยาทต่อฉินเย่ และทันใดนั้นร่างของเขาก็สั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ทำจากผ้าไหมออกมาและซับเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงบริเวณหน้าผากของตนเอง

“ฉันจะเชื่อฟัง…ฉันจะต้องเป็นประชากรที่เชื่อฟังท่าน…”

“เขาสามารถกำจัดเราออกไปจากที่นี่ได้ทุกเมื่อหากเขาต้องการ….”

ฉินเย่กวาดสายตาไปมองเหล่าวิญญาณที่ยังคงตื่นตระหนกและหยุดลงที่ความมืดที่ปกคลุมประตูนรก เขากำหมัดแน่นและค่อย ๆ คลายออกก่อนจะถามว่า “บังคับพลังจากหินวิญญาณโดยใช้พลังหยินของตนเอง? แล้วอย่างไรต่อ?”

“ศาลาเหนี่ยวรั้งวิญญาณจะต้องถูกสร้างขึ้นในจุดที่มีความเข้มข้นของพลังหยินหนาแน่นที่สุด…” อาร์ทิสหรี่ตาลงและมองไปรอบ ๆ “ในอดีต พวกเราต้องจ้างบริษัทรับเหมาก่อสร้างของยมโลกเพื่อวางจุดสังเกต วางรากฐาน และปล่อยให้พลังหยินหลั่งไหลเข้าไปในบริเวณนั้นก่อนจะสามารถสร้างศาลาเหนี่ยวรั้งวิญญาณขึ้นมาได้ในที่สุด”

ฉินเย่กะพริบตาปริบ ๆ อย่างสงสัย “ในอดีตเหรอ?”

“ใช่…นี่คือสิ่งที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างต้องทำ และข้าเองก็ไม่เชี่ยวชาญด้านนี้เช่นกัน แต่แม้ว่าความจริงข้าไม่ได้ดูแลรับผิดชอบในเรื่องนี้…ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครเคยทำมาก่อนนี่”

นางโค้งคำนับอย่างเคารพ “ท่านหมิง ถึงเวลาที่ท่านจะต้องแสดงความสามารถของท่านออกมาแล้ว”

“ให้ตายเถอะ…พวกเจ้ายังจำการมีอยู่ของข้าได้ด้วยหรือ?!” พร้อมกับเสียงบ่นที่ดุเดือด หมิงซีหยินกลายร่างเป็นลำแสงที่พุ่งไปที่หลังคาของอาคารจนเกิดเสียงดังสนั่น

หลังจากผ่านไปไม่นาน แสงสว่างก็ปะทุออกมาจากด้านบนสุดของหลังคา ทะลุผ่านความมืดมิดราวกับดวงอาทิตย์ที่สาดสอง แม้แต่ความระยิบระยับของหินวิญญาณก็จางหายไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการระเบิดของแสงสว่างนี้

แสงสว่าง

มันคือแสงสว่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในความมืดมิดของนรก มันสาดส่องไปทั่วทั้งพื้นดินจนแม้แต่วิญญาณที่อยู่ห่างจากประตูนรกมากที่สุดก็ต่างจ้องไปยังแสงอาทิตย์ดังกล่าวด้วยความตกตะลึงเป็นอย่างมาก

คนทั้งหมดมองไปทางประตูนรกอย่างตกใจ ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณที่กำลังควบคุมรถขุดที่ขอบของพื้นที่ก่อสร้างที่อยู่ห่างออกไปสามเมตร หรือวิญญาณอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับกิจการของยมโลกและกำลังนั่งคุยกัน แม้แต่วิญญาณใหม่ที่เฝ้าดูการพัฒนาของยมโลกอยู่ตลอดก็ลุกขึ้นยืนทันทีที่แสงนั้นปรากฏขึ้น

วิญญาณนับสิบ…ร้อย…พัน…หมื่น…และสูงกว่านั้นล้วนมองไปที่ประตูนรกอย่างหวาดกลัวและตกตะลึง!

ในขณะเดียวกัน ทันทีที่หมิงซีหยินลอยขึ้นไปอยู่เหนือหลังคาของอาคาร ลำแสงสีขาวจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากภายในกระจกอย่างสวยงาม และในเวลาเดียวกัน ร่างของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ภายในเวลาไม่กี่นาที มันก็เปลี่ยนเป็นกระจกบานใหญ่ที่มีความสูงสิบเมตรและกว้างสี่เมตรแล้ว!!

หลังจากนั้น ท่ามกลางความตกตะลึงของวิญญาณนับไม่ถ้วนที่กำลังนั่งอยู่ด้วยลมหายใจที่ติดขัด แสงสีขาวที่ส่องลงมาก็เริ่มรวมตัวกันและลดขนาดลงจากพื้นที่ห้าตารางกิโลเมตรเป็นพื้นที่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดหนึ่งตารางเมตรเท่านั้น และทันทีที่แสงนั้นหายไป วิญญาณทั้งหมดก็หันหน้าไปมองยังบริเวณของขอบนรกทันที

หวงเลี่ยงชวน ซ่งหมิง เฉียนเทียนอี้ หูเฟิง…ไม่ว่าพวกเขาจะเคยเป็นผู้ประกอบการมาก่อนในชาติที่แล้ว หรือเป็นหัวหน้าแผนกของบริษัทก่อสร้างหยินในตอนนี้ ทุกตนต่างอ้าปากค้าง รูม่านตาหดเล็กลง คนที่ไม่เคยเห็นการสำแดงพลังของฉินเย่ในตอนที่เขาสังหารวิญญาณนับร้อยตนด้วยการโจมตีเดียวยิ่งเบิกตากว้างขณะมองภาพที่น่าตกตะลึงตรงหน้า นี่คือสิ่งที่อยู่นอกเหนือจินตนาการของพวกเขาในชาติที่แล้วไปอย่างสิ้นเชิง

มันเหนือความคาดหมาย!

มันเหมือนกับสิ่งที่ออกมาจากหนังแอ็กชันไม่มีผิด!

ชายหญิงผู้นี้คือใครกันแน่?

“นี่มัน…” “พระเจ้า…นี่มันบ้าอะไรกัน?!” “นี่คือพลังที่แท้จริงของยมโลกอย่างนั้นหรือ?”

กลุ่มก้อนพลังหยินเริ่มแผ่ออกไปจากขอบของยมโลกและตรงไปที่กระจกส่องกรรมราวกับมังกรอัสนีที่พุ่งตรงกลับเข้าไปในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ วิญญาณมากกว่า 1 หมื่นตนจ้องภาพที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึง พูดอะไรไม่ออก พวกเขาตกตะลึงกับกลุ่มก้อนพลังหยินขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่บนฟ้า บดบังดวงจันทร์และประกายของดวงดาว และในเสี้ยววินาทีต่อมา พลังหยินทั้งหมดก็เริ่มพุ่งเข้าไปในกระจก

กึกกึก…กระจกสั่นเบา ๆ และรอยกระเพื่อมก็ปรากฏขึ้นบนหน้ากระจกราวกับเศษหินที่กระทบกับผิวน้ำที่นิ่งสงบ ในที่สุดหน้ากระจกก็เผยให้เห็นแผนที่ภาพรวมของยมโลกแห่งปัจจุบัน รวมถึงสีหน้าของวิญญาณที่อยู่โดยรอบไปจนถึงรายละเอียดที่เล็กที่สุด

มันเหมือนกับกระจกที่สะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะความสุข เสียงหัวเราะ หรือความเศร้า หรือแม้กระทั่งความเป็นตาย

เงียบสนิท

ไม่กี่วินาทีต่อมา ซูตงเซวี่ยก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง ตามมาด้วยหัวหน้าแผนกทั้งเจ็ดของบริษัทก่อสร้างหยิน ตามมาด้วยผู้ตรวจสอบอดีตกรรมอีกร้อยตนที่ยืนอยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นสิ่งที่คนอื่น ๆ ทำ เหล่าวิญญาณผู้มาใหม่ก็พลันแข้งขาอ่อนแรงและคุกเข่าลงเช่นกัน ในท้ายที่สุดแล้ว ราวกับคลื่นยักษ์ที่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง เหล่าผู้ที่อยู่ด้านนอกของประตูนรกต่างคุกเข่าลงทันที

แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมาเลยแม้แต่คนเดียว

ซูตงเซวี่ยอยากจะพูดบางอย่าง แต่นางก็ยังไม่สามารถหาคำมาอธิบายความคิดของตัวเองได้ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ตะโกนออกไปเสียงดัง “ขอให้ท่านจ้าวนรกมีชีวิตที่ยืนยาวและเจริญรุ่งเรือง! ท่านจ้าวนรกจงเจริญ!”

เสียงตะโกนของนางดังขึ้นอีกครั้งโดยวิญญาณนับแสนที่คุกเข่าลงตรงหน้าประตูนรกอย่างพร้อมเพรียงกัน “ขอให้ท่านจ้าวนรกมีชีวิตที่ยืนยาวและเจริญรุ่งเรือง! ท่านจ้าวนรกจงเจริญ!”

เกรงกลัว

นี่คือการแสดงความเกรงกลัวขั้นพื้นฐานที่พวกเขาต้องรู้จัก

ฉินเย่ยืนเอามือไขว้หลังและพยักหน้าให้กับคนทั้งหมดเบา ๆ เขาไม่จำเป็นจะต้องพูดอะไร การสร้างระยะห่างให้พวกเขาเข้าถึงยาก จะทำให้เกิดความเกรงกลัวและความเคารพในตัวเขาขึ้นมาเองโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรมาก

ฉินเย่หันไปหาอาร์ทิสและกระซิบเบา ๆ ว่า “…นี่สามารถสร้างความเกรงกลัวและให้พวกเขาเคารพข้าได้จริง ๆ น่ะหรือ?”

“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางก็คือหนึ่งในสมบัติล้ำค่าของท่านเปา ไม่ว่ายมโลกในอดีตจะใหญ่มากเพียงใด แต่มันก็ไม่มีอะไรคลายสายตาของกระจกบานนี้ไปได้ เจ้ายังไม่เคยเห็นตราจ้าวนรกสำแดงพลังอย่างสมบูรณ์…ไม่มีวิญญาณตนใดในพื้นที่ 9,600,000 ตารางกิโลเมตรของยมโลกแห่งเก่าที่ไม่คุกเข่าลง แม้แต่เหล่าดวงวิญญาณที่ถูกกักขังอยู่ในขุมนรกแห่งการลงทัณฑ์ทั้ง 18 และกงล้อแห่งสังสารวัฏเองก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา…”

อาร์ทิสมองไปที่กระจกส่องกรรม ขณะเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้น “ปล่อยไปแบบนี้น่ะดีแล้ว นี่อาจจะเป็นครั้งเดียวที่คนโง่แถวนี้ได้เพลิดเพลินกับพลังอำนาจเช่นนี้ เจ้าควรซึมซับมันให้ได้มากที่สุดในขณะที่ยังทำได้…”

นางเงียบไปก่อนจะหันไปคารวะอย่างเคารพและเอ่ยว่า “ท่านหมิง โปรดสำแดงอำนาจของกระจกด้วย”

กระจกส่องกรรมสั่นเทาเล็กน้อยทันทีที่ได้ยินเสียงของอาร์ทิส จากนั้นลำแสงสีขาวก็ฉายลงมาจากหน้ากระจกราวกับดวงตาที่กวาดไปทั่วทุกตารางเมตรของนรก

ฟึ่บ….ไม่ว่ามันจะผ่านไปที่ไหน พลังหยิบบริเวณนั้นจะหายไป ยมโลกในตอนนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก และมันก็ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก่อนที่กระจกจะหยุดลงในบริเวณหนึ่ง

หวงเลี่ยงชวนยืนอยู่ตรงจุดกึ่งกลางของจุดที่แสงนั้นหยุดลง และเขาก็ชี้ตัวเองด้วยสีหน้ามึนงงอย่างมาก เพียงเสี้ยววินาทีหลังจากนั้น อาร์ทิสก็ตบอีกฝ่ายจนกระเด็นโดยปราศจากความปรานี

“…ข้าว่าท่านควรจะต้องฝึกมารยาทของตัวเองบ้างนะ ดูสิว่าตอนนี้ท่านหยาบคายเพียงใด แล้วแบบนี้ท่านจะแต่งงานได้อย่างไรหากยังทำตัวแบบนี้อยู่?” ฉินเย่บ่นออกมาทันทีที่นางลากเขาไปยังจุดที่แสงส่องลงมาก

“แล้วเหตุใดข้าถึงต้องแต่งงานด้วย?” อาร์ทิสหันกลับไปมองฉินเย่ด้วยสายตาเหยียดหยัน “เหล่าบุรุษรูปงามในยมโลกล้วนกำลังรอถูกเลือกจากข้าทั้งสิ้น เว้นก็แต่…”

นางปรายตามองอีกฝ่าย “เจ้าคิดที่จะแย่งชิงกับพวกเขาเช่นกัน?”

ไม่…

ข้าไม่กล้า…และข้าก็ไม่อยากด้วย….เชิญท่านทำตามที่ตัวเองสบายใจเถอะ….

บทสนทนาตอนนี้น่ากลัวเกินไป และฉินเย่ก็รู้ดีว่าตัวเองควรจะปิดปากเงียบได้แล้ว ซึ่งเมื่อบทสนทนาหยุดลง ทั่งคู่ก็มาถึงตำแหน่งที่แสงนั้นหยุดลงทันที

อาร์ทิสยกมือขึ้นแล้วกดลงมา จากนั้นพร้อมกับเสียงดังโครม พื้นที่ทั้งหมดก็พังทลาย แต่สิ่งที่อยู่ภายใต้พื้นดินกลับแตกต่างจากพื้นที่บริเวณอื่น ๆ ที่พวกเขาเคยสำรวจมาก่อนอย่างมาก!

มันคือน้ำ

ไม่…มันไม่ใช่น้ำ แต่มันคือพลังหยินบริสุทธิ์ มันหนาแน่นและบริสุทธิ์จนกลั่นตัวเป็นน้ำและกลายเป็นแอ่งน้ำสีดำสนิทที่มีความกว้างประมาณสิบเมตร ฟองเดือดปุด ๆ ขึ้นเหนือผิวน้ำในขณะที่ไอน้ำพวยพุ่งออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน

“การก่อตัวของพลังหยิน มันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อพลังหยินในจุดหนึ่งมีความหนาแน่นสูงถึงระดับหนึ่ง” นางอธิบายขณะที่ทำมือราวกับคว้าอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นทั่วทั้งยมโลกก็สั่นสะเทือน และกลุ่มดวงดาวที่เกิดจากหินวิญญาณและพลังหยินที่อยู่โดยรอบก็พวยพุ่งเข้ามาในบ่อราวกับสายน้ำที่เชี่ยวกราก!

ฟึ่บ! เมื่อหินวิญญาณทุกก้อนเข้ามารวมในของเหลวสีดำ ไอน้ำสีดำก็เริ่มเดือดขึ้นและหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่ง…กลุ่มควันสีดำเริ่มก่อตัวขึ้นท่ามกลางสายลมนรกที่ส่งเสียงเสียดหู! โครงสร้างของอาคารค่อย ๆ ปรากฏขึ้นให้เห็น

ฉินเย่งุนงงเป็นอย่างมาก “ท่านบอกว่า…สิ่งก่อสร้างพิเศษเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมีบริษัทก่อสร้างหยินสักนิดเลยจริงหรือ?”

“โดยธรรมชาติแล้ว” อาร์ทิสหันกลับไปจ้องหน้าฉินเย่ราวกับเขาเป็นคนโง่ “เจ้าจะสร้างโครงสร้างเหล่านี้ได้อย่างไรหากปราศจากข้อมูลของตำราเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมของยมโลก? เจ้ารู้อย่างนั้นหรือว่าต้องใช้อักขระชนิดไหน? เจ้ารู้หรือว่าพวกมันทำงานอย่างไร? แผนที่ภาพรวมของยายเมิ่งสามารถบอกได้เพียงวิธีการใช้งานสิ่งก่อสร้างแต่ละชนิดให้กับเจ้าเท่านั้น แต่เจ้ากลับคาดหวังที่จะให้พวกมนุษย์ร่างแบบสถาปัตยกรรมสำหรับการก่อสร้างพวกมันอย่างนั้นน่ะหรือ?”

“… เหตุใดท่านถึงไม่บอกข้าก่อนหน้านี้?!”

“หากข้าบอกเจ้าก่อนหน้านี้ เจ้าจะยอมเป็นทาส…ข้าหมายถึงยอมเสียสละตนเองเพื่อการสร้างยมโลกขึ้นมาใหม่หรืออย่างไร? ทำไมเจ้าถึงไม่มีความตระหนักรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เลยสักนิด?”

“ช่างเถอะ…ท่านก็ไปทำเองเลยแล้วกันหากท่านเก่งขนาดนั้น!” ฉินเย่ตะคอกออกมาอย่างไม่พอใจ

อาร์ทิสส่งเสียงฮึดฮัดออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจที่มือของตนจะต้องเปรอะเปื้อนกับงานที่หนักหน่วงตรงหน้า แน่นอนว่านางต้องการที่จะขึ้นครองบัลลังก์ของจ้าวนรก แต่นั่นก็อยู่ในเงื่อนไขที่ว่าทุกอย่างมั่งคงและอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แล้ว และนั่นก็คือช่วงเวลาที่นางจะได้เพลิดเพลินไปกับความรุ่งโรจน์ของยมโลกได้ในทันทีที่ขึ้นครองบัลลังก์ การก่อสร้างอาณาจักรแห่งใหม่ขึ้นมาจากเถ้าถ่านนั้น…เป็นสิ่งที่นางไม่เคยคิดที่จะทำเลยสักนิด

การเป็นหุ้นส่วนของพวกนางเป็นเพียงเรื่องตลก เพราะทั้งคู่ต่างขี้เกียจตัวเป็นขนและไม่มีแรงจูงใจเลยสักนิด

ทันทีที่หินวิญญาณทุกก้อนเข้าสู่บ่อสายน้ำพลังหยิน มันก็มีเสียงอื้ออึงออกมาเบา ๆ หมอกดำที่อยู่โดยรอบค่อย ๆ หายไป และสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นแทนที่จุดที่เคยมีบ่อน้ำอยู่

มันสูงประมาณห้าเมตรและกว้างสิบเมตร ถูกล้อมรอบไปด้วยซุ้มประตูซึ่งมีคำที่ฉินเย่ไม่เข้าใจสลักเอาไว้ ธงเหนี่ยวรั้งวิญญาณสีขาวราวหิมะที่ถูกพันอยู่รอบซุ้มกระพือไปตามแรงลม แท่นที่ทำจากปูนถูกวางอยู่ตรงจุดกึ่งกลางของซุ้มประตูดังกล่าว เต็มไปด้วยอักขระโบราณสีแดงเลือดที่ถูกสลักไปทั่วทุกที่ และมันก็ค่อย ๆ เปล่งแสงและดับวูบไปเป็นจังหวะ ๆ ราวกับกำลังหายใจอยู่

แท่นดังกล่าวอยู่สูงขึ้นมาจากพื้นประมาณสองเมตร และบันไดสองชุดก็ถูกสร้างไว้ทั้งสองฝั่งของแท่นดังกล่าว มันเป็นบันไดที่บริเวณราวจับถูกสลักเป็นรูปของเซี่ยจื้อและตี้ทิ้ง กระดานโลงศพสีดำสองชิ้น ถูกตกแต่งด้วยธงสีขาวที่ตั้งอยู่อย่างมั่นคงบริเวณจุดที่ขั้นบันไดมาบรรจบกับแท่นหิน

กระดานโลงศพสีดำทั้งสองถูกเขียนด้วยโคลงคู่หนึ่ง

ทุกวิญญาณและดวงจิตจะกลับสู่สรวงสวรรค์อันไร้ขอบเขตและดำดิ่งสู่ส่วนลึกของยมโลก

และข้อความแนวนอนก็เขียนเอาไว้ว่า ‘ศาลาเหนี่ยวรั้งวิญญาณ!’