“เอามาให้?”

 

“เอาเป็นว่าลองเปิดดูก่อนสิ”

 

เฟเรสหันมามองเธออีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดกล่องอย่างระมัดระวัง

 

ทันทีที่สัมผัสกับแสงแดดเล็กน้อย มันก็ส่องประกายระยิบระยับ เผยให้เห็นภาพอัญมณีที่ส่องแสงเจิดจรัสยิ่งขึ้น

 

“นี่มัน…เพชร?”

 

มันคือเข็มกลัดเพชรที่เจียระไนขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเฟเรสโดยเฉพาะ

 

เด็กหนุ่มไม่คิดที่จะลองสัมผัสเพชรที่เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิต เขาเอาแต่มองมันโดยไม่ละสายตา

 

“เป็นไง ถูกใจมั้ย”

 

“…สวย”

 

คำชมดูจืดชืดเป็นบ้า

 

ฟีเรนเทียรู้สึกน้อยใจขึ้นมาเล็กน้อย เลยพูดเสียงกระแทกกระทั้นออกไป

 

“ข้าสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อเจ้าเลยนะ”

 

“ถูกใจมากเลย”

 

เฟเรสไม่หยุดคิดแม้แต่เสี้ยววินาที เขาก็ตอบออกมาในทันที

 

พลิกลิ้นไวเหมือนกันนะเนี่ย

 

“อย่าเอาแต่มองเฉยๆ สิ ลองติดดูหน่อยว่าเหมาะมั้ย”

 

ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะทำตัวเท่ๆ แล้วแท้ๆ แต่เธอก็เอาชนะความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหวจนได้

 

เฟเรสลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหยิบเข็มกลัดขึ้นติดลงบนอกเสื้อ

 

อัญมณีที่ถูกเจียระไนด้วยวิธีที่ดีที่สุดในบรรดาคัตติ้งที่โครอิลลี่ภาคภูมิใจ มันไม่เพียงแต่ส่องประกายระยิบระยับเจิดจ้าจนตาพร่าเท่านั้น แต่ยังงดงามมากเสียจนไม่อาจละสายตาไปจากมันได้เลย

 

“ว้าว”

 

คาอิลรัสที่ยืนอยู่ด้านหลังอุทานชื่นชมเสียงแผ่ว

 

เธอเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

 

เข็มกลัดนั่นมันดูงดงามมากราวกับผลิตขึ้นมาเพื่อเฟเรสคนเดียวโดยเฉพาะ

 

เพชรเม็ดโต ความบริสุทธิ์ของแร่สูง แต่พอผสานเข้ากับหินแก้วอัคนีสีดำที่เจียระไนด้วยวิธีการเดียวกัน มันยิ่งทำให้ดูโดดเด่นมากกว่าเดิม

 

“นึกแล้วเชียวว่าต้องเหมาะกับเจ้า”

 

มันช่วยให้เฟเรสดูรูปงามมีชีวิตชีวามากกว่าเดิมอีกระดับ ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจมากทีเดียว

 

คาอิลรัสกับแคทเธอรีนต่างก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ

 

“ขอบใจ”

 

เฟเรสรู้สึกอัศจรรย์ใจ เขายังคงไม่อาจละสายตาห่างไปจากเพชรเม็ดนี้ได้

 

“แต่น่าจะแพงมากเลยนะ”

 

“หืม ก็นิดหน่อยน่ะ”

 

ไม่ใช่แค่นิดหน่อยหรอก

 

หากต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อเข็มกลัดชิ้นนี้แล้วละก็ จะต้องเสียเงินจำนวนหลายร้อยเหรียญทองทีเดียว

 

ช่วงนี้เพชรยิ่งหายากจนแทบไม่มีวางขายอยู่ด้วย ดังนั้นราคาของมันจึงแพงกว่าเดิมไปอีกหลายเท่าตัว

 

เธอยักไหล่ไม่ยี่หระ ก่อนจะเปิดปากย้ำกับเฟเรส

 

“จะไปไหนก็ติดมันอย่างงดงามด้วยละ มันเหมาะสมกับทุกงานอยู่แล้ว”

 

เฟเรสลูบเข็มกลัดบนหน้าอกไปพลางพยักหน้าตอบรับแต่เพียงไม่นานเด็กหนุ่มก็ตัดสินใจเก็บเข็มกลัดกลับลงใส่กล่องตามเดิม

 

“เอาไว้ติดในวันพิเศษ”

 

“อืม เรื่องพวกนี้ก็ตามใจคนรับอยู่แล้วนี่นะ”

 

ดูจากรอยยิ้มจางๆ ที่แต่งแต้มบนมุมปาก ดูเหมือนตอนนี้เฟเรสจะอารมณ์ดีมากจริงๆ

 

เธอเองก็เหมือนกัน

 

น่าขำชะมัด พอให้ของขวัญเฟเรสแบบนี้ มันทำให้เธอเพิ่งจะรู้สึกได้ว่าตัวเองเป็นเจ้าของเหมืองเพชรจริงๆ สินะ

 

“ตอนนี้พวกเราก็กลับกันได้แล้ว…”

 

แต่แล้วในตอนที่ตั้งใจจะเอ่ยชวนทุกคนให้กลับวังโฟอิรัคเนื่องจากสายลมที่พัดผ่านเข้ามามันเย็นลงจนเริ่มหนาว

 

“หืม…มีแขกมาหรือเนี่ย”

 

ทันใดนั้นก็พลันได้ยินเสียงทุ้มต่ำอันแสนคุ้นเคยของจักรพรรดิโยบาเนสดังขึ้น

 

องค์จักรพรรดิไม่ได้เสด็จมาคนเดียว

 

ข้างหลังจักรพรรดิที่ยืนเอามือไขว้หลังอยู่ที่หน้าทางเข้าสวน มีจักรพรรดินีกับอาสทาน่ายืนอยู่ด้วย

 

จักรพรรดินีคงตั้งใจจะพาอาสทาน่าออกมาใช้เวลาร่วมกันกับจักรพรรดิ นางไม่คิดเก็บซ่อนความไม่พอใจเมื่อเห็นพวกเราเลยแม้แต่น้อยและนัยน์ตาของเธอก็พลันสบเข้ากับนัยน์ตาของอาสทาน่าที่เอาแต่มองมาก่อนแล้วตั้งแต่แรก

 

ตอนนี้อาสทาน่าอายุได้สิบห้าปีแล้ว เขาอยู่ในภาพลักษณ์ที่เข้าสู่วัยหนุ่มเต็มตัว

 

รูปร่างหน้าตาเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับ ‘เจ้าชายลำดับที่หนึ่งอาสทาน่า’ ในความทรงจำของเธอมากกว่าที่เคยอีกด้วย

 

“ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมจักรพรรดินี ถวายบังคมเจ้าชายลำดับที่หนึ่งเพคะ”

 

เธอรีบลุกขึ้นจากที่นั่ง กล่าวถวายบังคมตามธรรมเนียม

 

“ก็นึกอยู่ว่าใคร พวกเจ้านี่เอง”

 

โยบาเนสมองเธอสลับกับเฟเรสด้วยนัยน์ตาใคร่รู้แล้วจึงค่อยพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงให้ความสนิทสนม

 

“ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะ ฟีเรนเทีย ครั้งสุดท้ายก็ตอนที่แคลอฮันได้รับเหรียญรางวัลหรือเปล่าเนี่ย”

 

ใบหน้าแย้มยิ้มขณะที่พูดทักทายอย่างเป็นกันเองนั่น ให้ความรู้สึกเหมือนคุณลุงข้างบ้านที่สนิทสนมกันเสียจริง

 

ขนาดที่ทำให้จินตนาการได้ลำบากเลยทีเดียวว่าคนคนนี้เป็นคนเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าใคร ทั้งยังเป็นคนที่คำนวณผลได้ผลเสียทางการเมืองได้อย่างรวดเร็ว

 

แต่เรื่องเล่นละครน่ะ เธอเองก็เล่นเก่งพอกันกับพระองค์นั่นแหละ

 

ทั้งท่าทางที่เขาปฏิบัติต่อเฟเรส ทั้งเรื่องที่เอาบุตรชายของตัวเองมาแลกผลประโยชน์นั่น มันเป็นพฤติกรรมน่ารังเกียจจนทำให้รู้สึกหงุดหงิดแต่ถึงยังไงโยบาเนสก็เป็นจักรพรรดิของอาณาจักรแห่งนี้

 

เธอยิ้มกริ่ม แสร้งทำเป็นเขินอายในขณะที่ตอบกลับไป

 

“จำได้ถึงขนาดนั้นเลย เป็นเกียรติอย่างยิ่งเพคะ ฝ่าบาท”

 

“หืม?”

 

โยบาเนสเบิกตาโต แต่เพียงไม่นานก็ยกยิ้ม แล้วพูด

 

“เจ้านี่รู้จักพูดจาหวานหูจริงๆ”

 

“ขอบพระทัยที่ชมเพคะ ฝ่าบาท”

 

ท่าทีนอบน้อม ชวนให้รู้สึกน่ารักใคร่แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ถดถอย ดูมั่นใจ

 

เพราะเธอคือลอมบาร์เดีย

 

เธอยิ้มกว้าง ไม่คิดหลบสายตาของจักรพรรดิ

 

ทันใดนั้นนัยน์ตาของจักรพรรดิก็ส่องประกายวาบขึ้นมา

 

องค์จักรพรรดิลอบมองเธออยู่เงียบๆ ก่อนที่จะหันแต่ศีรษะไปมองจักรพรรดินีพลางพูด

 

“ในเมื่อไม่มีสถานที่เหมาะสมในการดื่มชาสักแก้ว เช่นนั้นเราก็ร่วมโต๊ะกับพวกเขาเป็นเช่นไร จักรพรรดินี”

 

จักรพรรดิกล่าวเช่นนั้น แต่คำพูดของพระองค์เป็นสิ่งที่กำหนดคำตอบของจักรพรรดินีเอาไว้อยู่แล้ว

 

“ตามที่พระองค์ประสงค์เพคะ ฝ่าบาท”

 

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะจ้องเฟเรสราวกับจะฆ่าให้ตาย