บทที่ 174 สมุนไพรวิญญาณกำลังจะบานแล้ว

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามนุษย์อสรพิษมองปู้ฟางด้วยสายตาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าเขาก็ไม่ได้เข้าหาชายหนุ่มทันที ได้แต่พยายามกล่อมให้ตนเองใจเย็นลง

ปู้ฟางไม่ได้เห็นสีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุด เนื่องจากมัวแต่ยิ้มและมองเหล่ามนุษย์อสรพิษกินอาหารที่ตนทำ การที่ลูกค้าชื่นชอบในรสชาติอาหารนั้นจัดเป็นความสุขที่สุดของพ่อครัวแม่ครัวเลยทีเดียว เมื่อได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคนกิน คนทำก็รู้สึกสุขใจเช่นกัน

เนื้อปลานั้นมีไม่มากตั้งแต่แรกแล้ว หลังจากที่ทุกคนผลัดกันมากินจนครบ ปลาทั้งตัวก็เหลือแต่ก้าง เนื่องจากในที่แห่งนี้มีคนมากแต่มีปลาเพียงตัวเดียว

ทุกคนจ้องก้างปลาบนกองสมุนไพรด้วยสายตาละห้อย พวกเขาอยากกินมากกว่านี้แต่ปู้ฟางเตรียมเอาไว้สำหรับที่เดียว

เด็กหญิงเลียริมฝีปากของตนพร้อมหรี่ตา แม้นางจะได้กินเข้าไปคำเดียว แต่กลับรู้สึกอิ่มมาก เนื่องจากปริมาณพลังปราณเที่ยงแท้ในเนื้อปลานั้นมากพอที่เด็กน้อยจะย่อยได้อิ่มพอดี

หลังจากที่ทุกคนได้ชิมปลาย่างแล้ว ก็ไม่มีใครสงสัยความสามารถของปู้ฟางในฐานะพ่อครัวอีก การที่เขาสามารถทำปลาย่างได้อร่อยถึงเพียงนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากแล้ว พี่หญิงใหญ่มู่พยักหน้าหงึกหงักขณะชิมปลาไปด้วย ยิ่งกินมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้มากขึ้นว่าปลาย่างจานนี้ใช้เคล็ดลับอะไรในการทำบ้าง

การใช้พลังปราณเที่ยงแท้ในการประกอบอาหาร… สวรรค์ช่วย! นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้านางคนนี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารด้วยพลังปราณเที่ยงแท้ พลังปราณนั้นหลอมรวมอยู่ในทุกอณูของอาหารจานนี้ การทำอาหารด้วยวิธีนี้ทำให้รสชาติอาหารอร่อยขึ้น กลิ่นหอมขึ้น ทั้งยังช่วยเก็บรักษาพลังปราณในอาหารเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจมากจริงๆ

“เอาละ… ในเมื่อพักผ่อนกันเต็มที่แล้ว ทุกคนจงเตรียมตัวเสีย ฝูงอสูรเวทรออยู่ข้างนอก เราจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด” เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดเห็นว่าทุกคนยังคงมีสีหน้าดื่มด่ำกับรสชาติอาหารที่ค้างอยู่ในปาก เขาก็กระแอมกระไอเพื่อดึงความสนใจของทุกคนกลับมาที่สถานการณ์ปัจจุบัน

ด้านนอกเผ่ามีร่างงูยักษ์ที่ขดเป็นวงกลมคอยท่าอยู่ บนหัวของมันมีมงกุฎเลือดสีแดงชาดขนาดมหึมา เสียงขู่ฟ่อๆ ดังลอดลิ้นสองแฉกออกมา

เสียงร้องโหยหวนของอสูรเวทยังคงดังต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน สะท้อนระงมไปทั่วหนองน้ำปราณมายา ก้องไปสู่ระยะไกล

คำพูดของผู้อาวุโสสูงสุดทำให้ทุกคนตื่นจากภวังค์ เมื่อมองไปที่งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬตัวใหญ่ทะมึน สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที

แต่พวกเขาเองก็ไม่ได้เป็นกังวลมากนัก เนื่องจากเผ่ามนุษย์อสรพิษนั้นอยู่ในสถานที่อันตรายอย่างหนองน้ำปราณมายามาเป็นเวลานาน แน่นอนว่าคงไม่หวังใช้ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการเพียงคนเดียวปกป้องเผ่าทั้งเผ่าอย่างแน่นอน ใต้เผ่าของพวกเขามีวงแหวนปราณขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมปกป้องทั้งเผ่าเอาไว้

การที่พวกเขามีผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการแปลว่าพวกเขาสามารถโจมตีกลับได้ในยากศึก ส่วนวงแหวนปราณนั้นจะช่วยปกป้องทุกคนให้พ้นจากภัยอันตราย

ด้วยความที่วงแหวนปราณนี้ได้รับสืบทอดมาจากประมุขอสรพิษ อสูรเวทระดับเจ็ดจึงไม่สามารถทำลายเกราะป้องกันนี้ได้

“ผู้อาวุโสสูงสุดขอรับ ถึงเราจะมีวงแหวนปราณคอยป้องกันอยู่ แต่ขอบเขตของวงแหวนปราณนั้นไปไม่ถึงสวนสมุนไพร… ยิ่งไปกว่านั้นพลังงานของไอ้งูนี่ก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่ามันกำลังจะลอกคราบอีกครั้ง ข้าว่างานนี้ไม่ง่ายแน่นอน” ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการจากเผ่ามนุษย์อสรพิษเหลือบมองงูเหลือมทมิฬ แล้วก็รู้สึกถึงความโหดร้ายของสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ได้ทันที

บางครั้งอสูรเวทก็จัดการยากกว่ามนุษย์ เนื่องจากมันมีหนังที่หนาและกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง รวมถึงมีความสามารถในการต่อสู้ที่เรียกได้ว่าช่ำชอง… ด้วยเหตุนี้มนุษย์ส่วนมากจึงไม่อยากเผชิญหน้ากับอสูรเวทที่มีระดับพลังปราณเท่ากันกับตัวเอง

“ถึงอย่างไรเราก็ต้องปกป้องดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งให้ได้… เราต้องการเม็ดบัว ไอ้งูบ้านี่จะมาทำลายดอกบัวของเราไม่ได้เป็นอันขาด!” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการจากเผ่ามนุษย์อสรพิษถอนหายใจ จากนั้นดวงตาก็ปรากฏแววมุ่งมั่นขึ้นมา เขาเข้าใจดีว่าดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งนั้นสำคัญกับเผ่าอย่างไร

หลายลมหายไปใจผ่านไป บรรยากาศภายในเผ่ามนุษย์อสรพิษกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังจากที่ทุกคนรู้สึกได้ว่ากลิ่นอายของหายนะกำลังจะมาเยือน

กลิ่นสมุนไพรค่อยๆ โชยออกจากดอกบัวสีฟ้าอ่อน และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นนั้นกระจายเข้าปกคลุมทั่วบริเวณ ทำให้ทุกคนรู้สึกสดชื่น อีกทั้งดวงตาก็ยังเป็นประกายขึ้น

“ดูเหมือนว่า… ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งกำลังจะบานแล้ว!” ผู้อาวุโสสูงสุดเอ่ย

อู๋อวิ๋นไป่พยักหน้า พลางส่งสัญญาณให้ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการเบื้องหลังตนเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต่อสู้

เมื่อได้ขั้นนักพรตยุทธการทั้งสองคุ้มกันดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งเอาไว้ โอกาสที่พวกเขาจะทำสำเร็จก็มีมากขึ้น… ปัญหาในตอนนี้คืออสูรเวทจำนวนมากที่ล้อมงูยักษ์เอาไว้ แม้เผ่าของมนุษย์อสรพิษจะมีวงแหวนปราณปกป้องอยู่ แต่การปลุกพลังของวงแหวนปราณขึ้นมานั้นจำเป็นต้องใช้ผลึกจำนวนมาก… ตัวอู๋อวิ๋นไป่เองก็ไม่แน่ใจว่าเผ่ามนุษย์อสรพิษมีผลึกมากแค่ไหน

หากมีผลึกไม่พอและวงแหวนปราณพังลงมา พวกเขาย่อมต้องเผชิญหน้ากับฝูงอสูรจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน

ปู้ฟางยืนเงียบๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง เขามองงูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬตัวยักษ์พร้อมขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะมีอะไรอยู่ในใจ

เขาจ้องไปที่มงกุฎเลือดบนหัวงูยักษ์อยู่นานสองนาน จากนั้นก็จึ๊ปาก ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว

“มงกุฎเลือดนั่น… ดูดีใช้ได้ ต้องเอามาทำอาหารได้ดีแน่ แต่การจะได้มานั้นท่าจะยากไม่น้อย” ชายหนุ่มพึมพำกับตนเอง

พี่หญิงใหญ่มู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพึมพำแล้วก็งงไปทันที สมแล้วที่เป็นพ่อครัวตัวจริง ขนาดมองงูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬก็ยังคิดเรื่องอาหารได้

พลังปราณสารัตถะทั้งหมดของงูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬถูกรวมเอาไว้ที่มงกุฎเลือด มันจึงเป็นวัตถุดิบในการทำอาหารที่ทรงคุณค่า และเป็นส่วนที่มีค่ามากที่สุดในตัวของงูยักษ์เลยทีเดียว แต่งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬกำลังจะลอกคราบอีกครั้งเพื่อกลายเป็นอสูรเวทระดับแปด ดังนั้นจึงไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถใช้ส่วนนี้ของอสูรเวทเป็นวัตถุดิบสำหรับทำอาหารได้…

ปู้ฟางย่อมไม่รู้ว่าพี่หญิงใหญ่มู่กำลังคิดอะไรอยู่ เนื่องจากชาวหนุ่มมัวแต่จ้องไปที่งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬตาเป็นมัน

กลิ่นของสมุนไพรทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นของมันดูเหมือนจะมีอำนาจพิเศษบางอย่างที่ทำให้พลังปราณในกายของทุกคนเดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น ความรู้สึกเย็นน้อยๆ กระจายไปทั่วร่างกายของพวกเขา

“ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งไม่ได้เป็นสมุนไพรธรรมดาทั่วไป หากเตรียมถูกวิธี จะทำให้ขั้นปราณของผู้ที่ได้กินเข้าไปเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก จัดเป็นสมุนไพรมีค่าที่สามารถเพิ่มพลังปราณได้… นี่เป็นเหตุผลที่งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬต้องการดอกบัวนี้ เพราะจะช่วยให้มันบรรลุขั้นปราณได้” พี่หญิงใหญ่มู่อธิบายเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของปู้ฟาง

“แต่อสูรเวทตัวนี้ชิงดอกบัวไปจากเราไม่ได้อย่างแน่นอน! หากมีพวกผู้อาวุโสอยู่ อสูรเวทตัวนี้ต้องพ่ายแพ้เป็นแน่! ถ้าบิดาของหยูฟู่ไม่บาดเจ็บหนัก ไอ้อสูรเวทนี่คง… ฮึ!” อาหนี่พ่นลมเย้ยพร้อมกำหมัดแน่น เขาแค้นงูเหลือมยักษ์ตัวนี้เป็นอันมาก

หยูฟู่ถอนหายใจออกมา คนที่ต้องการดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งนี้ที่สุดคือนางนั่นเอง เหตุผลที่ผู้อาวุโสสูงสุดต้องการปกป้องดอกบัวนี้สุดชีวิตก็เพราะบิดาของนาง ผู้ที่เป็นผู้ฝึกตนระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการและผู้นำของเผ่าซึ่งกำลังบาดเจ็บอยู่

นางไม่ได้คาดคิดเลยว่าดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งจะดึงดูดความสนใจของทั้งคนและสัตว์ได้มากมายขนาดนี้ ทั้งอู๋อวิ๋นไป่ที่มาจากตำหนักเมฆาขาว ทั้งพ่อครัวสุดลึกลับผู้นั้น… นางไม่รู้ว่าเขามาจากที่ใด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะหมายตาดอกบัวนี้อยู่เช่นกัน

ทว่า… หยูฟู่จะไม่มีวันปล่อยให้ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งตกไปอยู่ในมือผู้อื่นอย่างแน่นอน เนื่องจากนางต้องการใช้ดอกบัวในการรักษาบิดา และนี่ก็เป็นเป้าหมายหลักของคนทั้งเผ่าด้วยเช่นกัน