ซ่งฝูไปแล้ว ภายในห้องเหลือซ่งฉางชิงเพียงผู้เดียวอีกครั้ง
เซี่ยยวี่หลัว เป็นคนมากรัก นอกลู่นอกทาง ขอเพียงพบเจอบุรุษก็จะเข้าหาเพื่อล่อลวง?
ภายในห้องมีกระจกทองแดงหนึ่งอัน ซ่งฉางชิงมองเงาพร่ามัวของตัวเองที่สะท้อนในกระจกทองแดง
รูปลักษณ์หล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่ง ผู้ที่ได้พบเห็นต่างบอกว่าเขารูปงามประหนึ่งพานอัน* สง่าผ่าเผยดุจต้นหยกท่ามกลางสายลม
และเขาก็เป็นบุรุษเช่นกัน!
จู่ๆ ซ่งฉางชิงก็ส่งเสียงหัวเราะ “พรืด” ออกมา หลังจากหัวเราะ ก็รู้สึกหดหู่ทันที
เขาเชื่อมั่นว่ารูปร่างหน้าตาของตนเองไม่เลว ชาติกำเนิดดีมีความสามารถทั้งยังรูปลักษณ์ดี เพียบพร้อมทุกสิ่ง เหตุใดเซี่ยยวี่หลัวถึงไม่ล่อลวงเขาบ้างเล่า?
ซ่งฝูกำชับสามีภรรยาเซียวจินเสร็จ ก็ส่งพวกเขาออกทางประตูใหญ่ด้วยตัวเอง
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้รับการปฏิบัติอย่างดีโดยมีท่านซ่งน้อยแห่งเซียนจวีโหลวออกมาส่งด้วยตัวเอง เถียนเอ๋อถึงกับแยกแยะทิศเหนือใต้ออกตกไม่ได้ทันที
“เจ้าว่าหากพวกเราช่วยเถ้าแก่ซ่ง ต่อไปเขาจะเชิญพวกเรากินข้าวหรือไม่? ” เถียนเอ๋อตื่นเต้นดีใจจนกล่าวเสียงแหลม
เซียวจินถลึงตาใส่นางทีหนึ่ง “ดูเจ้าสิความคิดช่างตื้นเขินนัก นี่คือเซียนจวีโหลว หากพวกเราช่วยเหลือเถ้าแก่ซ่ง เขาจะใช้อาหารมื้อเดียวมาตอบแทนพวกเราอย่างนั้นหรือ? ”
“เช่นนั้นเจ้าหมายความว่ามีสิ่งที่ดีกว่านั้นอีกหรือ? ” เถียนเอ๋อดวงตาลุกวาว
“นี่คือที่แห่งใด? เซียนจวีโหลว หากพวกเราช่วยเหลือท่านซ่ง ต่อไปต้องขอเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบเสียหน่อย ข้าได้ยินมาว่า ผู้จัดหาวัตถุดิบของเซียนจวีโหลวได้เงินดีมากทีเดียว” เซียวจินยิ้มพร้อมกล่าวอย่างได้ใจ “คนทั่วไปคิดอยากเป็นยังเป็นไม่ได้เลย! เจ้าดูสิ อย่างเซียวเหลียง เขาทำงานมาถึงทุกวันนี้ ก็ยังเป็นได้แค่คนจัดหาวัตถุดิบผักตี้เอ่อเท่านั้น! ”
“เช่นนั้นพวกเราต้องลองคิดดูดีๆ แล้ว” เถียนเอ๋อแสดงสีหน้าคาดหวัง เพียงแต่ นางยังรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย “เจ้าบอกว่าเถ้าแก่ซ่งนั่นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเซี่ยยวี่หลัวไม่ใช่หรือ? ทำไมวันนี้ถึงปฏิเสธเรื่องความสัมพันธ์จนสิ้น! ครั้งก่อนเจ้าเห็นเขาเข้าบ้านเซี่ยยวี่หลัวชัดๆ ! ทำไมเจ้าถึงไม่บอก? ”
เซียวจินเหลือบมองเถียนเอ๋อแวบหนึ่ง ก่อนส่งเสียงเย็นในลำคอ “สตรีอย่างพวกเจ้ามีเพียงเส้นผมยาวแต่วิสัยทัศน์ช่างตื้นเขินนัก หากข้าบอกว่าวันนั้นข้าเห็นท่านซ่งเข้าบ้านเซี่ยยวี่หลัว เช่นนั้นท่านซ่งย่อมต้องปฏิเสธทันควันไม่ใช่หรือ? หากบอกว่าเป็นชายชู้คนอื่น เถ้าแก่ซ่งต้องเข้าใจความหวังดีของเราแน่ พวกเราไว้หน้าเขา เจ้าคิดว่าต่อไปเขาจะไม่ให้พวกเรามีโอกาสหาเงินเชียว? ”
“แล้วหากเซี่ยยวี่หลัวบอกว่าวันนั้นคนที่เข้าบ้านนางคือท่านซ่งเล่า? ”
“นั่นเป็นเรื่องของเซี่ยยวี่หลัว ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา หากเถ้าแก่ซ่งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเซี่ยยวี่หลัวจริง อาศัยเส้นสายและเล่ห์อุบายของเขา เซี่ยยวี่หลัวย่อมไม่ได้รับผลดีแม้แต่น้อย ไม่แน่ว่า อาจเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นก็เป็นได้! ” เซียวจินหัวเราะร่าพร้อมกล่าว “ขอเพียงเขาอาละวาด เซี่ยยวี่หลัวย่อมไม่ได้รับผลดี ถึงเวลาเรื่องที่สตรีผู้นี้คบชู้สู่ชายเป็นที่รู้กันทั่ว ดูว่านางยังจะมีหน้าอยู่ในหมู่บ้านสกุลเซียวต่ออีกหรือไม่”
เถียนเอ๋อพยักหน้าพลางกล่าวว่าดี “เช่นนั้นต่อจากนี้พวกเราจะทำอย่างไร? ”
“ไม่ต้องทำอะไร รอดูละครดีๆ ก็พอ คราวนี้เซี่ยยวี่หลัวต้องมีชื่อเสียงฉาวโฉ่แน่นอน จะได้แก้แค้นที่รังแกเจ้าครั้งก่อน! ” เซียวจินกล่าวอย่างดุดัน
“ยังมีลูกชายของเราด้วย! ” เถียนเอ๋อกล่าวเสริม
เซียวจินส่งเสียงเย็นทีหนึ่ง “ทำให้ชื่อเสียงของนางฉาวโฉ่ ขับไล่นางออกจากหมู่บ้านสกุลเซียว! ”
เถียนเอ๋อก็แสดงสีหน้ายินดี “สตรีเช่นนี้อยู่ที่หมู่บ้านสกุลเซียวก็มีแต่จะสร้างความเดือดร้อน ขับไล่ออกไปให้เร็วถึงจะดี! แต่ก่อนจะขับไล่ออกไป นางต้องขอขมาข้ากับลูกชายก่อน จะปล่อยนางไปง่ายๆ ไม่ได้! ”
“วางใจได้ ต้องให้ขอขมาแน่ ขอเพียงพวกเราช่วยท่านซ่ง วันดีๆ ยังรอพวกเราอยู่ข้างหน้า! ” เซียวจินกล่าวอย่างได้ใจ
เถียนเอ๋อชูนิ้วโป้งพร้อมเอ่ยชมเซียวจิน “พ่อของลูก เจ้าช่างเก่งกาจนัก! ”
เซียวจินยิ้มอย่างได้ใจ “เจ้าก็ไม่เลว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าไม่ลงรอยกับเซี่ยยวี่หลัว ไม่อย่างนั้น พวกเราจะพบความลับใหญ่หลวงถึงเพียงนี้ได้อย่างไร! ”
สองสามีภรรยาหัวเราะอย่างลำพองใจ
ในวันนี้ เซียวยวี่ขมวดคิ้วมุ่นจนเป็นปม
วันนี้หักลบเงินสามอีแปะที่ให้ชาวบ้านที่เก็บผักตี้เอ่อมา พวกเขาได้กำไรมาสองร้อยกว่าอีแปะ
แต่ดูจากท่าทีของเด็กสองคนและเซี่ยยวี่หลัว เหมือนจะไม่ตื่นเต้นดีใจแม้แต่น้อย ราวกับว่า เงินจำนวนนี้พวกเขาเห็นจนไม่รู้สึกแปลกแล้ว
เมื่อเห็นทั้งสามคนที่ง่วนอยู่กับงานในสวนหลังบ้าน พร้อมเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นเป็นครั้งคราว เซียวยวี่รู้สึกว่า เซี่ยยวี่หลัวในอดีตที่ยโสโอหังทำให้เขารู้สึกรังเกียจ ส่วนเซี่ยยวี่หลัวในยามนี้ ทำให้เขารู้สึกฉงนสงสัย
ทุกการกระทำของนางขัดแย้งกับตัวนางโดยสิ้นเชิง ภายในใจนาง กำลังคิดวางแผนอะไรกันแน่
เซียวยวี่เพ่งสายตามองดูคนที่อยู่ในสวนหลังบ้าน ร่างบางที่ก้มตัวอยู่ เส้นผมดกดำเงางามถูกนางรวบไว้สูง มีปอยผมลู่ลงมาพลิ้วไหวไปมาตรงหน้าเป็นครั้งคราว เคลื่อนผ่านใบหน้าขาวเนียนดุจหยก นางบุ้ยริมฝีปากสีแดงชุ่มฉ่ำ เป่าลมออกมาทีหนึ่ง ปอยผมนั่นก็ถูกเป่าไปทางอื่น
วันนี้เซี่ยยวี่หลัวหาเงินได้เพิ่มอีกสองร้อยกว่าอีแปะ รู้สึกดีใจเสียยิ่งกว่ากระไร
ซื้อแป้ง ข้าวสาร และน้ำมันจากบ้านท่านปู่เซียวกลับมาไม่น้อย กินได้อีกระยะหนึ่ง
ขอเพียงในบ้านไม่ขาดเสบียงอาหาร ภายในใจเซี่ยยวี่หลัวก็ไม่รู้สึกกระวนกระวาย
บัดนี้สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวดีขึ้น จิตใจของเซี่ยยวี่หลัวก็ค่อยๆ สงบลง เพียงแต่ไม่รู้ว่า เซียวยวี่มีท่าทีอย่างไรกันแน่
หากให้เซี่ยยวี่หลัวเลือกได้ ตอนนี้นางอยากนำหนังสือแยกทางฉบับนั้น ไปให้ห่างจากเซียวยวี่เสีย!
เรื่องอันตรายในอนาคต ถึงแม้ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะผ่อนให้เบาลงได้เล็กน้อย แต่นางก็ไม่อยากมีปัญหากับบุรุษที่น่ากลัวถึงเพียงนี้
มุ่งหาผลประโยชน์หลีกหนีจากอันตราย ถือเป็นธรรมดาของมนุษย์!
เซี่ยยวี่หลัวกำลังครุ่นคิดเรื่องต่างๆ อยู่ในใจ จึงมีสัมผัสฉับไวเป็นพิเศษ นางสัมผัสได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังเพ่งมองนางจากด้านหลัง
เด็กสองคนอยู่ตรงหน้านาง หากมีคนกำลังเพ่งมองนางจริง…
เช่นนั้นก็มีเพียงท่านราชบัณฑิตน้อยเท่านั้น
เซี่ยยวี่หลัวทอดถอนใจ นางไม่มีความกล้าที่จะหันกลับไปมอง
เซียวยวี่เห็นพวกเขามีความสุขถึงเพียงนั้น อยากเดินไปดูด้วย จะได้ช่วยอีกแรง แต่ภายในห้วงภวังค์มีความคิดขัดแย้งกันตลอด เขาจึงยังไม่เคลื่อนไหว
หวนคิดถึงสิ่งที่เซี่ยยวี่หลัวร่ำไห้โวยวายเพื่อให้เขามอบให้ก่อนวันที่เขาจะไปสอบ เซียวยวี่ตวัดมุมปากเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ เขาเกือบถูกนางหลอกเสียแล้ว
หนังสือแยกทางฉบับนั้น เขียนไว้อย่างชัดเจน หากเขาสอบผ่านซิ่วไฉ หนังสือแยกทางจะไร้ผลทันที
บางที นางคงกำลังรอดูผลการสอบของเขากระมัง!
เซี่ยยวี่หลัวนะเซี่ยยวี่หลัว สุดท้ายเจ้าก็ยังเห็นแก่ตัวยิ่งนัก ขอเพียงเป็นเรื่องที่มีผลดีต่อเจ้า เจ้ายอมละทิ้งเกียรติของตัวเอง เสแสร้งทำตัวเป็นภรรยาผู้รู้ความเป็นมารดาผู้มีเมตตา
แต่ช่างน่าเสียดายนัก ครั้งนี้ไม่แน่ว่าข้าอาจสอบไม่ผ่าน
พอคิดว่าหลังจากประกาศผลสอบ ถึงเวลาเซี่ยยวี่หลัวต้องนำหนังสือแยกทางออกจากหมู่บ้านสกุลเซียวไป เซียวยวี่ก็ขมวดคิ้วมุ่น
ไปก็ดี ถึงเวลา บ้านเขาก็น่าจะสงบเสียที
ต่อให้สตรีใต้หล้านี้ตายจนสิ้น เขาก็ไม่ต้องการสตรีที่ลุ่มหลงในอำนาจทรัพย์สิน มัวเมาลาภยศชื่อเสียงเยี่ยงนาง
เซียวยวี่ยิ้มอย่างเย็นเยียบ หันขวับเดินไปทันที
ไม่ว่าเสียงหัวเราะเบื้องหลังจะฟังดูเบิกบานใจเพียงใด สภาพจิตใจของเซียวยวี่ก็ยากจะสงบได้ หากเซี่ยยวี่หลัวไปแล้ว บ้านของเขาก็จะสงบ นางควรไป นางสมควรไปเสีย!
เซียวยวี่กลับไปยังโต๊ะหนังสือ คิดจะอ่านตำราต่อ แต่ถือตำราขึ้นมา ตัวอักษรบนนั้นเขายังคงรู้จัก ทว่า พอเรียงกันแล้วมีความหมายอย่างไร เขาอ่านไม่เข้าใจแม้แต่บรรทัดเดียว
เซียวยวี่โยนตำราไปไว้ข้างๆ ด้วยความรู้สึกท้อแท้ จ้องมองกิ่งไม้สีเขียวมรกตหนึ่งกิ่งที่อยู่มุมหนึ่งของโต๊ะหนังสือด้วยอาการเหม่อลอย
กิ่งไม้ที่พบได้ทั่วไป ไม่รู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวเด็ดมาจากต้นไม้ต้นใด
เดิมทีเป็นเพียงกิ่งไม้แสนธรรมดา ไม่รู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวทำอะไรกับมัน พอเสียบอยู่ในแจกันกระเบื้องเก่าแก่โบราณ กลับดูสง่างามอย่างบอกไม่ถูก
เซียวยวี่จ้องมองกิ่งไม้นั่นด้วยอาการเหม่อลอย
เขาต้องโกรธแค้นเซี่ยยวี่หลัวมากเกินไปเป็นแน่
ต้องเป็นเช่นนั้นแน่!
———————
เชิงอรรถ
*พานอัน คือนักปราชญ์ นักกวี ในยุคสมัยซีจิ้น ขึ้นชื่อเรื่องรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา เป็นหนึ่งในสี่หนุ่มรูปงามที่สุดในประวัติศาสตร์จีน