เมื่อกลิ่นอาหารชวนหลงใหลกระจายไปทั่วบริเวณ ทุกคนก็ล้วนมีสีหน้าเหมือนต้องมนต์สะกด

ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่ากลิ่นหอมของปลาจะพุ่งไปสู่จุดที่น่าหลงใหลได้ขนาดนี้ ทันทีที่ปู้ฟางใช้มีดผ่าใบสมุนไพรที่ห่อปลาออก กลิ่นปลาย่างก็พลันพุ่งเข้ายึดครองประสาทสัมผัสของพวกเขา ส่งให้ทุกคนในที่แห่งนี้ตกอยู่ในสภาวะเคลิบเคลิ้มควบคุมตนเองไม่ได้

อู๋อวิ๋นไป่กลืนน้ำลายดังเอื๊อก ดวงตาของนางจับจ้องไปยังก้อนสมุนไพรควันฉุย แม้ชิ้นปลาข้างในจะยังไม่เผยสู่สายตาเพราะไอน้ำหนา แต่แค่ได้กลิ่นนางก็รู้สึกอยากกินขึ้นมาทันที

ทั้งตัวและใจของพี่หญิงใหญ่มู่สั่นสะท้านด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น กลิ่นของอาหารจานนี้… ยอดเยี่ยมทะลุความเข้าใจในศาสตร์การทำอาหารของนางไปไกล นางใช้ปลาชนิดนี้ประกอบอาหารแทบทุกวัน แต่กลิ่นของอาหารที่นางทำออกมาก็ไม่เคยพุ่งขึ้นถึงระดับนี้แม้จะเอามันมาตุ๋นก็ตาม วิธีการนำปลาชนิดนี้มาทำอาหารของปู้ฟางดึงประสิทธิภาพของกลิ่นอาหารออกมาจนสุดขีดจำกัด

พอเด็กหญิงสูดกลิ่นปลาเข้าไป นางก็รู้สึกอยากกินขึ้นมาทันที เด็กหญิงเลื้อยร่างเล็กๆ ไปหาเตาทำอาหาร พยายามเขย่งมองของที่อยู่บนโต๊ะเพื่อแอบดูหน้าตาของปลาที่อยู่ภายในกองสมุนไพร

แต่ด้วยความที่นางเป็นเด็กตัวเล็ก นางจึงเห็นเพียงไอน้ำที่ฟุ้งกระจายออกมาเท่านั้น ไม่เห็นชิ้นปลาน่ากินที่ซ่อนอยู่ข้างในเลย

ช่างน่าหงุดหงิดอะไรเช่นนี้! หลังจากที่ดูอยู่สักพักแต่ก็ยังมองไม่เห็นอะไร เด็กหญิงตัวน้อยจึงล้มเลิกความพยายามแล้วหันมามองปู้ฟาง นางเอ่ยปากถามเขาด้วยเสียงเล็กน่ารัก “พี่ชายมนุษย์ ปลานี่… เรากินได้หรือยังเจ้าคะ”

นี่ไม่ใช่ความคิดของเด็กน้อยผู้นี้เพียงคนเดียว แต่เป็นความคิดของทุกคนที่นี่ด้วย

พวกเขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าจะเริ่มกินได้เมื่อใด กลิ่นหอมชวนน้ำลายสอเช่นนี้ทำให้ทุกคนอยากลองชิมให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

ปู้ฟางเหลือบตามองเด็กหญิงมนุษย์อสรพิษ นางไม่ได้ตั้งท่าจะร้องไห้จ้าแล้ว ดูเหมือนว่าอาหารอร่อยจะดึงความสนใจของนางได้อยู่หมัด

ชายหนุ่มยิ้มแล้วเอ่ยตอบ “ได้… เสียที่ไหนเล่า”

เอ่อ… ใบหน้าของทุกคนพลันแข็งทื่อ ไม่มีใครเข้าใจว่าเหตุใดชายหนุ่มจึงตอบเช่นนี้ เหตุใดพวกเขาจึงยังกินไม่ได้ กลิ่นของปลาหอมถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงยังไม่ได้ลงมือกินเสียที

เด็กหญิงตัวน้อยเบิกตากว้างพร้อมทำแก้มป่องด้วยความขุ่นเคือง…

พี่หญิงใหญ่มู่เองก็มองปู้ฟางด้วยความงุนงงเช่นกัน อาหารจานนี้เสร็จแล้วมิใช่หรือ… เหตุใดจึงยังกินไม่ได้ ขนาดเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ มาขอร้อง… เขาก็ยังไม่ยอมทำตามอีกรึ

ปู้ฟางไม่ได้สนใจสีหน้าของผู้คนรอบตัว แต่เริ่มจุดไฟที่เตาอีกตัวทันที เมื่อกระทะร้อนได้ที่ เขาก็ใส่น้ำมัน พร้อมเทผักหั่นเต๋าลงไปแล้วเริ่มผัด

ชายหนุ่มใส่เครื่องปรุงด้วยท่าทางชำนาญ ไม่นานนักเครื่องเคียงที่เป็นผัดผักก็เสร็จพร้อมกิน

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นเก้อเขินทันที ดูเหมือนว่าเมื่อครู่อาหารจานนี้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงยังไม่ให้เด็กหญิงกิน หากอาหารจานนั้นยังไม่สมบูรณ์ พ่อครัวแม่ครัวทั้งหลายก็ย่อมไม่ยอมให้ลูกค้ากินอยู่แล้ว พวกเขายอมให้ลูกค้ากินอาหารที่ยังไม่เสร็จไม่ได้เป็นอันขาด นี่เป็นหนึ่งในหัวใจของการเป็นพ่อครัวแม่ครัว

ปู้ฟางใช้ตะหลิวตักผัดผักที่หนืดเล็กน้อยขึ้นมา แล้วราดลงบนปลาที่อยู่บนกองสมุนไพร กลิ่นหอมของอาหารจานหลักและเครื่องเคียงผสมผสานกัน กลายเป็นกลิ่นที่หอมจนทำให้หลงใหลจนไม่ได้สติเอาง่ายๆ

ปู้ฟางฝานผลไม้แล้วจัดเรียงมันลงบนกองใบสมุนไพร เพียงเท่านี้ปลาย่างปราณมายาสีสันสวยงามก็เสร็จเรียบร้อย

ตอนที่ทำเครื่องเคียง ปู้ฟางผัดผักโดยใช้ความร้อนสูงในระยะเวลาสั้นๆ ด้วยเหตุนี้หน้าตาของพืชผักเหล่านั้นจึงยังคงมันวาวน่ากินเช่นเดิม

เนื้อปลาที่อยู่ใต้ซอสราดสั่นเล็กน้อย รอยบั้งบนชิ้นเนื้ออ้ากว้างจากการย่าง เผยให้เห็นเนื้ออ่อนนุ่มสีขาวที่ปกคลุมไปด้วยมันและซอสราดดูน่ากิน

ปู้ฟางควงมีดทำครัวในมือก่อนจะวางกลับลงบนเขียง เขาหันไปมองผู้คนรอบตัวด้วยสายตาสงบนิ่ง “อาหารเสร็จแล้ว ลองชิมดูได้”

เสร็จแล้วรึ ในที่สุดก็เสร็จเสียที! การรอให้ปลาย่างจนสุกนั้นถือเป็นเรื่องทรมานไม่น้อยสำหรับพวกเขา…

ทุกคนมองปลาย่างควันฉุยด้วยความรู้สึกมากมายที่ยากเกินจะอธิบาย

พี่หญิงใหญ่มู่เลื้อยเข้าไปหาปลาย่าง ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ อาหารจานนี้… ช่างสวยงามเหลือเกิน สีสันของผักผลไม้นั้นสว่างสดใสและหลากหลาย น้ำมันที่เคลือบอยู่บนพื้นผิวทำให้ผักผลไม้เหล่านี้ดูราวกับกำลังเปล่งประกายหลากสีอยู่ กลิ่นของปลานั้นยอดเยี่ยมเกินบรรยาย ไม่ต้องบอกก็รู้… ว่าอาหารจานนี้ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ! นั่งยันนอนยันได้ว่าอร่อยอย่างแน่นอน

“พี่ชาย เราเริ่มกินกันได้เลยใช่ไหม” เด็กหญิงถามด้วยความกระตือรือร้นอีกครั้ง

ปู้ฟางพยักหน้า คราวนี้เขาไม่ได้ปฏิเสธคำขอของนาง

เด็กหญิงตัวน้อยพลันลิงโลดด้วยความดีใจ นางจับมือมารดาแล้วพูดอย่างกระตือรือร้น “ท่านแม่ ป้อนปลาข้าทีเจ้าค่ะ!”

พี่หญิงใหญ่มู่หยิบตะเกียบขึ้นมาคู่หนึ่ง แล้วทำตามคำขอของบุตรสาวเพื่อไม่ให้เด็กหญิงงอแง นางไม่ได้คีบเครื่องเคียง หากแต่คีบปลาขึ้นมาหนึ่งชิ้น แล้วป้อนใส่ปากบุตรสาว

ทันทีที่เนื้อปลาเข้าปาก สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่เด็กหญิงมนุษย์อสรพิษตัวน้อย ต่างก็อยากรู้ว่านางจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

พอเด็กหญิงตัวน้อยกินปลาย่างเข้าไป ดวงตาของนางก็เบิกกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจอย่างไม่อยากเชื่อ…

ปลาย่างจานนี้… หากเทียบกับอาหารที่มารดาของนางทำแล้ว… อร่อยกว่าจริงๆ เสียด้วย!

พี่หญิงใหญ่มู่หรี่ตาแล้วหันไปมองปลาย่าง

ปู้ฟางไม่ได้นำปลาย่างใส่จาน แต่ทิ้งปลาเอาไว้บนเตา พร้อมไฟที่ยังคงเผาไหม้สว่างเจิดจ้าอยู่ด้านล่าง น้ำซอสเดือดปุด ส่วนเนื้อปลาก็สั่นน้อยๆ ตามกระแสความร้อนของไฟ…

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นกรรมวิธีที่ค่อยเป็นค่อยไป ตอนแรกรสชาติของเนื้อปลาจะสดใหม่และอร่อยเป็นอันมาก แต่หลังจากผ่านไปสักพัก เนื้อจะค่อยๆ แข็งขึ้น รสชาติก็จะจัดจ้านขึ้นเช่นกัน ส่วนรสสัมผัสก็แน่นขึ้นเป็นเงาตามตัว!

พี่หญิงใหญ่มู่กลืนน้ำลาย จากนั้นก็ใช้ตะเกียบของตนคีบเนื้อปลาแถวเหงือกขึ้นมา นี่เป็นเนื้อส่วนที่อร่อยที่สุดของตัวปลา

ทันทีที่เนื้อปลาเข้าปาก พี่หญิงใหญ่มู่ก็อดหยีตาด้วยความสุขใจไม่ได้ รสชาติของปลาย่างจานนี้กระจายและค้างอยู่ในปากของนาง ส่งให้นางรู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ทั้งยังมีชีวิต

ตอนนั้นเอง คนที่เหลือก็ทนนั่งดูเฉยๆ ไม่ไหวอีกต่อไป ทุกคนพากันกรูเข้ามาหาปลาบนเตา อู๋อวิ๋นไป่คีบชิ้นปลาเข้าปาก จากนั้นก็ตกเป็นทาสของปลาย่างจานนี้ทันที ปลาย่างจานนี้… อร่อยกว่าอาหารจานปลาทุกจานที่นางเคยกินมาในชีวิตนี้ ไม่มีอะไรเทียบมันได้เลยแม้แต่น้อย

“หือ… มีพลังปราณเที่ยงแท้อยู่ในเนื้อปลาด้วยหรือ เป็นไปได้อย่างไรกัน… ปกติเนื้อของอสูรเวทระดับหนึ่งจะไม่มีพลังปราณเที่ยงแท้เหลืออยู่หลังจากนำมาปรุงสุกแล้วมิใช่หรือ” อู๋อวิ๋นไป่คิดด้วยความงุนงง

ดูเหมือนปู้ฟางจะเดาออกว่าหญิงสาวสงสัยอะไรอยู่ ชายหนุ่มจึงยิ้มแล้วเอ่ย “สมุนไพรนี้เป็นสมุนไพรระดับสาม มีพลังปราณอยู่มากมายและมีฤทธิ์ทำให้จิตใจสงบ หลังจากที่ข้าทำอาหารเสร็จเรียบร้อย พลังปราณในสมุนไพรก็หลอมรวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเนื้อปลา และฤทธิ์ของสมุนไพรที่ทำให้จิตใจสงบก็ซึมเข้าไปในเนื้อปลาเช่นกัน สรุปสั้นๆ ปลาย่างจานนี้จะเรียกว่าเป็นอาหารโอสถทิพย์ก็ย่อมได้ แต่ก็เป็นอาหารโอสถทิพย์ระดับพื้นฐานที่สุดเท่านั้น”

พลังปราณนั้นมาจากสมุนไพรรึ แถมหมอนี่ยังย้ายสรรพคุณของสมุนไพรเข้ามาไว้ในเนื้อปลาได้อีก อาหารโอสถทิพย์เช่นนั้นรึ

อู๋อวิ๋นไป่ชะงักไปชั่วครู่ รู้สึกตัวทันทีว่าความรู้ของตนเองนั้นยังไม่มากพอ… นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าการทำอาหารนั้นจะมีตื้นลึกหนาบางมากถึงเพียงนี้!

อาหารโอสถทิพย์… แน่นอนว่านี่เป็นคำศัพท์ที่นางเคยได้ยินมาก่อน แต่ไม่ใช่ว่าพ่อครัวแม่ครัวทุกคนจะทำอาหารโอสถทิพย์ได้ แม้แต่ในตำหนักเมฆาขาวเองยังมีพ่อครัวเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำเป็น ยิ่งไปกว่านั้น พ่อครัวคนนั้นยังมีปราณขั้นสูงจนเทียบไม่ติด และยังทำอาหารเป็นงานอดิเรกเท่านั้นด้วย!

แต่พ่อครัวหนุ่มตรงหน้านางนี้เป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับห้าขั้นราชันยุทธการ… ทว่ากลับทำอาหารโอสถทิพย์ได้ ความจริงข้อนี้… ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!

เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดได้ยินคำว่าอาหารโอสถทิพย์ เขาก็หันขวับมาทางปู้ฟางทันที พลางจ้องชายหนุ่มไม่วางตา สายตาที่จ้องเขม็งและความตื่นเต้นที่อธิบายไม่ถูกของผู้อาวุโสนั้น ทำให้ชายหนุ่มพลันรู้สึกขนลุกขึ้นมา