พื้นที่ชนบทไม่มีกิจกรรมสร้างความบันเทิง พอฟ้ามืด ก็มีแต่ยกเก้าอี้ตัวเล็กมานั่งในลานกว้าง คนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง ผู้คนกว่าครึ่งหมู่บ้านล้วนมาอยู่ที่นี่
บุรุษพูดคุยกันเรื่องผลเก็บเกี่ยวของปีนี้ สตรีพูดคุยเรื่อยเปื่อยไม่หยุด นึกอยากกล่าวอะไรก็กล่าว ทว่า สุดท้ายก็จะจบที่เรื่องเดียวกัน ซุบซิบนินทา!
สตรีที่ชื่นชอบการซุบซิบนินทา มีมาแต่โบราณจริงๆ
คุยกันไปคุยกันมา ย่อมคุยกันถึงเรื่องภรรยาเซียวยวี่
ฟ้ามืดสลัว ภายในหมู่บ้านมีข่าวลือหนึ่งแพร่สะพัด กล่าวอ้างว่าภรรยาของเซียวยวี่คบชู้สู่ชาย ทั้งยังถูกผู้อื่นเห็นกับตา
ข่าวลือนี้ย่อมเข้าหูกวั่นซื่อโดยปริยาย
พอกวั่นซื่อได้ฟังดังนั้น ก็โต้แย้งทันที “จะเป็นไปได้อย่างไร ภรรยาเซียวยวี่จะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าเชื่อว่านางไม่ทำแน่! ”
หญิงชาวบ้านอีกคนที่เป็นคนเล่าข่าวลือให้นางฟัง กล่าวด้วยท่าทางมีลับลมคมใน “เจ้าอย่าคิดจะไม่เชื่อเชียว มีคนเห็นกับตาว่ามีชายชู้เข้าบ้านเซียวยวี่ อยู่ข้างในตั้งนานสองนานถึงจะออกมา! ชายชู้นั่นมีฐานะดีทีเดียว ที่บ้านมีรถม้าด้วย! ”
กวั่นซื่อทำสีหน้าบึ้งตึง “พูดจาเหลวไหลอะไรกัน ภรรยาเซียวยวี่ไม่ใช่คนเช่นนั้น”
ครั้งก่อนตอนปลูกเรือน กวั่นซื่อได้ทำความรู้จักกับเซี่ยยวี่หลัวเป็นเวลานาน หากได้พบเซี่ยยวี่หลัวเพียงสองหน ก็อาจตกตะลึงในรูปโฉมอันงดงามของเซี่ยยวี่หลัว คิดว่าคนผู้นี้หน้าตางดงาม น่าจะเป็นคนหยิ่งยโสที่ไม่น่าคบหา เดิมทีกวั่นซื่อก็คิดเช่นนั้น
ถึงอย่างไรกวั่นซื่อก็เคยมาเกลี้ยกล่อมเซี่ยยวี่หลัวไม่ให้ทำเรื่องเหลวไหลบางอย่าง
แต่พอได้ทำความรู้จักกับเซี่ยยวี่หลัวระยะหนึ่ง กวั่นซื่อพบว่าเซี่ยยวี่หลัวไม่เพียงรูปลักษณ์หน้าตาดี จิตใจก็ดีงาม เป็นคนใจกว้างโอบอ้อม ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างมีมารยาท วางตัวเหมาะสม ต่อให้คัดสรรหญิงครองเรือนอายุน้อยทั้งหมู่บ้านออกมา ก็เกรงว่าคงไม่มีใครเทียบเซี่ยยวี่หลัวได้
กวั่นซื่อประเมินเซี่ยยวี่หลัวไว้สูงมาก ดังนั้นนางจึงไม่เชื่อ กลับไปจึงเล่าเรื่องนี้ให้เซียวจิ้งยี่ฟัง
ขณะนั้นเซียวจิ้งยี่กำลังดื่มชาอยู่ พอได้ยินว่าผู้คนในหมู่บ้านนินทาว่าร้ายเซี่ยยวี่หลัวอีก ก็พ่นชาในปากออกไปไกล กระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างแรง ฝาถ้วยชาหมุนวนสองรอบ กำลังจะร่วงหล่นลงไป กวั่นซื่อเห็นเข้า ก็รีบรับฝาถ้วยชาไว้อย่างว่องไว จากนั้นจึงวางบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง กล่าวด้วยความเห็นใจ “ท่านโมโหก็โมโหสิ จะขว้างปาข้าวของทำไม หากฝาถ้วยแตกแล้ว ถ้วยชาจะยังใช้ได้อีกหรือ! ”
“เจ้าได้ฟังเรื่องราวนี้มาจากที่ใด? ” เซียวจิ้งยี่กล่าวด้วยท่าทางขึงขัง
กวั่นซื่อบุ้ยปากทีหนึ่ง “ก็หญิงชาวบ้านในหมู่บ้านอย่างไร วันนี้เป็นเซียวเหอและภรรยาของเขากัวซื่อบอกกับข้า เมื่อวานหยวนซื่อเป็นคนบอกกับข้า”
เซียวจิ้งยี่ “แล้วเหตุใดเมื่อวานเจ้าถึงไม่บอกข้า? ”
กวั่นซื่อกล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ข้าก็เชื่อภรรยาเซียวยวี่ไม่ใช่หรือ? ข้าไม่เชื่อว่านางจะกระทำเรื่องพรรค์นั้นได้ ข้าจึงคิดว่าคนในหมู่บ้านหยอกล้อเล่น ใครจะรู้ว่าวันนี้มีคนมาบอกข้าอีก ข้าจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำบางอย่าง! ”
เซียวจิ้งยี่ทอดถอนใจทีหนึ่ง “ไม่รู้ว่าข่าวลือนี้ออกจากปากผู้ใดกัน ทำเช่นนี้เท่ากับคิดจะเล่นงานให้ถึงที่ตาย! ”
กวั่นซื่อ “ไม่รุนแรงถึงขั้นนั้นกระมัง? พวกเราเชื่อภรรยาเซียวยวี่ก็พอแล้วไม่ใช่หรือ! ถึงเวลาพวกเราไปคุยกับเซียวยวี่ให้ชัดเจน บอกว่าคนอื่นสร้างข่าวลือ! ”
“หากเป็นการสร้างข่าวลือ ย่อมไม่กล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจเช่นนั้น บอกว่าเห็นกับตาว่ามีบุรุษเข้าบ้านเซียวยวี่ วาจานี้ ไม่ได้กล่าวโดยไม่มีมูลแน่! ” เซียวจิ้งยวี่กล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึม
กวั่นซื่อได้ฟังดังนั้นก็ผงะไป “อะไรกัน ท่านพี่ หรือว่าท่านคิดว่าภรรยาเซียวยวี่ทำ…”
ยังกล่าวไม่ทันจบ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านนอก
“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านอยู่บ้านหรือไม่ขอรับ? ข้ากับภรรยามาหาท่านมีธุระเล็กน้อยขอรับ! ”
เป็นเสียงของเซียวจิน
สองสามีภรรยาไม่ใช่คนน่าคบหา เซียวจิ้งยี่ขมวดคิ้ว “สองคนนี้มาทำไมกัน! ”
หลังจากเซียวจินและเถียนเอ๋อเข้ามา โค้งตัวคำนับกล่าวทักทายเซียวจิ้งยี่และกวั่นซื่อ ก่อนยิ้มเจื่อนยืนอยู่ข้างๆ ท่าทางเหมือนมีอะไรอยากกล่าวแต่ก็ไม่กล้า
“พวกเจ้าสองคนมีอะไรอยากพูด? ” เซียวจิ้งยี่เห็นท่าทางของสองสามีภรรยาคู่นี้ ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
เซียวจินผลักเถียนเอ๋อทีหนึ่ง เถียนเอ๋อก็ผลักเซียวจินทีหนึ่ง สุดท้ายเซียวจินก็ยิ้มแก้เก้อพร้อมกล่าว “หัวหน้าหมู่บ้าน ข้ามาหาท่าน เพราะมีเรื่องใหญ่ขอรับ! ”
“อะไร? ” เซียวจิ้งยี่เอ่ยถามอย่างเรียบสงบ
เซียวจินและเถียนเอ๋อสองสามีภรรยาจะมีเรื่องใหญ่อะไรได้ เซียวจิ้งยี่ไม่สนใจแม้แต่น้อย
“หัวหน้าหมู่บ้าน ในหมู่บ้านของเราจะเกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ! ”
เซียวจิ้งยี่มองเขา “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ”
“หัวหน้าหมู่บ้าน ตลอดหลายปีที่ผ่านมาหมู่บ้านของเราอยู่อย่างสงบ ไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเราเอง นอกจากเซียวเฉิงซาน พวกเราต่างก็ใช้ชีวิตอย่างสงบใจ ปฏิบัติตามหน้าที่ของตัวเอง ซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคยคิดเรื่องนอกลู่นอกทางอะไร ท่านว่าถูกหรือไม่ขอรับ? ”
เซียวจิ้งยี่เบ้ปากทีหนึ่ง ไม่ได้กล่าวอะไร ภายในใจกลับคิด พวกเจ้าสองสามีภรรยาสงบใจ? ซื่อสัตย์? ปฏิบัติตามหน้าที่ตนเอง?
ช่างกล้าพูดจาเอาดีเข้าตัวเสียจริง ทั้งยังเอาดีตั้งสามอย่าง หนังหน้าหนาเสียยิ่งกว่าอะไร
“หัวหน้าหมู่บ้าน เรื่องนี้เดิมทีข้าไม่อยากพูด กลัวจะเป็นการนินทาผู้อื่นลับหลัง แต่ข้าคิดแล้วคิดอีก ปรึกษาหารือกับภรรยาของข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ สุดท้ายคิดว่าต้องมาหาท่านสักหน ต้องบอกความจริงกับท่าน เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องไร้มโนธรรมเช่นนี้ในหมู่บ้านสกุลเซียวที่ท่านดูแลนะขอรับ! ”
เซียวจิ้งยี่จับต้นชนปลายไม่ถูก “เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่? ”
เถียนเอ๋ออยู่ข้างๆ ทนไม่ไหวนานแล้ว “หัวหน้าหมู่บ้าน ตอนเซียวยวี่ไม่อยู่บ้าน เซียวจินเห็นบุรุษที่ไม่คุ้นหน้าเข้าบ้านเซียวยวี่ ผ่านไปนานสองนานถึงจะออกมาเจ้าค่ะ! ”
คาดว่าเซียวจินเป็นคนเห็น จากนั้นข่าวลือจึงแพร่สะพัดในหมู่บ้าน
เซียวจิ้งยี่ลุกพรวดขึ้นเสียงดังตึง “เจ้าว่าอะไรนะ? ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ? ”
เซียวจินพยักหน้าไม่หยุด “เป็นจริงแน่นอนขอรับ ข้าเห็นกับตา! ”
เซียวจิ้งยี่และกวั่นซื่อหันสบตากัน ไม่ได้กล่าวอะไร
เซียวจินนึกว่าพวกเขาไม่เชื่อตนเอง รีบชูมือขวาขึ้น กล่าวคำสาบานต่อสวรรค์ “ข้าขอสาบานต่อสวรรค์เบื้องบน หากที่ข้ากล่าวมามีคำเท็จแม้แต่คำเดียว ขอให้ข้าโดนอสนีบาตฟาดใส่ ไม่ได้ตายดี! ”
เซียวจิ้งยี่ขมวดคิ้วมุ่น พออายุมาก ผิวจึงหย่อนยาน เมื่อขมวดคิ้ว ผิวจึงมากองรวมกันที่เดียว
ถึงแม้เซียวจินจะรับประกันด้วยชีวิตตนเอง แต่เซียวจิ้งยี่ก็ยังไม่เชื่อ “ข้าเห็นว่าภรรยาเซียวยวี่เป็นหญิงครองเรือนที่ดีคนหนึ่ง เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเจ้าแพร่ข่าวลือเช่นนี้ออกไป จะทำร้ายนางเป็นอย่างมาก! ”
เขายังคงไม่เชื่อ!
เซียวจินกล่าวต่อด้วยความร้อนใจ “หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านไม่เชื่อข้าก็ได้ แต่อย่างน้อยท่านก็ต้องเชื่อคนผู้หนึ่งกระมัง? ”
เซียวจิ้งยี่เงยหน้ามองเขา “ใคร? ”
“ซ่งฉางชิง! ”
เซียวจิ้งยี่ตกตะลึง ลุกพรวดขึ้นยืนทันที “เจ้าว่าใครนะ ซ่งฉางชิง? เถ้าแก่ร้านเซียนจวีโหลวนั่นหรือ? ”