บทที่ 142 หมดตัวและน่ารำคาญ

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

“อืม ผมไม่เป็นไร!”

อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเมื่อเห็นว่าพวกตำรวจมาถึงในเวลาเหมาะพอดี เพราะเขาจะได้ไม่ต้องเสียแรงกับบริษัทซานมูอีกต่อไป

“ท่านประธานอวี้ ผมได้ทำตามที่ท่านประธานสั่งเอาไว้ทุกอย่างแล้ว” ผู้จัดการหวังเอ่ยขึ้นก่อนที่จะโบกมือให้ชายในชุดสูท 2 คนนำตำรวจไปเก็บหลักฐานทั้งหมด “ทนายเจา ทนายซุน! พวกคุณรีบพาบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเก็บหลักฐานทั้งหมดเร็วเข้า!”

ด้วยนิสัยที่รอบคอบของผู้จัดการหวัง การเอาผิดบริษัทซานมูจึงเป็นไปอย่างราบรื่น

แน่นอนว่าทางด้านของจางเซิน ขณะนี้เขาก็ได้แต่แสดงสีหน้าสิ้นหวังทันทีเมื่อเห็นว่าตำรวจมากมายกำลังเก็บหลักฐานทุกอย่างในบริษัทของเขา

ต่อจากนี้บริษัทของเขาคงได้จบสิ้นแน่ๆ เพราะโทษทางกฎหมายของการกระทำครั้งนี้ของเขามันหนักหนาเอาเรื่อง

เขาไม่นึกเลยว่าอวี้ฮ่าวหรานจะเตรียมพร้อมมาขนาดนี้ เขาดูถูกเด็กหนุ่มคนนี้มากเกินไป!

ในเวลาเดียวกัน เจิ้งเหวยกัวก็แข้งขาอ่อนลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น

เขาคือตัวการในเรื่องการขโมยข้อมูลของเครือฮ่าวหรานดังนั้นโทษที่เขาจะได้รับมันย่อมหนักกว่าของจางเซิน!

ต้องรู้ว่ามูลค่าของข้อมูลที่เขาขโมยนั้นมันไม่ต่ำกว่าหลายร้อยล้าน

“พวกคุณ 2 คนไปกับเราที่สถานีตำรวจ!”

เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้าไปหาเจิ้งเหวยกัวและจางเซินพร้อมกับกุญแจมือ ในเมื่อมีหลักฐานชัดเจนเช่นนี้แล้วพวกเขาจึงตกเป็นผู้ต้องหาทันที

“ประธานจาง! ช่วยผมด้วย! ผมไม่อยากติดคุก!”

เจิ้งเหวยกัวรีบอ้อนวอนจางเซินอย่างรวดเร็ว ตัวของเขาสั่นด้วยความกลัวอย่างรุนแรง

“ไปให้พ้น แกมันไอ้ตัวซวย!”

ไม่สนใจกับอาการสั่นกลัวของเจิ้งเหวยกัว เขาผลักอีกฝ่ายออกไปด้วยสีหน้าเดือดดาลทันที

แม่งเอ๊ย! ถ้าไม่ใช่เพราะแกฉันคงไม่ถูกใส่กุญแจมือแบบนี้!

แกกล้าดียังไงถึงมาขอให้ฉันช่วยแกอีก?

“ประธานจาง ประธานจาง คุณจะเอาตัวรอดคนเดียวไม่ได้นะ! ผมให้ข้อมูลทั้งหมดกับคุณตามที่เราตกลงกันไปหมดแล้วนี่นา!” ตอนนี้เจิ้งเหวยกัวทำตัวไม่ต่างกับคนที่กำลังจมน้ำ เขาพยายามคว้าอะไรก็ตามที่สามารถคว้าได้อย่างสิ้นหวัง

“แกเป็นคนต้นคิดต่างหาก ออกไปให้พ้นหน้าฉัน!”

จางเซินตวาดกลับอย่างไร้เยื่อใย แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่พวกเขายังเรียกกันเป็นพี่น้องอยู่เลย

มีได้ก็ต้องมีเสีย อวี้ฮ่าวหรานเข้าใจคนเช่นเจิ้งเหวยกัวและจางเซินเป็นอย่างดี ความสัมพันธ์ของคนพวกนี้มันเปราะบางมากอยู่แล้ว ทันทีที่มีภัยมาถึงตัวคนพวกนี้สามารถตัดสัมพันธ์กันเองได้อย่างฉับพลันเพื่อเอาตัวรอด

เขารู้สึกขบขันกับภาพเหตุการณ์เช่นนี้

ต่อจากนี้ เจิ้งเหวยกัวคงไม่สามารถออกมาสร้างความปั่นป่วนให้เขาได้อีกแล้ว นับจากนี้เขาคงต้องอยู่ในคุกจนแก่ตาย

ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินเข้ามาหาอวี้ฮ่าวหราน

“คุณครับ ตอนนี้คุณสามารถกลับไปได้แล้ว แต่ถ้าหากมีข้อมูลอะไรที่เราต้องการเพิ่มเติม เราอาจโทรหาคุณอีกครั้งหนึ่ง”

เนื่องจากหลักฐานทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นทางตำรวจจึงสุภาพกับอวี้ฮ่าวหรานเป็นอย่างมาก …ทางฝั่งของอวี้ฮ่าวหรานนั้นบริสุทธิ์เต็มๆ

“อ้อจริงสิ ก่อนที่ผมจะกลับไปผมขอมอบหลักฐานฮาร์ดดิสก์ที่บริษัทซานมูลขโมยไปจากผมให้กับคุณก่อนเผื่อมันจะช่วยให้คดีง่ายขึ้น”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าก่อนที่จะยื่นฮาร์ดดิสก์ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

“ขอบคุณมากคุณอวี้ ด้วยสิ่งนี้ทางเรายิ่งทำงานง่ายมากขึ้นในการตรวจสอบว่ามูลค่าความเสียหายของทางคุณมันประมาณเท่าไหร่”

หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองคนต่างก็ร่ำลากันตามมารยาทและอวี้ฮ่าวหรานก็เดินออกจากตึกของบริษัทซานมู

ที่ด้านนอก

บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทซานมูต่างถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนับสิบนายใส่กุญแจมือและพาเดินไปขึ้นรถตำรวจ

สีหน้าพวกเขาต่างเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

ทำไมพวกฉันถึงโง่มาสมัครงานที่บริษัทบ้าๆ นี่ด้วย!

อย่างไรก็ตาม อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้สนใจมดแมลงพวกนี้แม้แต่น้อย คนพวกนี้สมควรแล้วที่จะได้รับผลกรรม

หลังจากกลับไปถึงบริษัทช่วงประมาณ 10 โมงกว่าๆ จู่ๆ โทรศัพท์ของอวี้ฮ่าวหรานก็ดังขึ้น

“น้องอวี้ วันนี้ฉันมีเรื่องอยากจะรบกวนนายสักหน่อย!”

คนที่โทรมาคือหลินป๋อ

“ว่ามาเลย หากผมช่วยคุณได้ผมจะช่วยแน่นอน”

อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้ว หลินป๋อช่วยแนะนำลูกค้าให้เขามามากทีเดียว ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องตอบรับอย่างช่วยไม่ได้

“ฮ่าฮ่า น้องอวี้ ไม่จำเป็นต้องจริงจังขนาดนั้น เรื่องของฉันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” หลินป๋ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับน้ำเสียงจริงจังของอวี้ฮ่าวหราน “บังเอิญว่ามีใครบางคนอยากจะขาบวัตถุโบราณให้ฉัน ซึ่งน้องอวี้ก็น่าจะรู้ว่าฉันสนใจของพวกนี้อยู่แล้ว แต่ว่าด้วยความรู้อันน้อยนิดที่ฉันมีฉันจึงไม่แน่ใจว่ามันเป็นของจริงหรือของปลอม”

“ไม่มีปัญหา คุณส่งที่อยู่มาให้ผมเดี๋ยวผมจะไปเดี๋ยวนี้”

อวี้ฮ่าวหรานรับปากทันที เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากอะไรแถมตอนนี้เขาก็จัดการปัญหาบริษัทของเขาเองเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงยังว่างอยู่

“ฮ่าฮ่า เยี่ยมไปเลย น้องอวี้ช่างมีน้ำใจจริงๆ ได้ยินนายรับปากแบบนี้ฉันค่อยโล่งใจหน่อยว่ารอบนี้จะไม่ถูกหลอกแน่นอน อ้อ ส่วนสถานที่ก็ที่เดิมโรงแรมแคมปินสกี้ที่เรากินข้าวกันครั้งล่าสุด หากน้องอวี้ว่างอยู่ตอนนี้ก็มาที่นี่ได้เลย!”

หลังจากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็วางสายกันไป

“วัตถุโบราณ”

อวี้ฮ่าวหรานพึมพำคำนี้พร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมา เขาสนใจวัตถุโบราณอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะไปหาหลินป๋อ

ถัดมาหลังจากขับรถอยู่ครึ่งชั่วโมง อวี้ฮ่าวหรานก็มาถึงหน้าโรงแรมแคมปินสกี้อันหรูหรา

“เชิญที่ด้านในห้องนี้ได้เลยครับ”

หลังจากแจ้งชื่อและจุดประสงค์ พนักงานต้อนรับของโรงแรมก็รีบพาอวี้ฮ่าวหรานไปที่หน้าห้องส่วนตัวอันหรูหราและเปิดประตูให้อย่างสุภาพ

เมื่อเข้าไปด้านใน อวี้ฮ่าวหรานก็ได้เห็นว่าภายในห้องส่วนตัวนี้ถูกตกแต่งอย่างหรูหรามากกว่าด้านนอกเป็นสิบเท่า

ในขณะเดียวกันเขาก็ได้เห็นว่าหลินป๋อกำลังคุยอยู่กับผู้คนอีกหลายคนอย่างสนิทสนม ซึ่งคนเหล่านี้น่าจะเป็นเพื่อนของเขาทั้งหมด

ทว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้สนใจใครคนอื่น เขาเดินตรงเข้าไปหาหลินป๋อทันที

“เอ๊? นี่นาย…นี่นายใช่อวี้ฮ่าวหรานรึเปล่า? นายจำฉันได้ไหม เราเจอกันที่ตลาดขายของเก่าเมื่อไม่นานมานี้?”

จู่ๆ เสียงของหญิงสาวที่นุ่มนวลก็ดังขึ้นไม่ไกลจากอวี้ฮ่าวหราน

“หืม? คุณ…อ้อ คุณนั่นเอง”

อวี้ฮ่าวหรานหันไปมองที่หญิงสาวที่เพิ่งเอ่ยทักเขา เขานึกอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็จำได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือซูหว่านเอ๋อ คนที่เขาช่วยเถียงกับพ่อค้าขายของเก่าเมื่อหลายวันที่ผ่านมา