บทที่ 317 ถอนตัวออกจากเมืองหลิง
ในขณะที่บัณฑิตถูกทรมาน หนานกงเยว่ก็แอบลักลอบไปยังที่ซ่อนตัวแห่งหนึ่งในเมืองเซียว แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีผู้ใดตอบกลับจดหมายทุกฉบับที่เขาส่งไปเลย เขารู้ดีว่าคนจากเมืองเซียวคงจะต้องขัดขวางการส่งจดหมายเหล่านั้นเป็นแน่
หนานกงเยว่ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นของผู้ชายแล้วนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่แน่ใจว่าเสด็จพ่อผู้แสนดีของตนจะเต็มใจยอมแพ้หรือไม่
เซียวชวี่เฟิงมองดูจดหมายลับแล้วพ่นลมออกทางจมูกอย่างเย็นชา พวกเขายังคงพยายามส่งข่าวให้กองกำลังที่ซ่อนตัวอยู่อีกหรือนี่
“ไปถล่มกองกำลังลับที่ซ่อนตัวอยู่ทั้งหมดของเมืองหลิง” มิใช่ว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องที่ซ่อนตัวลับของเมืองหลิง แต่พวกเขาเพียงไม่ใส่ใจเท่านั้น ทั้งนี้การที่พวกนั้นกระทำการใดๆ ใต้จมูกย่อมดีกว่าให้พวกเขาส่งคนมาที่นี่
“เข้าใจแล้วท่านพี่ ข้อจะจัดการเรื่องนี้เอง” เซียวฉีเทียนรู้สึกไม่สบายใจที่จะให้คนอื่นทำเรื่องนี้ อีกทั้งเฉียวเทียนช่างก็คงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้
เซียวชวี่เฟิงผงกศีรษะ “ได้ ข้าให้เจ้าเป็นคนจัดการ”
เฉียวเทียนช่างรู้เรื่องนี้จากหลินจือโยว ก่อนจะหัวเราะเยาะ “ในเวลาแบบนี้ ยังคิดจะส่งข่าวผ่านที่ซ่อนตัวลับอยู่อีกหรือ เขาคิดว่าปัญหาที่เขาก่อยังร้ายแรงไม่พออีกหรือไง”
พวกเขารู้อยู่แล้วว่าเมืองเซียวมีที่ซ่อนตัวลับของแต่ละเมือง แต่ก็ปล่อยมันไป และยอมให้คนอื่นๆ คิดว่าพวกเขาอ่อนแอ
มันไม่ดีเลย ไม่ดีเลยจริงๆ
“นำคนไปช่วยเซียวฉีเทียนถอนรากถอนโคนที่ซ่อนตัวลับทุกแห่งของเมืองหลิงเสีย นอกจากนี้ก็ส่งคำเตือนให้กับเมืองแต่ละแห่งด้วยเช่นกัน” เพื่อให้พวกเขาได้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายหากจะมายั่วยุเมืองเซียว
“ขอรับ”
หลังจากหลินจือโยวจากไป เฉียวเทียนช่างจึงเข้าไปในบ้าน ก่อนจะเห็นหนิงเมิ่งเหยาที่ดูอ่อนล้านั่งอยู่บนเตียง ดวงตาของเขาฉายประกายความเป็นห่วง “เจ้าสบายดีหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นไร แค่ต้องการพักผ่อนอีกหน่อยเท่านั้น” หญิงสาวส่ายศีรษะ นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองในครั้งนี้ แต่นางรู้สึกอึดอัดและอ่อนเพลียอย่างมาก
“ข้าไม่สบายใจเลย” เฉียวเทียนช่างขมวดคิ้ว ในตอนที่หญิงสาวแท้งลูก ก็ยังไม่อ่อนแอขนาดนี้
หนิงเมิ่งเหยาเอนตัวลงบนตักของชายหนุ่ม ก่อนจะกอดข้อมือของเขา “ข้าไม่เป็นไรจริงๆ ชิงซวงบอกว่าข้ามีอาการบางอย่างที่ส่งผลต่อร่างกาย จึงทำให้ข้าเป็นเช่นนี้ ไม่ต้องกังวลหรอก หลังจากพักผ่อนอีกสักหน่อย ข้าก็จะหายดีเอง”
หนานอวี่เคยพูดถึงอาการและผลกระทบหลังจากกู่พิษถูกทำลาย นั่นจึงเป็นสาเหตุให้นางตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ถึงกระนั้นเฉียวเทียนช่างก็ยังคงกังวล
หนิงเมิ่งเหยาเอื้อมมือไปลูบแก้มของชายหนุ่ม “อย่าห่วงข้าเลย”
“ถ้าเช่นนั้นก็พักผ่อนต่อเถอะ”
หญิงสาวส่ายศีรษะอย่างแผ่วเบา “ข้าไม่เป็นไร เทียนช่าง หากเรื่องนี้จบลง เราไปสถานที่แห่งหนึ่งด้วยกันเถอะ ข้าอยากพาเจ้าไปที่ที่หนึ่ง ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องปรับปรุงจวนแม่ทัพใหม่อยู่ดี” จู่ๆ หนิงเมิ่งเหยาก็เอ่ยขึ้น
ชายหนุ่มพยักหน้าตกลงโดยไม่คิดมาก “ได้สิ”
ตั้งแต่พวกเขากลับมา ก็เกิดปัญหาวุ่นวายขึ้นมากมาย จนเขาเองยังหงุดหงิดใจ หลังจากเรื่องนี้จบลง ก็เป็นความคิดที่ดีไม่น้อยเลยที่เขาจะพานางออกไปเดินเล่น
หนิงเมิ่งเหยาไม่พูดอะไรต่อ ทั้งสองใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างเงียบๆ เมื่อชิงซวงที่อยู่ด้านนอกเห็นว่าทั้งสองนิ่งเงียบแต่ก็ดูใกล้ชิดสนิทสนมกัน นางก็ยิ้มออกมา จากนั้นใบหน้าของนางก็เผยความเศร้าหมองขึ้น
‘พวกเขาจะไม่ยอมให้คุณหนูต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้อีกแล้ว’
ขณะเดียวกัน ณ ห้องทรงพระอักษรแห่งเมืองหลิง
หลิงฮ่องเต้กำลังอ่านเอกสารที่เมืองเซียวส่งมาให้ เนื้อหาด้านในทำให้เขาขุ่นเคืองอย่างยิ่ง ‘พวกเขาจะจัดการเรื่องนี้เช่นไร นอกจากผู้อื่นจะรู้ถึงเจตนาของพวกเขาแล้ว ไพ่เด็ดที่พวกเขาเก็บเป็นความลับก็ถูกเปิดเผยจนหมดสิ้น’
“พวกขยะไร้ค่า” ‘ชายหนุ่มผู้นั้นกล้าดีอย่างไรกัน จึงมาทำตัวเป็นปรปักษ์กับเขาเช่นนี้’
“ฝ่าบาท ต่อจากนี้พวกเราจะทำเช่นไรกันดีพ่ะย่ะค่ะ เป็นไปได้หรือไม่หากเรายอมให้องค์รัชทายาทและคนอื่นๆ อยู่ในเมืองเซียวพ่ะย่ะค่ะ” ด้วยท่าทีของเมืองเซียวในตอนนี้ หากพวกเขาไม่มีคำอธิบายใดๆ ไปให้ ก็คงจะต้องเกิดสงครามขึ้นอย่างแน่นอน
หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเมืองเซียวเท่านั้น พวกเขาก็คงไม่เกรงกลัวนัก แต่ทว่าเมืองเฟิงก็เข้ามาร่วมด้วย พวกเขาจึงไม่กล้ารับประกันว่าเมืองอื่นๆ จะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
ขณะที่หลิงฮ่องเต้ยังคงลังเลอยู่นั้น เขาก็ได้รับข่าวอีกเรื่องหนึ่ง “ทูลฝ่าบาท ทงเป่าไจหยุดการค้าขายกับเมืองหลิงแล้วพ่ะย่ะค่ะ โดยร้านค้าภายใต้ทงเป่าไจทั้งหมดกำลังถอนตัวออกจากเมืองหลิงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไรนะ” หลิงฮ่องเต้ยืนขึ้นจากบัลลังก์ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ ‘เป็นไปได้เช่นไรกัน’
บทที่ 318 ผู้สำเร็จราชการนามว่าหนานกงเยี่ยน
หากทงเป่าไจถอนร้านค้าทั้งหมดออกจากเมืองหลิง เมืองหลิงก็คงจะปั่นป่วนวุ่นวายอย่างยิ่ง
“เหตุใดพวกเขาจึงทำเช่นนั้น” หลิงฮ่องเต้สับสน ทำไมคนกลุ่มนั้นถึงเข้าร่วมด้วยเล่า หากพวกเขายังคงทำตัวเหมือนเดิม ทุกอย่างก็ควรจะเป็นปกติดีมิใช่หรือ
“ข้าได้รับแจ้งว่าภรรยาของแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองเซียวเป็นเจ้าของทงเป่าไจพ่ะย่ะค่ะ นายน้อยเยว่และคนอื่นๆ ทำร้ายนางจนบาดเจ็บ และตอนนี้นางยังไม่ได้สติเลยพ่ะย่ะค่ะ” ข่าวดังกล่าวนั้นเพิ่งแพร่กระจายไปสดๆ ร้อนๆ
หลิงฮ่องเต้มีท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินหนานกงเช่อบอกว่าหนิงเมิ่งเหยาอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับหนานกงเยี่ยน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงแนะนำให้นำตัวนางกลับมาโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี ในที่สุดก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ ไม่มีข่าวแจ้งว่าพวกเขากลับมาได้ทันเวลา และตอนนี้เขากลับรับรู้ว่าพวกเขาได้ทำร้ายเจ้าของทงเป่าไจ รวมถึงทำร้ายผู้คนของพวกเขาอีกด้วย ช่างไม่ต่างอะไรกับฝันร้ายเลยทีเดียว
“ข้าจำได้ว่าลูกสาวคนโตของตระกูลเหมยเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องต่างๆ ของทงเป่าไจ เชิญนางมาพบข้าเดี๋ยวนี้” ทันใดนั้น หลิงฮ่องเต้ก็คิดถึงเหมยรั่วหลินจากตระกูลเหมยขึ้นมา
อย่างไรก็ดี คนผู้นั้นกลับหัวเราะอย่างขมขื่น “หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น นางได้กระจายข่าวไปทั่วแล้วว่า ต่อให้เป็นหัวหน้าตระกูลเหมยก็ไม่อาจทำอะไรได้ เว้นเสียแต่ว่าหนิงเมิ่งเหยาจะได้รับคำอธิบายเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“นั่น…”
ขณะนี้ หลิงฮ่องเต้ปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างมาก ‘ทำไมเขาต้องเจอเรื่องยุ่งเหยิงเช่นนี้ด้วย’
ถึงกระนั้น เขาก็ไม่ยอมประนีประนอมง่ายๆ ‘เป็นไปได้หรือไม่ ที่เมืองหลิงจะพังพินาศด้วยน้ำมือของเขา’
หากเศรษฐกิจของเมืองหลิงมีปัญหา เหล่าประชาชนจะต้องแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น แม้ว่าเมืองเซียวจะยังไม่โจมตีใดๆ ก็ตาม แต่เมืองหลิงก็คงจะตกอยู่ในความโกลาหลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี
หลิงฮ่องเต้ขบฟันกรอด “ส่งคนไปเจรจาและจัดการเรื่องนี้ และตามหาผู้สำเร็จราชการด้วย หากเขาออกหน้าจะเป็นการดีที่สุด”
คนผู้นั้นกลอกตาอย่างหมดวาจา ใครเล่าจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับผู้สำเร็จราชการ หนานกงเยี่ยนผู้ไม่ได้อยู่ในเมืองหลิงมาเป็นปี หนำซ้ำยังไม่เคยสนใจที่จะจัดการปัญหาต่างๆ ของเมืองหลิงอีกด้วย คงเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้ผู้สำเร็จราชการคนนี้ลงมือกระทำการใดๆ
“บอกเขาว่าหนิงเมิ่งเหยาอาจจะเป็นลูกสาวของเขา เขาจะต้องมาอย่างแน่นอน” หลังจากหลิงฮ่องเต้หรี่ตาอย่างครุ่นคิด ก็เอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
คนผู้นั้นขมวดคิ้ว เขาอยากจะแนะนำแต่ไม่รู้ต้องทำเช่นไร
“ฝ่าบาท คือ…”
“เขาตามหาสิ่งนี้มาตลอดมิใช่หรือ แจ้งข่าวนี้ให้เขาทราบ แล้วเขาจะมาเอง” หลิงฮ่องเต้พูดอย่างไม่ใส่ใจนัก เมื่อถึงเวลาเกิดเรื่อง เขาก็ไม่คิดว่าหนานกงเยี่ยนจะทนเฉยชาต่อเมืองหลิงได้
อย่างไรก็ตาม หลิงฮ่องเต้ลืมประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่ง พวกเขาทำให้หนิงเมิ่งเหยาได้รับบาดเจ็บ แล้วผู้สำเร็จราชการจะมีท่าทีเช่นไรหากรู้เรื่องนี้เข้า
“พ่ะย่ะค่ะ” หลังจากที่เขาไม่อาจให้คำแนะนำต่อหลิงฮ่องเต้ได้ คนผู้นี้จึงรับคำสั่ง ก่อนจะไปยังจวนของผู้สำเร็จราชการอย่างไม่มีทางเลือก
เมื่อไปถึง ก็พบว่าผู้สำเร็จราชการมิได้อยู่ในจวน เขาจึงทำได้แค่แจ้งราชโองการของฮ่องเต้ให้กับข้ารับใช้ผู้หนึ่งเท่านั้น
หนานกงฉีหรี่ตาขณะมองคนผู้นั้นอ่านพระราชโองการจากฮ่องเต้ ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะทำให้เลือดลมของเขาเยือกเย็น ก่อนจะจากไปโดยไม่รอฟังคำตอบจากเขา
เมื่อหนานกงฉีเห็นอีกฝ่ายจากไป จึงหมุนตัวกลับไปยังด้านในของลานบ้าน ก่อนจะเขียนจดหมายเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าวให้กับผู้สำเร็จราชการที่ไม่อยู่ที่นี่
สองวันถัดไป หนานกงเยี่ยนในชุดดำก็ได้รับจดหมายจากข้ารับใช้ผู้นี้
หลังจากอ่านข้อความ ดวงตาของเขาก็ฉายประกายความโหดเหี้ยมและกระหายเลือด ‘คิดจะใช้งานเขาหรือ นั่นมันขึ้นอยู่กับว่าเขาเต็มใจจะให้ใช้ประโยชน์หรือไม่ต่างหาก’
เขาตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นกับหนิงเมิ่งเหยาแล้ว หญิงสาวได้รับบาดเจ็บจากกู่พิษโดยคนของเจ้าโง่เง่าไร้ประโยชน์หนานกงเช่อ และตอนนี้นางยังไม่ได้สติ แต่แทนที่พวกเขาจะกังวลว่าหนานกงเยี่ยนจะช่วยเหลือพวกเขาหรือไม่ พวกนั้นกลับบอกว่าหนิงเมิ่งเหยาอาจเป็นลูกสาวของเขา
หลิงฮ่องเต้ไม่รู้หรือว่าหนานกงเยี่ยนเป็นคนเช่นไร เขาคือคนที่จะปกป้องคนที่ตนเองรักและห่วงใย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคนๆ นั้นคือคนที่เขาตามหามานาน
“ผู้สำเร็จราชการขอรับ”
“กลับกันเถอะ”
หนึ่งวันต่อมา ผู้สำเร็จราชการหนานกงเยี่ยนก็กลับมาถึงจวนของตนด้วยเนื้อตัวเปื้อนฝุ่น เมื่อหลิงฮ่องเต้รู้ข่าว ก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ แต่ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ไม่หัวเราะไม่ออก เพราะหนานกงเยี่ยนนำคนของตนเองไปด้วยเท่านั้น โดยไม่สนใจคนที่หลิงฮ่องเต้จัดเตรียมไว้ให้
เรื่องนี้ทำให้หลิงฮ่องเต้โกรธเคืองอย่างมาก จนแสดงท่าทีถมึงทึง
หนานกงเยี่ยนรีบมุ่งหน้าไปยังเมืองเซียว ขณะเดียวกัน เมืองเซียวเองก็ได้รับข่าวการมาของเขาอย่างรวดเร็ว
เซียวชวี่เฟิงขมวดคิ้วแน่นหลังจากรู้ข่าว
“เทียนช่าง เจ้าพอจะรู้สาเหตุที่หลิงฮ่องเต้ส่งหนานกงเยี่ยนมาหรือไม่”