บทที่ 175 ไอ้อสูรนี่กำลังจะลอกคราบ

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

กลิ่นของสมุนไพรที่อบอวลอยู่ในอากาศทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนหลายคนในที่แห่งนี้เริ่มรู้สึกว่าพลังปราณในกายตนเองกำลังเดือดปุดด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่าจะบรรลุขั้นปราณเมื่อใดก็ได้

มนุษย์อสรพิษหลายตนขดร่างกายส่วนล่างให้กลายเป็นก้อนกลมจากนั้นก็เริ่มจับลมหายใจ พวกเขาสูดกลิ่นหอมของสมุนไพรเข้าไป แล้วเริ่มฝึกพลังปราณ

สมแล้วที่เป็นดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง ซึ่งรู้กันดีว่าเป็นสมุนไพรที่ช่วยให้บรรลุขั้นปราณได้ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดอสูรเวทระดับเจ็ดอย่างงูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬจะตามกลิ่นของมันมา

ครืน!

เมื่อกลิ่นของสมุนไพรทวีความรุนแรงขึ้น งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬที่ซุ่มรออยู่เงียบๆ ก็ยกตัวขึ้นช้าๆ ร่างยักษ์ของมันกำลังมองทุกอย่างจากมุมสูง ดวงตาของงูร้ายเต็มไปด้วยความไม่รู้สึกรู้สาใดๆ ทั้งสิ้น

งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬแลบลิ้นสองแฉกสีดำเมี่ยมส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมา ขณะ รอดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งเบ่งบานด้วยใจจดจ่อ

ทุกคนในเผ่าอดรู้สึกเครียดขึงขึ้นมาไม่ได้ขณะมองไปที่งูยักษ์ ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการทั้งสองยืนอยู่บนท้องฟ้าด้วยความองอาจ ปล่อยพลังแก่กล้าออกมาต้านกับงูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬ

สายตาของปู้ฟางจับจ้องไปที่ดอกบัวตูมสีฟ้าอ่อนเกือบตลอดเวลา ดอกบัวกระจายประกายแสงออกมาเหมือนหิ่งห้อยในยามค่ำคืน ตัดกับแสงจากดวงจันทร์บนท้องฟ้า

อสูรเวทที่รายล้อมอยู่เริ่มคำรามด้วยท่าทางคุกคามน่ากลัว ระดับพลังปราณที่พวกมันปล่อยออกมาเริ่มไม่นิ่งเมื่องูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬค่อยๆ เคลื่อนไหว

งูเหลือมยักษ์ยืดตัวขึ้นแล้วก้มหัวลงมองด้านล่าง มันค่อยๆ คืบเข้าใกล้ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง

เมื่องูเหลือมขยับเข้ามาใกล้ ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการทั้งสองก็รู้สึกว่าพลังกดดันที่ทับลงมาบนตัวพวกเขาเพิ่มขึ้นเช่นกัน… สมแล้วที่เป็นสิ่งมีชีวิตน่ากลัวซึ่งผ่านการลอกคราบมาแล้วสามครั้ง พลังกดดันที่แผ่ออกจากตัวงูเหลือมยักษ์นั้นทรงพลังเป็นอันมาก

อู๋อวิ๋นไป่เบิกตากว้าง นางอ้าปากมองการเผชิญหน้าบนท้องฟ้า ดูเหมือนว่าผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการทั้งสองจะเสียเปรียบอยู่

“ดูสิ! ดอกไม้จะบานแล้ว!”

ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ แล้วชี้นิ้วสั่นเทาไปยังดอกบัวตูมที่ชูช่ออยู่ในสระน้ำเล็กๆ ดอกบัวตูมสั่นสะท้านเล็กน้อยเมื่อเวลาใกล้เข้ามาถึง

ทุกคนกลั้นหายใจ รู้สึกราวกับว่าพลังงานบางอย่างที่อยู่ในอากาศได้แหวกออกจากกรงขังและกำลังพุ่งออกสู่โลกภายนอก

พลังปราณเยือกแข็งระเบิดออกจากดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง ถาโถมเข้ามาเหมือนกระแสน้ำขึ้น

“เริ่มแล้ว!” ดวงตาของอู๋อวิ๋นไป่เป็นประกายด้วยความคาดหวังขณะจ้องไปที่ดอกบัวในสระน้ำ

“การเบ่งบานของดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งคือความงามที่ไม่จีรัง… ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งที่กำลังเบ่งบานนั้นจะทำให้ใครก็ตามที่ได้พบเห็นต้องมนต์อย่างแน่นอน…” หยูฟู่พึมพำกับตนเองขณะมองดอกบัวตูมที่ชูช่ออยู่ในสระน้ำด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม

กลีบแรกของดอกบัวค่อยๆ คลี่ออกอย่างเงียบเชียบ พร้อมๆ กับกระแสพลังปราณที่ซัดสูงขึ้น จากนั้นกลีบที่สองและกลีบที่สามก็ค่อยๆ คลี่ตามมา…

ทุกครั้งที่กลีบดอกแต่ละกลีบคลี่ออก ภาพมายาของกลีบดอกบัวกลีบยักษ์จะปรากฏขึ้นในอากาศเหมือนแสงเงินแสงทองสวยจับตา

ปู้ฟางตาเป็นประกายด้วยความตื่นตาตื่นใจ ภาพอันสวยงามเช่นนี้ยากนักที่จะพบเห็นได้ การเบ่งบานของสมุนไพรพลังปราณระดับเจ็ดเป็นภาพที่ประหลาดยิ่ง ก่อนหน้านี้เหตุการณ์ภาพมายาของนกปักษาเพลิงที่ทะยานขึ้นไปในอากาศ ระหว่างการบานของสมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงในหุบเขาปักษาเพลิงพ่ายก็เป็นภาพที่สวยงามไม่แพ้กัน

ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งเป็นสมุนไพรระดับเจ็ด ดังนั้นความสวยงามยามผลิบานของมันจึงไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าสมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงเลยแม้แต่น้อย

ฟ่อ!

โครม! พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน ทุกคนละความสนใจออกจากภาพสวยงามตรงหน้าทันที ในที่สุดงูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬตัวยักษ์ก็หมดความอดทน มันแลบลิ้นสองแฉกออกมา ดวงตาขนาดใหญ่เท่าโคมไฟเป็นประกายด้วยความรู้สึกมากมาย

ดวงตาของงูร้ายเอ่อท้นด้วยความชั่วร้ายและรังสีสังหารอาฆาต

ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการทั้งสองต่างเคร่งเครียดขึ้นทันที แล้วร้องออกมาด้วยความฮึกเหิมเตรียมออกศึก

ภาพของดอกบัวบานสวยงามที่ปรากฏขึ้นในอากาศก็จบสิ้นลงแล้วเช่นกัน มันเป็นเพียงความงามที่ไม่จีรังอย่างที่เขาว่าเอาไว้จริงๆ เสียด้วย

กลีบสีฟ้าอ่อนของดอกบัวโรยราลงอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นฝักบัวขนาดใหญ่… ฝักบัวนี้คือแก่นที่แท้จริงของดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง

“ไอ้อสูร! กล้าดีอย่างไร!”

ผู้อาวุโสของเผ่ามนุษย์อสรพิษตะโกนออกมา เขาใช้หางดีดตนเองให้ทะยานขึ้นไปในอากาศ หอกสีดำมืดปรากฏขึ้นในมือ คมหอกเป็นประกายคมกริบ

งูยักษ์เลื้อยเข้าไปหาสวนสมุนไพร ขณะที่ผู้อาวุโสพุ่งหอกใส่อสูรยักษ์ใหญ่ เป้าหมายของมันคือฝักบัวที่ปรากฏขึ้นหลังจากที่ดอกบัวร่วงโรย

ซ่า!

ผู้อาวุโสจากเผ่ามนุษย์อสรพิษไม่กล้าประมาทเมื่อต้องเผชิญหน้ากับงูยักษ์ เขาใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีทุ่มไปกับการโจมตีในครั้งนี้ กระแสพลังปราณที่ไหลออกจากร่างกายและหอกจำนวนนับไม่ถ้วนตกจากท้องฟ้าใส่งูยักษ์เหมือนห่าฝน

ดวงตาของงูเหลือมยักษ์ทอประกายวาบด้วยความมาดร้าย ใครก็ตามที่บังอาจมาขัดขวางมันจากการครอบครองดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง… จะต้องมีอันเป็นไป!

เกล็ดบนตัวงูยักษ์แผ่แสงเย็นประหลาดออกมา มันโบกสะบัดหางขนาดใหญ่ยักษ์ แล้วปัดป้องหอกทั้งหมดเอาไว้ได้โดยไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย

“เหตุใดเกล็ดของมันจึงแข็งเช่นนี้!” ผู้อาวุโสจากเผ่ามนุษย์อสรพิษพลันตาเบิกกว้าง

ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการฝั่งมนุษย์เองก็ตะโกนออกมาเช่นกัน เขาก้าวไปในอากาศแล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า กระแทกฝ่ามือไปหางูยักษ์ การโจมตีด้วยฝ่ามือนี้อัดแน่นไปด้วยพลังปราณ มันเปลี่ยนสภาพเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ซึ่งมีหน้าตาเหมือนมือของมนุษย์จริงๆ ไม่มีผิด

ตูม! ฝ่ามือนั้นกระแทกเข้าที่หัวของงูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬเต็มๆ ทำให้มงกุฎเลือดของมันสั่นเล็กน้อย…

ดวงตาของปู้ฟางเบิกกว้างขึ้น มุมปากกระตุก “หวังว่าจะไม่ทำให้มงกุฎเลือดของมันเสียหายนะ วัตถุดิบดีๆ เช่นนี้ไม่ได้เจอได้ทุกวัน” เขาคิด

งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬบันดาลโทสะเป็นอันมาก มันอ้าปากกว้างเผยให้เห็นฟันคมกริบ จากนั้นก็กรีดร้องเสียงแหลมออกมา แล้วฟาดหางด้วยความโมโห

โครม! หางของมันฟาดอากาศจนแทบแหลกสลาย

ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการฝั่งมนุษย์ร้องออกมาด้วยความตกใจ แล้วใช้พลังทั้งหมดที่มีในการป้องกันตนเองทันที เขาถูกฟาดกระเด็นไปเหมือนของเล่นเด็กแล้วกระแทกลงพื้นเสียงดังโครม

ส่วนผู้อาวุโสจากฝั่งเผ่ามนุษย์อสรพิษนั้นต้องเผชิญชะตากรรมที่อาภัพยิ่งกว่า เขาถูกงูยักษ์กลืนเข้าไปทั้งตัวในคำเดียว

ผู้อาวุโสสูงสุดดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ไอ้อสูรนี่… มันแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ

เคราะห์ดีที่ผู้อาวุโสจากเผ่ามนุษย์อสรพิษคลานออกมาจากปากของงูยักษ์ได้ในที่สุด แต่ร่างทั้งร่างของเขาก็โชกเลือดไปทุกกระเบียดนิ้ว…

ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการฝั่งมนุษย์ทะยานขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง ขั้นนักพรตยุทธการทั้งสองปลดปล่อยพลังปราณของตนเองออกมาพร้อมกันด้วยความโกรธ กระแสพลังปราณน่ากลัวพุ่งเข้าใส่งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬทันที

ทั้งคู่โกรธจนคลั่งไปเสียแล้ว การใช้พลังปราณในลักษณะเช่นนี้จะทำให้กระแสปราณภายในกายเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง ทว่าทั้งสองก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด

งูเหลือมยักษ์หยุดเคลื่อนไหวทันที และถูกบังคับให้ต้องล่าถอยไปอย่างต่อเนื่อง

ฝูงอสูรเวทคำรามพร้อมกรูกันเข้ามายังเผ่าด้วยความบ้าคลั่ง

ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามนุษย์อสรพิษออกคำสั่งให้ปลุกพลังของวงแหวนปราณใต้เผ่าทันที วงแหวนปราณเริ่มส่องแสงสว่างวาบเจิดจ้า

ฝูงอสูรเวทที่พุ่งเข้าใส่เผ่าชนเข้ากับเกราะป้องกันอย่างจัง ทุกตัวต่างงุนงงเป็นอันมาก แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ทะลุเข้าไปไม่ได้

ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะสูสีไม่น้อย

ดวงตาขนาดเท่าโคมไฟของงูยักษ์ที่อยู่สูงขึ้นไปด้านบนจับจ้องไปที่ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง มันกรีดร้องออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว ไอ้พวกมดปลวกไร้ค่าตรงหน้าพยายามกีดกันไม่ให้มันบรรลุขั้นปราณ ให้อภัยไม่ได้เป็นอันขาด!

มงกุฎเลือดบนหัวของูเหลือมยักษ์เริ่มทอแสงสีแดงสว่างออกมาท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของผู้ฝึกตนนักพรตยุทธการทั้งสองคน จากนั้นหัวของงูยักษ์ก็เริ่มแยกออกเป็นสองซีก…

“ไอ้สัตว์ร้ายนี่มันกำลังบังคับให้ตนเองลอกครอบเช่นนั้นรึ! ทุกคนระวังตัวด้วย!” อู๋อวิ๋นไป่ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ