หลี่สือสูบบุหรี่เงียบๆ จนหมดมวนอยู่หน้าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู

พอได้ยินที่ลูกน้องรายงาน หลี่สือก็เริ่มตั้งคำถามกับการตัดสินใจของตัวเอง

ถึงบริษัทลงทุนฟู่หุยจะไม่ใช่บริษัทลงทุนชั้นแนวหน้าของประเทศ แต่ในเมืองแบบจิงโจว อย่างน้อยทุกคนก็น่าจะต้องคุ้นชื่อสิ

นี่เขาอุตส่าห์ติดต่อไปหาก่อน แต่บอสเผยกลับไม่สนใจไยดี แถมยังปฏิเสธอย่างรวดเร็วอีก

ไม่เห็นจะสมเหตุสมผลเลย

เพราะยังไงในแวดวงนี้ การลงทุนแบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติ

ถ้ามีนายทุนติดต่อเข้ามา บริษัทที่เป็นเป้าหมายส่วนใหญ่มักจะลองเจรจาดูก่อนว่าข้อตกลงเป็นยังไง

ถ้าไม่พอใจก็ปฏิเสธไป อย่างมากทั้งสองฝ่ายก็แค่แยกทางกันไป อาจจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันใหม่ในอนาคต ไม่มีฝั่งไหนเสียประโยชน์จากการเจรจาดูก่อน

การตอบปฏิเสธทันควันแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่แปลกมาก

หลี่สือเป็นนักลงทุนมากประสบการณ์ เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้ถอดใจหรอก เขาปัดกลิ่นบุหรี่ออกจากตัว ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู

หลี่สือเห็นว่าเผยเชียนเลือกขีดเขียนลงสมุดแล้ว แต่ยังดูเคร่งเครียดเหมือนว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเชื่อใจลูกน้องของตัวเอง หลี่สืออาจจะนึกสงสัยว่าบอสเผยได้รับการติดต่อยื่นข้อเสนอจริงๆ หรือเปล่า

“แปลกมาก เขาไม่สนใจข้อเสนอของฉันเลย

“หรือว่าฉันจะตัดสินใจพลาดไป

“ถึงบอสเผยจะกำลังตกที่นั่งลำบากจากการที่ร้านขาดทุนอย่างต่อเนื่อง เขาก็ยังหัวรั้นคิดว่าจะพลิกกลับมาทำกำไรได้อย่างนั้นเหรอ

“ทั้งๆ ที่ฉันให้เงินทุนก้อนโตพร้อมโอกาสในการร่วมทำงานร่วมกันได้แท้ๆ หรือบอสเผยจะคิดว่าการมีอำนาจควบคุมทุกอย่างเองทั้งหมดเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า

“ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ดูเป็นคนที่ชอบควบคุมจัดการทุกอย่างเองทั้งหมด ไม่ชอบให้ใครเข้ามาก้าวก่าย

“เด็กหนอเด็ก หวังจะทำกำไรด้วยตัวเอง ผู้ประกอบการไม่ควรจะมีทัศนคติแบบนี้”

ไม่ว่าจะพิจารณาดูจากด้านไหน หลี่สือก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมบอสเผยถึงปฏิเสธข้อเสนอของเขาอย่างไม่ไยดีแบบนี้

ประเด็นคือบอสเผยปฏิเสธทันควัน ไม่ยอมฟังรายละเอียดอะไรเลย

หลี่สือคิดได้แค่ว่าบอสเผยเป็นคนหุนหันพลันแล่นและหัวรั้นมาก เขาชอบควบคุมทุกอย่างเองทั้งหมด ไม่ยอมให้ใครมาก้าวก่าย

แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มองได้ว่าบอสเผยยังคงเชื่อมั่นว่าร้านของเขากำลังเดินไปในทางที่ถูกต้อง คิดว่าในอนาคตต้องทำเงินได้แน่ จึงไม่อยากแบ่งกำไรกับคนอื่น

หลี่สือสามารถเดินไปคุยกับเผยเชียนตรงๆ ได้ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ทำ

เขาเป็นถึงเจ้าของบริษัทลงทุน จะให้ทำแบบนั้นได้ยังไง

ถ้าเดินเข้าไปยื่นนามบัตรขอเจรจา แล้วบอสเผยปฏิเสธกลับมาอีกก็น่าขายหน้าแย่

อีกอย่าง ถ้าดูจากสิ่งที่เกิดขึ้น ก็มีโอกาสสูงที่อีกฝ่ายจะตอบปฏิเสธกลับมาอีก

“เฮ้อ เจ้าเด็กนี่ ไม่มีใครปฏิเสธข้อเสนอลงทุนจากฉันได้ แกเองก็เหมือนกัน

“ถึงจะยื่นข้อเสนอเหมือนกัน ก็มีบางบริษัทปฏิเสธ บางบริษัทตอบตกลงอย่างดีใจ ส่วนบางบริษัทก็ต้องช่วยเข็นเพิ่มสักหน่อย…”

หลี่สือเฝ้าดูเผยเชียนอยู่เงียบๆ รอยยิ้มแห่งความมั่นใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า

วันที่ 24 มิถุนายน

ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหลัก

แท็กซี่จอดส่งตรงประตูร้าน หม่าหยางลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในร้าน

“บอสหม่า สอบเสร็จแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง” จางหยวนเห็นหม่าหยางก็ถามไถ่อย่างอบอุ่น

หม่าหยางเดินไปนั่งเหยียดแขนเหยียดขา ใบหน้าใหญ่ยาวดูมโหฬารกว่าเดิมตอนที่เขาหาว “ไม่ใช่วิชาสำคัญอะไร น่าจะผ่านแหละครับ

“นี่ผมเอางานให้พี่เชียนลอกด้วย อย่างน้อยก็ได้สิบคะแนน ผมว่าเดือนสองเดือนนี้ พี่เขาไม่น่าจะสนใจเรื่องยอดขาดทุนของร้านอินเทอร์เน็ตกับโมหยูเดลิเวอรี่หรอก”

จางหยวนรู้สึกประทับใจ

นี่แหละที่เรียกว่า ‘อะไรๆ ก็ง่ายถ้าเป็นคนใกล้ชิด’

ก่อนหน้านี้ จางหยวนไม่เข้าใจว่าทำไมคนอย่างหม่าหยางถึงได้รับตำแหน่งสำคัญอย่างตำแหน่งผู้จัดการกลางของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว

ทั้งยังคิดว่าเป็นเรื่องปกติและเหมาะสมดี

คนอื่นอาจจะมองว่าหม่าหยางได้ตำแหน่งสำคัญมาเพราะมีเส้นสาย แต่สำหรับจางหยวนแล้ว เขารู้สึกสบายใจที่ได้ทำงานกับบอสแบบหม่าหยาง

อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องห่วงว่าจะโดนบอสเผยดุด่าหรือตั้งคำถามอะไร!

พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งเดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่มเย็น หม่าหยางยกดื่มพร้อมถอนหายใจ “ว่าแล้วก็ตั้งใจทำงานกันเถอะ

“เราหวังกันไว้ว่าธุรกิจเดลิเวอรี่จะช่วยพลิกให้เราทำกำไรได้ แต่มันกลับขาดทุนไปด้วยซะงั้น…”

จางหยวนได้ยินที่หม่าหยางพูดแล้วก็รู้สึกเป็นกังวล “ใช่ สองวันก่อนบอสเผยหยิบสมุดขึ้นมาเขียน ดูเครียดมาก ไม่รู้ว่าเขียนอะไรอยู่”

หม่าหยางยังทำใจไม่ได้ตั้งแต่เฉินเหล่ยโดนส่งตัวไปที่อื่น

เผยเชียนอยากหาอะไรให้หม่าหยางทำแก้ขัด จึงมอบหมายให้เขารับผิดชอบงานสำคัญอย่างโมหยูเดลิเวอรี่

ตอนแรกหม่าหยางไฟแรงมาก เขาจ้างพนักงานส่งอาหาร ซื้อจานชาม หาคนมาทำแอปพลิเคชันให้ สุดท้ายก็มาพบว่าไม่ค่อยมีคนใช้บริการเลย

เขาจ้างพนักงานมานั่งเล่นอีกหนึ่งชุด เพิ่มรายจ่ายเข้าไปอีกหนึ่งก้อน

จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าโมหยูเดลิเวอรี่จะไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเลย ลูกค้าบางกลุ่มชอบบริการนี้มาก แต่การจะหาเงินมากลบทุนตั้งต้นได้ก็เป็นเรื่องที่ยากไม่น้อย

ปัญหามีอยู่หลายอย่าง

บอสเผยไม่ชอบวิธีการโฆษณาอย่างการแจกใบปลิว ทำให้มีคนรู้จักโมหยูเดลิเวอรี่แค่หยิบมือ

แอปโมหยูเดลิเวอรี่ให้สั่งอาหารจากร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูเท่านั้น ไม่ได้ร่วมมือกับร้านอาหารอื่นๆ จึงไม่สามารถดึงดูดลูกค้าทั่วไปได้

เมนูทั้งหมดเป็นอาหารบ้านๆ หากินได้ทั่วไป แต่ดันราคาแพงกว่าปกติ

สรุปคือพอขาดการโฆษณาและตัวธุรกิจไม่ตอบโจทย์ลูกค้าทั่วไป โมหยูเดลิเวอรี่จึงไม่ได้ให้บริการเต็มประสิทธิภาพ พนักงานหลายคนก็ไม่มีอะไรให้ทำ

ปกติแล้วพนักงานส่งของหนึ่งคนสามารถส่งอาหารได้หลายที่ในคราวเดียว ส่วนพนักงานเก็บจานก็สามารถไปตามเก็บจานจากหลายๆ ที่ได้เหมือนกัน แต่พอไม่ค่อยมีลูกค้า พนักงานส่งของกับพนักงานเก็บจานก็ทำได้แค่ส่งของและเก็บจานแค่บ้านเดียวในแต่ละรอบ

ถึงจานชามที่ใช้จะเป็นของดี แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีของชำรุดหรือหาย เผยเชียนสั่งไว้ว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ไม่ต้องไปไล่เอาผิดกับลูกค้า ยกเว้นจะเกิดกรณีซ้ำเดิมบ่อยๆ

พวกเขายังไม่เจอลูกค้าแบบที่ว่า แต่หม่าหยางก็อดปวดใจไม่ได้ที่เห็นจานชามพังเสียหายกลับมาเป็นครั้งคราว

ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่มีทางทำเงินได้แน่

ทั้งสองนั่งเศร้าใจกันเงียบๆ

หม่าหยางดื่มเครื่องดื่มจนหมดแล้วหันมองไปรอบร้าน ก่อนจะขมวดคิ้ว “แปลกจัง ทำไมผมรู้สึกว่าวันนี้มีลูกค้าน้อยกว่าทุกวัน”

จางหยวนผงะไป “หืม จริงเหรอ”

เขาไม่ทันสังเกต เพราะช่วงกลางวัน ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูก็ไม่ค่อยมีลูกค้าเข้าอยู่แล้ว ปกติจะมีลูกค้าประมาณสิบคนมานั่งเล่นอินเทอร์เน็ต ส่วนที่มานั่งจิบกาแฟในโซนคาเฟ่ก็มีจำนวนเท่าๆ กัน

ตอนนี้เป็นช่วงเช้าของวันธรรมดาจึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่ค่อยมีลูกค้า

แต่พอหม่าหยางบอกมาอย่างนั้น จางหยวนก็ตระหนักว่าวันนี้มีลูกค้าน้อยกว่าทุกวันจริงๆ!

โซนร้านอินเทอร์เน็ตมีลูกค้านั่งอยู่แค่สองคน ส่วนโซนคาเฟ่มีอยู่คนเดียว

“อาจจะบังเอิญแหละมั้ง” จางหยวนพูด

ระหว่างที่ทั้งสองกำลังนั่งสงสัย พนักงานโมหยูเดลิเวอรี่คนหนึ่งก็เปิดประตูถือใบปลิววิ่งเข้ามา

“บอสหม่า บอสจาง แย่แล้วครับ!

“ดูใบปลิวพวกนี้สิครับ!”

หม่าหยางกับจางหยวนรับใบปลิวมาดูด้วยความงุนงง

สถานการณ์ของโมหยูเดลิเวอรี่ในตอนนี้ไม่ได้เลวร้ายมาก ยังพอมีลูกค้าใช้บริการอยู่บ้าง เหมือนว่าพนักงานส่งของคนนี้จะไปเจออะไรเข้าระหว่างทางไปส่งของ

เขาหยิบใบปลิวมาหลายใบ มีทั้งใบปลิวร้านอินเทอร์เน็ต คาเฟ่ และบาร์ บางอันมีหยิบมาซ้ำ พนักงานคนนี้น่าจะรีบมากเลยหยิบติดมือมาเกิน

หม่าหยางกับจางหยวนกระจายใบปลิวลงบนโต๊ะแล้วตรวจดูทีละใบ

ร้านอินเทอร์เน็ตมีโปรโมชันสะสมยอดกับลดราคาชั่วคราว!

คาเฟ่กับบาร์จัดโปรโมชันลดราคาเครื่องดื่ม ซื้อแก้วที่สองลดครึ่งราคา และอื่นๆ

หม่าหยางไม่เข้าใจ “แล้วเกี่ยวอะไรกับเราเนี่ย”

พนักงานส่งอาหารยังหายใจหอบอยู่หน่อยๆ “บอสหม่า ร้าน…ร้านพวกนี้อยู่ใกล้ๆ ร้านเราเลยครับ!”

จางหยวนขมวดคิ้วเมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ!

พออ่านดูให้ละเอียดอีกทีก็พบว่าร้านเหล่านี้ตั้งอยู่แถวๆ ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหลัก ไม่ได้ไกลกันมาก

หม่าหยางหน้ายู่เมื่อรู้ว่าปัญหาร้ายแรงแค่ไหน “ร้านพวกนี้…กำลังโจมตีเราเหรอ”

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้า “ไม่น่าใช่ เราไม่เคยไปสร้างศัตรูที่ไหน ไม่ได้ขายตัดราคาใคร ทำไมพวกเขาต้องทำแบบนี้กับเราด้วยล่ะ”

หม่าหยางงุนงง ถ้าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูกิจการรุ่งเรืองจนไปแย่งลูกค้าร้านอื่นก็คงจะพอเข้าใจได้

ประเด็นคือกิจการร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูย่ำแย่มาก ไม่เห็นจะต้องมาทำแบบนี้กับร้านเขาเลย

จางหยวนหน้าเคร่งเครียด “ก็พูดยากนะ

“ถึงร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูจะขาดทุน แต่ตราบใดที่ร้านยังเปิดทำการอยู่ ยังไงก็ต้องมีคู่แข่ง ไม่แน่พวกนั้นอาจจะตั้งใจโจมตีตอนที่เรากำลังตกที่นั่งลำบาก และจะไม่ยอมหยุดจนกว่าเราจะเจ๊ง

“อีกอย่างร้านอินเทอร์เน็ต บาร์ คาเฟ่พวกนี้จัดโปรโมชันพร้อมกันหมด เหมือนกำลังร่วมมือกันอยู่…น่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ๆ!”

สายตาของหม่าหยางดูเคียดแค้นเหมือนกำลังมองศัตรูอยู่ “เราควรทำยังไงดีพี่”

จางหยวนคิ้วขมวดเป็นปม เขาคิดอยู่ครู่ใหญ่

“ยากเหมือนกันนะ ดูท่าศัตรูจะเตรียมตัวมาดี!

“หลายร้านเริ่มตัดราคา ร้านอินเทอร์เน็ต บาร์ คาเฟ่จัดโปรโมชันลดราคา แถมยังแจกใบปลิวกันยกใหญ่

“ถ้าเดาไม่ผิด หัวมุมถนนใกล้ๆ ร้านเราคงโดนพวกนั้นคุมหมดเลย

“พอเป็นแบบนี้ พวกลูกค้าที่จะมาร้านเราก็จะเห็นใบปลิวกับโปรโมชันของร้านพวกนั้น

“แถวนี้ก็ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านอยู่แล้ว ถ้าลูกค้าบางส่วนโดนดึงตัวไป เราก็ซวยยิ่งกว่าเก่า”

หม่าหยางถึงบางอ้อ เขาพูดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว “มิน่าวันนี้ถึงไม่ค่อยมีลูกค้า!”

จางหยวนพูดต่อ “ไม่ใช่แค่นั้นนะ!

“พี่ว่าศัตรูทำการบ้านมาดี ใช้วิธีโจมตีจุดอ่อนเรา!

“ตามแผนของบอสเผย ร้านเราตั้งมาเป็นร้านระดับสูง ราคาก็สูงกว่าชาวบ้านเขาอยู่แล้ว

“พวกนั้นตัดราคาตัวเองให้เราต้องลดราคาลงมาสู้ เราเลยตกที่นั่งลำบาก

“ถ้าเราไม่ลดราคาก็จะเสียเปรียบ เอาเรื่องนี้ไปสู้ไม่ได้

“ตัวอย่างเช่น ราคาตั้งต้นของเราวางไว้สูงกว่าร้านอื่นสี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่บรรยากาศร้านกับการให้บริการของเราดีกว่า ลูกค้าบางส่วนก็พอใจที่จะเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยเพื่อให้ได้รับการบริการที่ดีกว่า

“แต่ถ้าศัตรูยอมทิ้งเงินกดราคาลงอีก ก็จะกลายเป็นว่าร้านเราแพงกว่าร้านอื่นหกสิบเปอร์เซ็นต์หรืออาจจะมากกว่านั้น ทีนี้คิดว่าลูกค้าจะยอมเสียเงินเยอะๆ เพื่อให้ได้รับการบริการกับบรรยากาศที่ดีกว่ารึเปล่าล่ะ”

หม่าหยางขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นเราควรลดราคาไปสู้ด้วยดีมั้ย”

จางหยวนส่ายหน้า “ไม่ได้ ร้านเราวางตัวเป็นร้านระดับสูง ถ้าลดราคาลงก็จะส่งผลเสียต่อชื่อเสียง อีกอย่างตอนนี้เราก็ขาดทุนอยู่แล้ว ถ้าจะให้ทุ่มเงินสู้อีกจะเอาอะไรไปชนะได้

“แล้วก็อย่าลืมสิว่าเราเคยคุยเรื่องขอลดราคากับบอสเผยไปแล้ว”

หม่าหยางพูดอะไรไม่ออก

ก่อนหน้านี้ ตอนที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูเริ่มขาดทุนใหม่ๆ จางหยวนเคยเสนอกลยุทธ์ลดราคาไปแล้ว แต่โดนบอสเผยปฏิเสธอย่างไม่ไยดี

ถึงจะไปถามอีกรอบ ผลลัพธ์ก็น่าจะเป็นเหมือนเดิม

แต่ถ้าลดราคาสู้ไม่ได้ ตอนนี้ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูโดนล้อมไว้หมด ขอแค่ร้านพวกนั้นคอยดักโฆษณาอยู่ตรงมุมถนนทางเข้าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู ลูกค้าส่วนใหญ่ก็น่าจะโดนดึงตัวไปหมด

ถึงจะมีพวกมีเงินบางส่วนที่ยังจงรักภักดีกับร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูอยู่ แต่ลูกค้ากลุ่มที่ไม่ได้สนใจเรื่องราคาก็มีไม่มาก ส่วนใหญ่มักจะคำนึงถึงราคาเป็นหลัก

จางหยวนหน้าเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ “รายงานให้บอสเผยรู้ดีกว่า เราตัดสินใจกันเองไม่ได้!”

เผยเชียนกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ในอพาร์ตเม้นต์

ตอนนั้นเอง มือถือก็ดัง

ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นจากฝันหวานอย่างไม่สบอารมณ์

แต่พอเห็นว่าคนที่โทรมาคือหม่าหยางที่ยอมให้เขาลอกการบ้าน เขาก็ยกโทษให้

“มีอะไร ไอ้หม่า”

หม่าหยางรีบอธิบายวิกฤตครั้งใหญ่ที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูกำลังประสบอยู่ให้เผยเชียนฟัง

“คร่าวๆ ก็ประมาณนี้แหละพี่เชียน

“ผมกับจางหยวนวิเคราะห์สถานการณ์ดูแล้วพบว่าไม่ง่ายเลย ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่!

“ทำไงดีพี่”

น้ำเสียงของหม่าหยางฟังดูเป็นกังวลหนัก

เผยเชียนหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

มีเรื่องดีๆ แบบนี้ด้วยเหรอ

ชายหนุ่มเกือบหลุดขำ ตอนนี้เขากำลังเครียดกับเรื่องวันปิดบัญชีที่จะถึงว่าจะทำให้บริษัทขาดทุนได้ไหม

สุดท้ายก็มีคนเอาหมอนมาถวายให้ถึงที่ตอนที่อยากนอน

ตอนนี้ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหลักขาดทุนเดือนละประมาณสามแสนหยวน โดยยอดนี้คำนวณจากการที่มียอดขายเครื่องดื่มกับลูกค้าที่มาใช้บริการอินเทอร์เน็ตระดับหนึ่ง

ถึงเฉินเหล่ยจะไม่ได้ทำงานที่ร้านแล้ว แต่ผลกระทบที่เขาสร้างไว้ยังคงอยู่ แฟนๆ ของเขาบางส่วนยังมาสังสรรค์ที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูอยู่บ้าง ทำให้ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูขาดทุนน้อยลงกว่าตอนแรกๆ

ตอนนี้ร้านรวงบริเวณนั้นพากันกดราคาแย่งลูกค้าไปจากร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู หมายความว่ารายได้ของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูก็จะน้อยลงไปอีกในช่วงก่อนจะถึงวันปิดบัญชี!

ถ้าร้านพวกนี้ยังกดราคาอยู่อย่างนี้ก็หมายความว่าในรอบปิดบัญชีหน้า รายได้ของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูจะร่วงกราว แบบนั้นก็…

เยี่ยมไปเลยนี่!

เหลืออีกหนึ่งสัปดาห์จะถึงวันปิดบัญชี ดูเหมือนว่าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต รายได้น่าจะหายไปเจ็ดหมื่นถึงแปดหมื่นหยวน

อย่าดูถูกจำนวนเงินแค่นี้ ถ้ารายได้หายไปเจ็ดหมื่นถึงแปดหมื่นหยวนก็อาจทำให้เปลี่ยนจากกำไรเป็นขาดทุนได้ง่ายๆ สร้างความแตกต่างได้อย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว!

เผยเชียนพยายามสงบใจ เขาจะปล่อยให้ตัวเองหลุดขำออกไปไม่ได้

หม่าหยางเห็นว่าเผยเชียนเงียบไปจึงคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเครียดมาก “ทำไงดีพี่เชียน”

เผยเชียนนวดริมฝีปากตัวเองให้เลิกยิ้มแล้วพยายามทำเสียงให้ฟังดูนิ่งที่สุด “ไม่ต้องห่วง ครั้งนี้ให้รอดูไปก่อน

“แกไม่ต้องทำอะไรเลย ฉันคิดแผนเอาไว้แล้ว!”