บทที่ 319 มาที่นี่เพื่อเหยาเหยา
เซียวชวี่เฟิงเรียกตัวเฉียวเทียนช่างให้เข้ามาที่วังหลวงโดยด่วน ในตอนแรกชายหนุ่มรู้สึกตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาในไม่ช้า “ช่างเป็นความคิดที่ดีจริงๆ แต่ชวี่เฟิง ท่านไม่สังเกตหรือว่าหนานกงเยี่ยนมาที่นี่พร้อมกับพาคนสนิทของเขามาด้วยเท่านั้น”
“นั่นน่ะสิ” เซียวชวี่เฟิงผงกศีรษะ พลางรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เฉียวเทียนช่างยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวลหรอก เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อปองร้ายพวกเรา หนำซ้ำเขายังช่วยให้พวกเราได้สิ่งที่ต้องการอีกด้วย”
หลังจากได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เซียวชวี่เฟิงยิ่งรู้สึกฉงนใจกว่าเก่า ก่อนจะมองอีกฝ่ายอย่างสับสน “เจ้าหมายความว่าอย่างไร เขามาจากเมืองหลิงนะ แล้วจะมาช่วยเมืองเซียวทำไมกัน”
“เมื่อถึงเวลา ท่านจะรู้เอง หากบอกท่านตอนนี้คงไม่ดีนัก” เฉียวเทียนช่างส่ายศีรษะ และไม่ยอมบอกผู้เป็นฮ่องเต้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหนานกงเยี่ยนกับหนิงเมิ่งเหยา มิใช่เพราะเขาไม่เชื่อมั่นเซียวชวี่เฟิง แต่เพราะเรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไปต่างหาก
เมื่อเซียวชวี่เฟิงเห็นว่าเฉียวเทียนช่างไม่อยากอธิบาย เขาจึงทำได้เพียงพยักหน้ายอมรับ “หวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น”
ชายหนุ่มผงกศีรษะ หลังจากเจรจาเรื่องแผนการกับเซียวชวี่เฟิงเสร็จสิ้น เขาจึงบอกคำใบ้ให้ก่อนจะกลับ “เขามาที่นี่เพราะเหยาเหยา”
เซียวชวี่เฟิงไม่อาจปะติดปะต่อเรื่องราวจากคำพูดของอีกฝ่ายได้
หลังจากที่เฉียวเทียนช่างออกจากวังหลวง ก็กลับไปยังจวนของแม่ทัพใหญ่ ก่อนจะเห็นหนิงเมิ่งเหยานอนอาบแดดอยู่ด้านนอก เขาจึงเดินไปกอดหญิงสาวแนบอก
“เขาเรียกพบเจ้าทำไมหรือ” หนิงเมิ่งเหยาลืมตาก่อนมองชายหนุ่มข้างๆ
“หนานกงเยี่ยนกำลังเดินทางมาเมืองนี้ และอีกเจ็ดวัน เขาน่าจะมาถึง” เฉียวเทียนช่างบอกเรื่องนี้ให้นางรับรู้อย่างไม่ปิดบัง
หญิงสาวอึ้งขณะมองชายหนุ่ม ก่อนจะนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อไม่นานมานี้ ร่างกายของหนิงเมิ่งเหยาเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างมาก แต่นางมิได้คาดคิดเลยว่า ชายหนุ่มจะนำข่าวดังกล่าวกลับมาให้นาง
“เขามาที่นี่ทำไมกัน”
“เมืองหลิงต้องการให้เขาเป็นผู้ดูแลเรื่องการเจรจาต่อรองในครั้งนี้ ฮ่องเต้อาจจะใช้เล่ห์เหลี่ยมบางอย่าง” ในส่วนของเล่ห์เหลี่ยมนั้น เขาอาจจะบอกหนานกงเยี่ยนว่าหนิงเมิ่งเหยาคือลูกสาวของเขาก็เป็นได้
หญิงสาวขมวดคิ้ว “เข้าใจแล้ว”
อย่างไรก็ดี เฉียวเทียนช่างกลับยิ้มและส่ายศีรษะ “ข้าคิดว่าเขามิได้มาเพื่อการนั้นหรอก แต่มาเพื่อเจ้าต่างหาก”
“เพื่อข้า ทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนั้น” หนิงเมิ่งเหยารู้สึกฉงนใจ ไม่นานมานี้ สมองของนางค่อนข้างพร่าเบลอและมึนงง
ชายหนุ่มมองหญิงสาวอย่างอดไม่ได้ “ข้าไม่คิดว่าเขาที่เป็นถึงผู้สำเร็จราชการและมีอิทธิพลยิ่งใหญ่จะลืมเลือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เขารับหน้าที่นี้ เพียงเพราะต้องการจะมาเมืองเซียวอย่างสง่าผ่าเผยเท่านั้น”
“เราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังเถอะ” หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หนิงเมิ่งเหยาจึงเอ่ยขึ้น
“เอาเถอะ ข้าจะอยู่กับเจ้าในตอนที่เจ้าพักผ่อนนะ”
“ตกลง”
ในช่วงนี้ หญิงสาวนอนหลับมากขึ้นเรื่อยๆ และใช้เวลาส่วนใหญ่กับการนอนพัก ชิงซวงกล่าวว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร เพราะร่างกายของนางกำลังฟื้นตัว และการพักผ่อนมากๆ จะทำให้สภาพร่างกายฟื้นตัวได้ดีขึ้น ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง
หลังจากหนานกงเยี่ยนเดินทางผ่านชายแดนของเมืองเซียว สายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ตลอดระยะเวลาหลายปี เขาเพิ่งได้รับข่าวคราวต่างๆ และเมื่อไม่นานมานี้ ก็เพิ่งได้รับการยืนยันข่าว หลังจากนั้น เขาก็คิดหาวิธีที่จะเข้าสู่เมืองเซียวอย่างสง่าผ่าเผยมาโดยตลอด ใครจะรู้ว่าโอกาสนั้นจะเข้ามาในเวลาที่เขากำลังต้องการพอดี
เขาไม่รังเกียจที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อให้หลิงฮ่องเต้ได้รับผลดั่งที่เขาต้องการ ทั้งนี้หนานกงเยี่ยนยังช่วยให้พวกเขาได้รับมากกว่าที่ต่อรองเอาไว้อีกด้วย
หนานกงเยี่ยนกระตือรือร้นและอยากพบเจอกับหนิงเมิ่งเหยามากเสียจนมุ่งหน้าเดินาทางโดยไม่ยอมหยุดพักระหว่างทาง
เซียวชวี่เฟิงดูกลุ้มใจหลังรู้ข่าวว่าหนานกงเยี่ยนจะมาถึงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าก่อนหน้านี้ เฉียวเทียนช่างจะบอกว่าไม่ต้องกังวล แต่ทว่าเขาก็ยังคงครุ่นคิดถึงเหตุผลที่ทำให้หนานกงเยี่ยนมาที่นี่อยู่ดี
เซียวฉีเทียนรู้ข่าวว่าหนานกงเยี่ยนจะมาถึงเพียงสองวันก่อนหน้าเท่านั้น เขาตบหน้าผากของตนก่อนจะอุทานอย่างแค้นใจ “บ้าเอ๊ย ข้าลืมบอกเรื่องนี้กับเขา”
บทที่ 320 คนสูงศักดิ์
เซียวฉีเทียนรีบลุกจากเตียงและวิ่งไปยังวังหลวงเพื่อปลุกเซียวชวี่เฟิงที่ยังหลับใหล โดยไม่สนใจว่าเวลานั้นจะเป็นช่วงกลางดึกแล้วก็ตาม
เซียวชวี่เฟิงเพิ่งจะนอนหลับ ก็ต้องลุกมาจ้องมองเซียวฉีเทียนก่อนจะตำหนิ “ไอ้น้องเวร เจ้าปลุกข้ากลางดึกเช่นนี้ มีเรื่องเร่งด่วนอะไรกัน”
เซียวฉีเทียนหดคอก่อนจะพูดอย่างขลาดกลัว “ท่านพี่ ลืมไปเสียเถิด… ท่านไปนอนต่อดีกว่านะ ข้า…ข้าจะกลับก่อน”
“หยุดตรงนั้นเลย บอกมาว่าเจ้ามาหาข้าทำไมกันแน่” เซียวชวี่เฟิงขบฟันกรอดขณะจ้องมองอีกฝ่าย เจ้าเวรนี่ปลุกเขาให้ตื่นแล้วคิดจะหนีไปดื้อๆ เช่นนี้หรือ
เซียวฉีเทียนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนพูดขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ท่านพี่ หลังจากข้าบอกไปแล้ว ท่านอย่าโกรธข้านะ”
“หากเจ้ายังพูดพึมพำอยู่เช่นนี้ ข้าจะจับเจ้าโยนออกไปเสีย”
เซียวฉีเทียนหดคอและครุ่นคิดครู่หนึ่ง จนในที่สุดก็ยอมพูดขึ้น “ท่านพี่ ข้าลืมบอกเรื่องสำคัญบางอย่างกับท่าน”
“เข้าประเด็นเถอะ”
“เมิ่งเหยาคือน้องสาวของพวกเรา ไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ แต่เป็นลูกพี่ลูกน้องน่ะ”
ความโกรธของเซียวชวี่เฟิงดับลงในทันใด เขาหรี่ตามองอีกฝ่าย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“ข้ารู้เรื่องนี้มาสักพักหนึ่งแล้ว เมิ่งเหยามีปานอยู่ตรงหลังใบหู ซึ่งคนในตระกูลเซียวของเราเท่านั้นจะมีได้ มันเหมือนกับของท่านและของข้าทุกประการเลย ข้าคิดจะบอกท่านวันนั้น แต่ข้าก็โดนขัดจังหวะเสียก่อน จนลืมไปเสียสนิท” หากไม่ใช่เพราะข้ารับใช้บอกเขาว่าหนานกงเยี่ยนจะมาถึงในเร็ววันนี้ เขาคงลืมมันไปแล้ว
เซียวชวี่เฟิงมองเขาอย่างตกตะลึง “เจ้าพูดจริงหรือ”
“จริงสิ ท่านพี่จำท่านป้าของพวกเราได้หรือไม่” ทันใดนั้น เซียวฉีเทียนก็พูดถึงองค์หญิงใหญ่ที่หายตัวไปกว่าสิบปี
เซียวชวี่เฟิงผงกศีรษะ “จำได้ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เล่า”
“ข้าคิดว่าเมิ่งเหยาอาจจะเป็นลูกของนาง” เซียวฉีเทียนมองผู้เป็นฮ่องเต้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง
“เจ้ารู้ได้อย่างไร” เซียวชวี่เฟิงหรี่ตามองน้องชายของตน สัญชาตญาณบอกว่าน้องของเขารู้บางสิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน
“ข้าเองก็รู้เรื่องนี้มาไม่นานนัก แต่ตอนที่ท่านป้าหายตัวไป จริงๆ แล้วคือนางกำลังตั้งครรภ์อยู่ ยิ่งกว่านั้น ท่านจำได้หรือไม่ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง” แม้ว่าช่วงนั้น พวกเขาจะยังเด็ก แต่ทั้งสองไม่อาจลืมเหตุการณ์ครั้งนั้นได้
เซียวชวี่เฟิงหลับตาลงเพื่อระลึกถึงเรื่องราวในปีนั้น “เสด็จพ่อต้องการให้ท่านป้าแต่งงานกับลูกชายของมหาบัณฑิต แต่นางปฏิเสธ ในตอนนั้น จู่ๆ ผู้สำเร็จราชการแห่งเมืองหลิงก็มาสู่ขอ แต่แทนที่ท่านป้าจะปฏิเสธ นางกลับดูมีความสุขอย่างมาก…” เซียวชวี่เฟิงเอ่ยขณะระลึกความหลัง จากนั้นก็เบิกตากว้าง “เจ้าหมายความว่าเมิ่งเหยาอาจจะเป็นลูกของท่านป้ากับผู้สำเร็จราชการแห่งเมืองหลิง นามว่าหนานกงเยี่ยนเช่นนั้นหรือ”
ในขณะนั้น ท่านป้าของพวกเขาตั้งครรภ์และไม่ยอมบอกว่าใครคือพ่อของเด็ก ทำให้เสด็จพ่อคิดจะจับนางคลุมถุงชนกับคนอื่น
แต่ทำไมท่านป้าจึงหายตัวไป และเหตุใดเมิ่งเหยาจึงเร่ร่อนอยู่ภายนอกเพียงลำพังเล่า
เซียวชวี่เฟิงคิดได้ว่าเฉียวเทียนช่างรู้ข่าวว่าหนานกงเยี่ยนกำลังจะมา แล้วท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป “เทียนช่างต้องรู้เรื่องบางอย่างแน่นอน”
“วันพรุ่งนี้ เราไปถามเขากัน” เซียวฉีเทียนผงกศีรษะและเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
เซียวชวี่เฟิงพยักหน้า “ตอนนี้กลับไปพักผ่อนได้แล้ว”
หลังจากเซียวฉีเทียนจากไป เขาจึงนั่งอยู่ในห้องทรงพระอักษรตามลำพัง
เซียวชวี่เฟิงราวกับตกอยู่ในภวังค์ เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าตัวตนที่แท้จริงของนายหญิงแห่งทงเป่าไจ อย่างหนิงเมิ่งเหยานั้น จะเป็นคนสูงศักดิ์เช่นนี้ นางเป็นถึงลูกสาวของผู้สำเร็จราชการแห่งเมืองหลิงและองค์หญิงใหญ่แห่งเมืองเซียว
ไม่ว่านางจะอยู่ที่ใด แต่ยศถาบรรดาศักด์เช่นนี้ก็น่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง
ขณะนั้น เซียวชวี่เฟิงรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่หนิงเมิ่งเหยาเป็นภรรยาของเฉียวเทียนช่าง และชายหนุ่มผู้นั้นก็เป็นน้องชายของพวกเขา
เช้าวันรุ่งขึ้น เซียวชวี่เฟิงและเซียวฉีเทียนมุ่งหน้าไปยังจวนแม่ทัพใหญ่
เมื่อพวกเขามาถึง ก็พบว่าคู่สามีภรรยากำลังทานอาหารเช้ากันอย่างหวานแหวว จนเซียวฉีเทียนรู้สึกขุ่นเคือง
“พวกเจ้าอย่าทำให้คนโสดอย่างเราๆ ต้องรู้สึกหงุดหงิดทุกวันได้หรือไม่เล่า”
“หากเจ้าอิจฉา ก็หาใครสักคนสิ” เฉียวเทียนช่างจ้องพวกเขากลับ
หลังจากที่ทั้งสองทานอาหารเสร็จแล้ว เซียวชวี่เฟิงจึงเอ่ยถามออกมาตรงๆ
“เทียนช่าง เมิ่งเหยาคือบุตรสาวของหนานกงเยี่ยนหรือ”