ตอนที่ 189 อาหารเช้าของท่าเรือ การเดิมพันทางน้ำ (1)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

ตอนที่ 189 อาหารเช้าของท่าเรือ การเดิมพันทางน้ำ (1)

“อืม ไหนๆ ใต้เท้าเหยาก็พูดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจกับใต้เท้าเหยา” ขณะที่พูด แม่ทัพเว่ยก็เลิกชุดคลุมยาวขึ้น จากนั้นก็นั่งลงข้างกายเหยาเยี่ยนอวี่ ขณะเดียวกันก็จับจ้องปลาเผาในมือของคุณหนูเหยา พร้อมกับยื่นเครื่องปรุงที่อยู่ข้างมือไปให้นาง

เลือดที่กระอักออกมาค้างอยู่ในลำคอของใต้เท้าเหยา และเกือบจะใจร้อนยกเท้าถีบคนๆ นี้ลงในแม่น้ำ เซียวหลินมองแผ่นหลังที่แข็งแกร่งของเว่ยจาง จึงจับคางแล้วครุ่นคิดสักพัก แล้วค่อยหันไปมองเหยาเหยียนอี้

“ควรโรยเกลือหน่อยหรือไม่” เสียงที่ใกล้ชิดเพียงนั้น เป็นน้ำเสียงทุ้มต่ำแต่อ่อนโยน แหบพร่า และเป็นน้ำเสียงที่ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศอย่างมาก

ดวงใจของเหยาเยี่ยนอวี่จึงหวั่นไหวอย่างรุนแรง ท่าทางนิ่งงันไป แล้วหันไปมองเขาเพียงชั่วพริบตา ทว่ากลับไม่พูดไม่จา

“นี่” ขมวดเครื่องปรุงในมือของเว่ยจางชูขึ้น

เหยาเยี่ยนอวี่รับไว้อย่างนิ่งสงบ แล้วใช้ช้อนเล็กๆ คนเม็ดเกลือ จากนั้นก็โรยลงบนปลาอย่างเบามือ เม็ดเกลือหล่นเข้าไปในถ่านไฟ จึงทำให้เกิดเสียงแต๊กๆ ขึ้นอย่างแผ่วเบา เปลวไฟสีแดงกระสะท้อนบนใบหน้าของนาง เป็นเสน่ห์ที่น่าดึงดูดและอ่อนโยนยิ่งนัก

“ทหาร!” เหยาเหยียนอี้จึงตะโกนขึ้นทันที ทำให้ทั้งสองคนที่กำลังต่างคนต่างครุ่นคิดอะไรบางอย่างในใจที่อยู่ข้างเตาต่างก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

เหยาเยี่ยนอวี่รีบพลิกปลาบนตะแกง เว่ยจางเลิกชุดคลุมขึ้น แล้วนั่งลงตรงนั้นทันที

“ขนสุราและอาหารพวกนั้นออกมา จะได้เชิญแม่ทัพเว่ยร่วมกินอาหารด้วยกัน” หลังจากที่เหยาเหยียนอี้หายใจแรง จึงสั่งการขึ้น

“ขอรับ” เถียนหลัวเซินเจียง เสี่ยวซือทั้งสองจึงเห็นนายทำสีหน้าที่ไม่ดี เลยไม่กล้าชักช้า แล้วรีบเข้าไปในห้องโดยสาร จากนั้นก็ยกโต๊ะเตี้ยออกมาวางลงบนดาดฟ้าเรือ ปั้นซย่าและไม่ตงก็รีบเอาถ้วยตะเกียบและจอกชาใหม่มาสองชุด แล้ววางลงบนโต๊ะเตี้ย

“แม่ทัพเว่ย แม่ทัพถาง” เหยาเหยียนอี้เชิญชวนด้วยอารมณ์ที่อัดอั้นความโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ “เชิญนั่งลงดื่มสุราเสียแก้วเถอะ”

เว่ยจางจึงหันหลัง แล้วคลี่ยิ้ม พร้อมกับพูดขึ้น “ใต้เท้าเหยาเกรงใจเกินไปแล้ว”

เหยาเหยียนอี้ชำเลืองมองเว่ยจางด้วยความเลือดเย็น แล้วนั่งลงก่อน

เซียวหลินหรี่ตาพร้อมเชิญชวน “ท่านแม่ทัพเว่ย มานั่งเถอะ”

ถังเซียวอี้เพิ่งจะกินปลาตัวนี้หมด จึงเม้มปากอย่างลืมไม่ลง พร้อมเอ่ยถามเหยาเยี่ยนอวี่ “คุณหนูเหยา ปลานี้ท่านปิ้งอย่างไร รสชาติไม่เลวจริงๆ! เป็นปลาที่อร่อยที่สุดที่ข้าเคยลิ้มลองมา”

เว่ยจางกวาดสายตาอันเย็นชามองไป แล้วโบกมือ ปลาดิบสองตัวเสียบเหล็กเสร็จจึงพุ่งมาตรงหน้าถังเซียวอี้

แม่ทัพถางเป็นคนที่มือไม้เร็ว ก่อนที่เหล็กแท่งนั้นจะเสียบเข้ามาตรงจมูกของตนเอง ก็ได้ยกมือรับไว้ แล้วถามอย่างไม่พอใจ “ท่านแม่ทัพ ปลาดิบตัวนี้ไม่อร่อยนะ”

เว่ยจางจึงพูดจาตบท้ายสองพยางค์ด้วยความเย็นชา “ปิ้งเอง!”

“ทว่าข้าปิ้งไม่เป็นหนิ!” ถังเซียวอี้พยักไหล่อย่างไร้เดียงสา แล้วมองเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยความน่าสงสาร

เหยาเยี่ยนอวี่คลี่ยิ้มอ่อนๆ “ให้ข้าเถอะ ท่านแม่ทัพถางไปนั่งดื่มสุราทางโน้นก็พอ”

ตอนที่ถังเซียวอี้นำปลาสองตัวที่อยู่ในมือยื่นให้เหยาเยี่ยนอวี่ และยังทำหน้ากวนประสาทใส่เว่ยจาง

เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างประหม่า แล้วเอาปลาวางบนตะแกง ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงจึงรีบยื่นมือมาช่วย แล้วเอาพวกกุ้งและปลาตัวน้อยมาเผา

เว่ยจางมองถังเซียวอี้ด้วยนัยน์ตาที่เย็นชาแล้วหันหลังไป จากนั้นก็นั่งลงตรงโต๊ะเตี้ยสี่เหลี่ยมพร้อมกับเหยาเหยียนอี้และเซียวหลิน

เซียวหลินยกจอกแล้วคลี่ยิ้ม “แม่ทัพเว่ย นึกไม่ถึงว่าพวกเราจะได้เจอกันที่นี่ ช่างบังเอิญจริงๆ”

เว่ยจางคลี่ยิ้มบางๆ แล้วก็ไม่มากความอะไรอีก จากนั้นก็จอกขึ้นชนกับเซียวหลิน แล้วดื่มหมดทั้งจอก

ถังเซียวอี้รีบเข้ามาใกล้ พร้อมกับยกเหยือกเหล้ารินสุราให้กับเซียวหลินและเว่ยจาง พร้อมกับเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านเซียวโหว นึกไม่ถึงว่าท่านจะมาพร้อมใต้เท้าเหยา?”

“เพราะว่าข้ากับใต้เท้าเหยาเป็นสหายร่วมทางพอดี พวกเราต่างไปรับตำแหน่งที่เจียงหนาน ทุกคนที่อยู่ในเมืองเดียวกันจึงนั่งเรือลำเดียวกัน ระหว่างทางจะได้ดูแลซึ่งกันและกัน กลับเป็นท่านแม่ทัพเว่ยผู้ที่เป็นคนดังต่อหน้าพระพักตร์จักรพรรดิท่านนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

เว่ยจางกล่าวด้วยความนิ่งสงบ “แน่นอนว่ามาทำธุระแทนฮ่องเต้าน่ะสิ”

“อ่อ! ฮ่าๆ! คำพูดนี้กล่าวถูก” เซียวหลินเห็นเว่ยจางไม่อยากมากความ ภายในใจกำลังเดาว่าฐานะของเขาต้องไวต่อความรู้สึก หรือว่าจะถูกฮ่องเต้ส่งมาทำงานลับอะไร เลยไม่ได้ถามมาก แค่คลี่ยิ้ม “ไม่ว่าอย่างไร พวกเราทั้งสี่คนก็ถือว่ามีวาสนาที่ได้เจอหน้ากัน”

เหยาเหยียนอี้ก็รู้ว่าเว่ยจางเป็นขุนนางที่ใกล้ชิดกับจักรพรรดิ จึงไม่ควรใจจิตใจดำกับเขาเกินไป ดังนั้นเลยยกจอกชา ทั้งสี่จึงชนและดื่มหมดทั้งจอกเพียงอึกเดียว

“เอ๊ะ!” กลิ่นเหม็นไหม้ลอยเข้ามาในจมูก เหยาเยี่ยนอวี่จึงได้สติกลับมาทันที เพราะมัวแต่ฟังพวกเขาพูด จึงประมาทไปชั่วขณะ ในมือเลยรีบขยับ ปลาที่ถูกปิ้งจนไหม้ไปหนึ่งด้านในเมื่อครู่นี้ ตอนนี้อีกด้านก็ไหม้ ดังนั้นเลยรีบยื่นมือไปพลิกปลา กลับลืมใช้ผ้าปูไว้ ทำให้นิ้วมือของนางไปสัมผัสโดนไม้เสียบเหล็ก มือเลยโดนลวก จึงอดร้องทุกข์ขึ้นไม่ไหว “โอ๊ย!”

“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวทำเองเจ้าค่ะ!” ชุ่ยเวยรีบยื่นมือออกไปเอาปลาที่เผาจนไหม้ไปใส่จาน

“ไม่เป็นเช่นไร” เหยาเยี่ยนอวี่มองปลายมือที่แดงระเรื่อ แล้วส่ายหน้า

“ปลาตัวนี้ไหม้แล้ว…ยังจะกินอีกหรือ” ชุ่ยเวยมองปลาที่ถูกเผาจนดำและไหม้ จึงเอ่ยถามด้วยเสียงต่ำ

“เอาทิ้งเถอะ” เหยาเยี่ยนอวี่กัดปลายนิ้วและพูดขึ้น

“เอามันมาเถอะ” ขณะเดียวกัน เว่ยจางพูดด้วยเสียงเรียบ

อือ? ชุ่ยเวยมองท่านแม่ทัพท่านนั้นอย่างลำบากใจ แล้วมองคุณหนูของตนเอง

“อย่าฟุ่มเฟือย” เว่ยจางกำชับอีกครั้ง “ตอนที่ออกรบแล้วถูกศัตรูปิดล้อมให้อยู่ในทะเลทราย แม้กระทั่งรากของหญ้าและเปลือกไม้ก็ยังเคยกินมาแล้ว อย่างไรนี่ก็คือปลา ทิ้งไปก็เสียดาย”

“ไม่เลวๆ!” ถังเซียวอี้รีบผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปตรงหน้าชุ่ยเวย สองมือจับจานมาแล้วหันหลัง จากนั้นก็เอาปลาตัวที่ไหม้เกรียมไปตรงหน้าเว่ยจางอย่างสง่าผ่าเผย “อีกอย่างเป็นปลาที่คุณหนูเหยาเผา เมื่อครู่ข้าลิ้มลองมาแล้ว ช่างเป็นอาหารเลิศรสในแดนมนุษย์จริงๆ ท่านแม่ทัพ ท่านรีบกินเถอะ”

มุมปากเซียวหลินกระตุกขึ้น ภายในใจกำลังคิดว่าท่านรองแม่ทัพคนนี้คงไม่เป็นเช่นไรใช่หรือไม่

นัยน์ตาดั่งคมดาบของเว่ยจางกวาดมองถังเซียวอี้ แล้วรู้สึกจนปัญญาจริงๆ หนังหน้าของรองแม่ทัพถางผ่านการต่อสู้และทดสอบมาอย่างโชกโชนมามาย ดาบและปืนจึงฟันและยิงไม่เข้าตั้งนานแล้ว

เหยาเยี่ยนอวี่มองเว่ยจางด้วยคิ้วขมวดเพียงพริบตาเดียว แล้วอดทน สุดท้ายก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป “ทางนี้ใกล้จะเผาเสร็จแล้ว ตัวนั้น…”

“ก็ถือว่าดี” เว่ยจางรีบคีบเนื้อปลาหนึ่งชิ้นแล้วยัดเข้าปาก ขณะที่พูดก็พยักหน้าไปด้วย “รสชาติไม่เลว”

“เช่นนั้น!” ถังเซียวอี้หรี่ตาลง “ข้าบอกแล้วไง ฝีมือการเผาปลาของคุณหนู นั่นไร้เทียมทานจริงๆ!”

เว่ยจางไม่สนใจถังเซียวอี้ แค่กินเนื้อปลาไปอย่างใส่ใจในทุกรายละเอียด เหมือนนั่นเป็นอาหารเลิศรสที่สุดในทั่วพิภพนี้

อย่างไรเหยาเยี่ยนอวี่ก็ยังรู้สึกผิด จึงเอากุ้งชิงหมิงไม่กี่ตัวที่ชุ่ยเวยเผาเสร็จแล้วยื่นให้เขา

เว่ยจางหันไปมองนางเพียงชั่วพริบตา นัยน์ตาสะท้อนแสงจันทรา กลับทำให้เขาดูอ่อนโยนเหมือนดั่งผืนน้ำ

เหยาเยี่ยนอวี่นิ่งงัน แล้วมีความนึกคิดที่งดงามพุ่งขึ้นมาตรงกลางอกของแพทย์ศัลยกรรมทันที

นางแอบอุทานขึ้น หากซูอวี้เหิงกับหันหมิงชั่นอยู่ก็คงดี พวกนางต่างก็เป็นเจ้าบทเจ้ากลอน ต่างก็สามารถกล่าวบทกวีที่เข้ากับทิวทัศน์ แต่ตนเอง…กลับไม่มีความสามารถและคารมเช่นนี้จริงๆ

เหยาเหยียนอี้คอยสังเกตจากวาจาและะการกระทำ จึงสังเกตเห็นว่าน้องสาวของตนเองปฏิบัติตนกับเว่ยจางแตกต่างจากผู้อื่น จึงคลี่ยิ้มอย่างประหม่า แล้วก้มหน้าจิบสุรา