บทที่ 141 จัดการอย่างง่ายดาย

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

เมื่อได้ยินคำพูดของอวี้ฮ่าวหราน จางเซินก็เถียงอะไรไม่ออกเพราะหลักฐานทุกอย่างมันชัดเจนเป็นอย่างมาก

“ไอเด็กเวร แกบังอาจมากที่มาสร้างความวุ่นวายให้กับบริษัทฉัน! ทุกคนจับตัวมันเอาไว้! ใครจับมันได้ฉันจะให้โบนัส 3 เดือน!”

จางเซินตะโกนสั่งพวกพนักงานที่อยู่ในแผนกการผลิตทันที ตอนนี้แผนการเดียวที่เขานึกออกคือต้องจับกุมตัวอวี้ฮ่าวหรานเอาไว้ก่อน จากนั้นเขาจะเอาหลักฐานทั้งหมดที่อยู่ในตัวอวี้ฮ่าวหราน รวมไปถึงที่อยู่ในบริษัทจุดอื่นๆ ไปซ่อนแล้วค่อยจัดการกับอวี้ฮ่าวหรานทีหลัง!

พนักงานในฝ่ายการผลิตมีกันตั้งเกือบ 70 คน อวี้ฮ่าวหรานไม่ควรจะขัดขืนอะไรได้อยู่แล้วจริงไหม?

เมื่อได้ยินคำสั่งเจ้านายตัวเอง พนักงานหลายสิบคนก็รีบวิ่งกรูเข้ามาหาอวี้ฮ่าวหรานอย่างรวดเร็ว

“ไอ้หนุ่ม! แกอย่าขัดขืน ไม่งั้นแกจะเจ็บตัวมากกว่าเดิม!”

“เฮ้ยหลีกไป! เงินต้องเป็นของฉัน!”

พนักงานทั้งหลายต่างพุ่งเข้าหาอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าบ้าคลั่ง โบนัส 3 เดือนแลกกับการจับตัวชายหนุ่มผอมๆ คนเดียว ทำไมพวกเขาจะไม่ทำ?

“หึ พวกมดแมลงอย่างพวกแกคิดว่าจะทำอะไรฉันได้? รนหาเรื่องเจ็บตัวแล้ว!”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดูถูกก่อนที่เขาจะพุ่งตัวเข้าไปกลางวงพนักงานของบริษัทซานมู

จากนั้นความวุ่นวายครั้งมโหฬารก็บังเกิดขึ้นกลางฝูงชนของพนักงานมากกว่า 70 คน

ผัวะ!

ผลั่ก!

กร๊อบ!

“อ๊าก!!”

ด้วยความเร็วและความแข็งแกร่งอันเหนือมนุษย์ มันไม่ต่างอะไรกับราชสีห์กระโจนเข้าไปในฝูงลูกแกะ แค่เวลาเพียง 10 วินาที อวี้ฮ่าวหรานประเคนทั้งหมัดทั้งเท้าใส่บรรดาพนักงานของบริษัทซานมูจนล้มลงไปนอนร้องครวญครางเกิน 30 คนเข้าไปแล้ว

พนักงานที่เหลือซึ่งยังคงไม่เจ็บตัวต่างรีบวิ่นหนีตายกันอย่างจ้าละหวั่นทันทีเมื่อเห็นภาพเช่นนี้

พวกเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาไม่ใช่นักเลงหรือนักรบ พวกเขาจะไม่สติแตกได้ยังไงเมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามแข็งแกร่งถึงขนาดล้มคนกว่า 30 คนได้ภายในพริบตา!

“อ้าาาา ช่วยด้วย ไม่เอาแล้ว!!”

“บ้าเอ๊ย นี่มันไม่ใช่มนุษย์แล้ว!”

“…”

“นี่…นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน!?” หน้าอันเหี่ยวย่นของเจิ้งเหวยกัวเปลี่ยนเป็นซีดเผือดเมื่อเห็นสภาพที่น่าอนาถของคน 30 กว่าคนที่นอนร้องโอดโอยจากฝีมือของอวี้ฮ่าวหราน

แม้แต่แชมป์มวยโลกก็ไม่น่าจะเก่งถึงขนาดล้มคน 30 คนได้ในพริบตาแบบนี้ใช่ไหม?

นี่เขาหน้ามืดตามัวไปล่วงเกินสัตว์ประหลาดแบบนี้ได้ยังไง?

“เจิ้งเหวยกัว ไหนคุณบอกว่าไอ้เด็กนี่มันไม่มีน้ำยาไม่ใช่เหรอ!?”

จางเซินตวาดถามเสียงดังด้วยสีหน้าซีดเผือดเช่นกัน เด็กหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งเกินไป ไม่ใช่คนที่เขาจะต่อกรด้วยได้!

จัดการคน 30 คนได้ในเวลา 10 วินาที?

ไม่มีน้ำยา?

ไอ้เด็กนี่มันเป็นยอดมนุษย์ต่างหาก!

“ไม่เอาน่าอย่าเพิ่งโวยวาย เรื่องสนุกมันเพิ่งจะเริ่มเท่านั้นเอง”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นพร้อมกับค่อยๆ เดินเข้าไปหาจางเซินและเจิ้งเหวยกัวด้วยร้อยยิ้มชั่วร้าย

“ด…ด…เดี๋ยวก่อน! ก..แกต้องการเท่าไหร่? ฉันยอมจ่ายให้หมดเลย ป…โปรดอย่าทำอะไรฉัน อย่าเข้ามา!!”

ตั้งแต่เด็กจนแก่ จางเซินถูกเลี้ยงดูมาในแบบชนชั้นสูงซึ่งไม่เคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์เป็นตายมาก่อน ดังนั้นแค่เพียงเห็นภาพที่น่ากลัวที่เกิดขึ้นตอนนี้ จิตใจของเขาจึงพังทลายจนไม่เหลือชิ้นดี

“เงินงั้นเหรอ?” อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบาๆ ด้วยความขบขันเมื่อได้ยินคำนี้ “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพราะอยากได้เงินของแก ฉันมาที่นี่เพื่อถอนรากถอนโคนพวกแกต่างหาก!”

“ไม่ๆๆๆ อย่าทำฉัน ฉันจะให้เงินแกจริงๆ มากเท่าไหร่ก็ได้เท่าที่แกต้องการ ขอเพียงปล่อยฉันไปก็พอ ล…และฉันจะไม่ยุ่งกับบริษัทของแกอีกต่อไป แกเอาข้อมูลบริษัทของแกไปได้เลย ชาตินี้ฉันจะไม่แตะมันอีกแล้ว!”

เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานยังคงก้าวเข้ามาหาไม่หยุด จางเซินก็ยิ่งหวาดกลัวจนแทบหยุดหายใจ เขาพูดขึ้นอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักอย่างช่วยไม่ได้

“โอ้? แต่ว่าแกผลิตสินค้าแบบเดียวกับของฉันไปแล้วตั้งเยอะเลยนะ?”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นพร้อมกับเหล่มองไปที่กองสินค้าที่เพิ่งผลิตเสร็จได้ไม่นาน

“ม…ม..ไม่ๆๆ อีกแล้วนับจากนี้ฉันจะให้เลิกผลิตทันที ส…ส่วนของที่ผลิตเสร็จหมดแล้วหลังจากนี้ฉันจะส่งให้กับเครือฮ่าวหรานทั้งหมดโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเลยสักแดงเดียว!” จางเซินเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหวาดหลัว และจากนั้นเขาดึงตัวเจิ้งเหวยกัวมาบังตัวเขาเองและพูดต่อ “ถ..ถ้านายต้องการ นายเอาไอ้เวรนี่ไปเลยก็ได้ ฉันไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับมันอีกแล้ว!”

หลังจากพูดจบ จางเวินผลักตัวเจิ้งเหวยกัวไปทางอวี้ฮ่าวหรานและใช้โอกาสนี้หันหลังและวิ่งหนีไปทันที

ฉากนี้มันเหมือนกับในละครน้ำเน่าไม่มีผิด เมื่อครู่พวกเขาทั้งสองยังเรียกกันเป็นพี่น้องอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับทรยศกันได้อย่างไร้เยื่อใย!

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเยาะเย้ยทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทรยศกันเอง เขาคว้าคอเจิ้งเหวยดัวที่ถูกผลักมาหาและเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “ฉันอุตส่าห์เสนอโอกาสให้แกอยู่บริษัทของฉันต่อเพื่อกินปันผลดีๆ แต่แกกลับลอบกัดฉันงั้นเหรอ?”

“ในเมื่อแกไม่ชอบชีวิตที่สุขสบาย งั้นนับจากนี้ก็เชิญไปอยู่ในตารางจนกว่าจะแก่ตายก็แล้วกัน!”

ผลั่ก!!

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานชกท้องเจิ้งเหวยกัวเบาๆ เอาแค่ให้นอนจุกไปสักชั่วโมง

เจิ้งเหวยกัวลงไปนอนดิ้นอยู่ที่พื้นด้วยสีหน้าทรมานสุดขีด ในตอนนี้เขารู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมาก แผนทุกอย่างที่วางไว้พังทลายลงแบบไม่เหลือชิ้นดี ชายหนุ่มที่เขาเคยดูถูกแท้จริงแล้วกลับเป็นคนที่แข็งแกร่งจนเขาไม่อาจเทียบได้ ถ้าเขารู้ว่าเรื่องมันจะลงเอยแบบนี้เขาคงไม่มีทางยั่วยุอวี้ฮ่าวหรานแน่นอน!

อย่างไรก็ตามโลกนี้ไม่มียาใดที่สามารถรักษาอดีตได้…

หลังจากจัดการกับเจิ้งเหวยกัวเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานจึงหันกลับไปตะโกนไล่หลังจางเซินที่ใกล้จะวิ่งถึงประตูทางออกแผนกการผลิต

“เฮ้ ประธานจาง แกจะรีบไปไหนงั้นเหรอ?”

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานพุ่งตัวตามไปดักหน้าทันจางเซินภายในพริบตา

จางเซินหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามจู่ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นตรงหน้าเขาอย่างฉับพลัน!

“ด…เดี๋ยวก่อน ประธานอวี้! ผ…ผมแค่อยากออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนก็แค่นั้น…”

จางเซินตอบกลับด้วยสีหน้าที่ฝืนแสร้งยิ้มซึ่งมันคล้ายว่าเขาจะร้องไห้มากกว่า

แต่แล้วในเวลาเดียวกัน เสียงอื้ออึงก็ดังมาจากด้านนอก

“ทุกคนหมอบลงและเอามือวางไว้บนหัวเดี๋ยวนี้ อย่าขยับ!”

ถัดมาตำรวจหลายสิบนายก็กรูกันเข้ามาด้านในแผนกการผลิต และคนที่วิ่งตามหลังเข้ามาด้วยก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือผู้จัดการหวังที่อวี้ฮ่าวหรานใช้ให้ไปเรียกตำรวจมาที่นี่

“ท่านประธาน! ท่านเป็นอะไรรึเปล่า?”