บทที่ 176 โจนทะยานภายใต้แสงจันทร์พร้อมมีดทำครัวในมือ

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬกำลังบังคับตนเองให้ลอกคราบหรือ!

ไอ้อสูรบ้านี่มันเสียสติไปแล้ว! อสูรเวทเองก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่กำลังพยายามบรรลุขั้นปราณ มันต้องไปหาสถานที่เงียบๆ ในการลอกคราบ เพราะหากถูกขัดระหว่างกำลังจะบรรลุปราณอาจทำให้จิตไม่ปกติได้

อสูรเวทเองก็มีอาการทางจิตเหมือนคนได้เช่นกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าการดิ้นรนปกป้องสมุนไพรอย่างไม่คิดชีวิตของผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการทั้งสอง จะทำให้อสูรเวทตัวนี้พยายามบังคับตนเองให้ลอกคราบเป็นครั้งที่สี่ นี่เป็นการเดิมพันอย่างสุนัขจนตรอก ไม่เป็นก็ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!

งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬกล้าโยนความเสี่ยงทุกอย่างทิ้งไปในอากาศ เพียงเพื่อให้ได้ครอบครองดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง

ทว่า… แม้งูตัวนี้จะเสี่ยงกับการเสียสติ แต่สิ่งที่มันจะได้รับกลับมาคือขั้นปราณที่มากขึ้นอย่างมหาศาล จนอาจทำให้ก้าวขึ้นไปแตะระดับแปดเลยก็เป็นได้

ระดับแปด… เป็นระดับปราณที่น่ากลัวเป็นอันมาก หากงูตัวนี้สามารถบรรลุไปถึงขั้นนั้นได้ ทุกคนในที่แห่งนี้เห็นทีจะเหลือเพียงวิญญาณเป็นแน่

แน่นอนว่าเกราะป้องกันของเผ่าย่อมต้านทานการโจมตีของอสูรเวทระดับแปดไม่ได้อย่างแน่นอน

ผู้อาวุโสสูงสุดเริ่มตกใจจนแทบคลั่ง หากไอ้งูตัวนี้ลอกคราบสำเร็จ เห็นทีพวกเขาจะไม่เหลือซากแล้ว…

ดวงตาของอู๋อวิ๋นไป่เองก็ฉายแววตกใจไม่น้อยเช่นกัน นางวางแผนทุกอย่างเอาไว้อย่างรัดกุม แต่ไม่ได้คาดคิดสักนิดว่างูตัวนี้จะเลือกเส้นทางที่อันตรายเช่นนี้ มันเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ เสียด้วย!

ปัง! ปัง!

ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการทั้งสองถูกโจมตีให้ล่าถอยไปสองถึงสามก้าวกลางอากาศ สีหน้าของพวกเขาพลันบูดเบี้ยวไป

หน้าผากของงูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬแยกออก หนังของมันค่อยๆ ลอกอย่างช้าๆ กระแสพลังปราณเพิ่มสูงขึ้นราวกับพายุร้ายที่กำลังพัดพาเข้ามาใกล้

ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้งูเหลือมกรีดร้องออกมาอย่างทุรนทุราย ร่างยักษ์ของมันดิ้นเร่าๆ หางกระแทกลงไปบนเกราะป้องกันอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้เกราะสั่นสะเทือนไปชั่วขณะ

หัวใจของผู้อาวุโสสูงสุดสั่นไหวตามแรงสะเทือนของเกราะป้องกันที่โดนโจมตี…

“อย่าเพิ่งพังลงมานะ…” เขาภาวนาอยู่เงียบๆ

แต่ไม่ว่าจะอธิษฐานเพียงใด เกราะป้องกันเผ่าก็สั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ ฝูงอสูรเวทเองก็พากันโจมตีเกราะป้องกันเผ่าอย่างรุนแรงขึ้นมากเช่นกัน ทุกตัวล้วนเปลี่ยนเป็นสัตว์ร้ายบ้าคลั่งตามสถานการณ์อันแสนร้อนระอุ

“ให้ตายเถิด! จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้… เพราะหากเกราะป้องกันเผ่าพังลงมา เผ่านี้จะถูกทำลายสิ้นและทุกคนจะต้องตายอย่างแน่นอน” อู๋อวิ๋นไป่คิด ดวงตาของนางสว่างวาบขณะพยายามคิดหาทางหนีทีไล่

ในเวลาเดียวกันนั้น ปู้ฟางกำลังสำรวจสถานการณ์รอบกายอยู่ เขาเห็นว่าสายตาของทุกคนในที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง ทุกคนรู้ดีว่าหากงูเหลือมลอกคราบสำเร็จ จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา

แต่ไอ้งูนี่มันจะลอกคราบสำเร็จจริงๆ น่ะหรือ

การมีดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งอยู่ใกล้ๆ ทำให้ยากที่จะพยากรณ์ เพราะแค่ไอ้งูนี่เพียงพุ่งมาเขมือบฝักบัวเข้าไป มันก็จะกลายเป็นอสูรเวทระดับแปดอย่างสมบูรณ์

และแน่นอนว่าไอ้งูบ้านี่คงไม่แสดงความเมตตาต่อคนพวกนี้แน่ เพราะพวกเขาพยายามขัดขวางการบรรลุขั้นปราณของมัน

“อาจารย์อาอู๋! รับนี่ไว้!”

อู๋อวิ๋นไป่ก้าวออกมาข้างหน้าแล้วกระโจนขึ้นไปในอากาศด้วยฝีเท้าเบาเหมือนขนนก กระบี่ยาวปรากฏขึ้นในมือนางพร้อมแสงสว่างวาบ

กระบี่ยาวนั้นเรืองแสงสว่างเจิดจรัส แสงนั้นมีต้นกำเนิดมาจากเนื้อในของกระบี่

“กระบี่เมฆาหกเหินรึ นายหญิง… นี่มันอาวุธกึ่งเทพที่นายท่านมอบให้ท่านมิใช่หรือขอรับ”

ดวงตาของผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการมนุษย์ที่ชื่ออาอู๋เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ร่างของเขาสั่นสะท้านอย่างตื่นเต้น ขณะยื่นมือออกมารับกระบี่ยาวเรืองแสงเอาไว้

อาวุธกึ่งเทพ… ใช่อาวุธกึ่งเทพของจริงเสียด้วย!

ยิ่งไปกว่านั้น อาวุธกึ่งเทพนี้ยังอยู่ในบันทึกของสำนักความลับแห่งสวรรค์อีกต่างหาก!

ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการผู้นั้นตื่นเต้นเสียจนแทบจะระเบิดร้องไห้ออกมา เขากำลังถืออาวุธกึ่งเทพอยู่ และจะได้ใช้มันต่อสู้… ต่อให้ตาย เห็นทีก็ไม่เสียดายชีวิตแล้ว!

พลังงานของผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการผู้นั้นเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ถืออาวุธกึ่งเทพเอาไว้ในมือ เขามั่นใจเป็นอันมาก ขณะที่ส่งกระแสปราณเข้าไปในกระบี่ยาว อาอู๋ก็ทะยานขึ้นไปในอากาศเหมือนเทพเจ้าแห่งสงคราม ร่างทั้งร่างทอแสงเจิดจรัส

ระดับความหยิ่งผยองของผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการผู้นี้เพิ่มขึ้นมากทีเดียวหากเทียบกับก่อนหน้านี้

“ในเมื่อข้ามีอาวุธกึ่งเทพอยู่ในมือ เช่นนั้นทุกอย่างก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากแล้ว! เจ้ามันก็เป็นแค่งูเดรัจฉาน! ตายเสียเถอะ!”

คมกระบี่สว่างวาบพร้อมเสียงตะโกนประกาศศักดา พลังงานจากกระบี่ระเบิดออกมาแล้วเข้าบดบังวิสัยทัศน์ของทุกคน พลังงานทั้งหมดรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียว จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นกระบี่ยาวขนาดมหึมา

เป้าหมายก็คืองูเหลือมยักษ์ตรงหน้านั่นเอง!

แรงอาฆาตในดวงตาของงูเหลือมยักษ์พุ่งขึ้นเสียดฟ้าทันที มันกรีดร้องเสียงแหลม ปล่อยกระแสพลังปราณออกจากร่างกาย หนังของมันเริ่มสั่นสะท้านตามพลังงานกระบี่ที่พุ่งเข้ากรีดแทง

นี่คือหนังที่ลอกออกมาของอสูรเวทระดับเจ็ด หากนำมาทำเป็นเกราะ… คงจะสามารถป้องกันแรงโจมตีเต็มกำลังของขั้นราชันยุทธการได้ แต่เมื่อเผชิญกับพลังงานของกระบี่ มันกลับแหลกสลายเป็นชิ้นๆ

ความน่ากลัวของพลังงานกระบี่นี้ สมแล้วที่เป็น… อาวุธกึ่งเทพที่เขาร่ำลือกัน

กระบวนท่ากระบี่นี้อาจเรียกได้ว่าสะเทือนโลกาเลยก็ว่าได้ งูเหลือมยักษ์เองก็รู้สึกได้ถึงอันตรายของกระบี่เช่นกัน มันเปิดปากกว้างร้องคำรามใส่กระบี่ยาวในอากาศ จากนั้นก็กระโจนไปข้างหน้าด้วยความเร็วราวสายฟ้า

ปัง!

เลือดสดๆ สาดกระจายไปในอากาศ หนังส่วนที่ลอกคราบเสร็จเรียบร้อยแล้วของงูยักษ์ถูกสะบั้นจนเลือดกระเซ็น

แต่ดวงตาของผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการผู้โจมตีกลับเบิกกว้าง เขารู้สึกได้ถึงพลังกดดันที่พุ่งเข้าหาตัว เงาที่พุ่งออกจากปากของงูยักษ์กัดเข้ามาที่ร่างของเขาพอดี

อาอู๋ตัวปลิวไปด้านหลังพร้อมกระอักเลือดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ร่างของเขาเกือบขาดออกเป็นสองท่อน หากไม่ได้การเสริมพลังจากอาวุธกึ่งเทพช่วยเอาไว้ ป่านนี้เขาคงกลายเป็นศพไปเรียบร้อยแล้ว

กระนั้นตัวเขาเองก็บาดเจ็บสาหัส ร่างของอาอู๋ตกกระแทกพื้น กระบี่เมฆาหกเหินลอยไปตกไกลตัวเขาออกไป

อู๋อวิ๋นไป่ ผู้อาวุโสสูงสุด และทุกคนในที่แห่งนี้ต่างอึ้งจนพูดไม่ออก…

ก่อนหน้านี้เขาเป็นต่อไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงแพ้ภายในพริบตาเช่นนี้ได้ นึกว่าจะสังหารอสูรตัวนี้ได้เสียอีก เมื่อครู่เขายังดูแข็งแกร่งมากอยู่เลยนี่นา

สีหน้าของผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการมนุษย์อสรพิษเองก็มืดมนลงเช่นกัน “เกือบตายเพราะอสูรเวทตัวเดียวทั้งที่ถืออาวุธกึ่งเทพอยู่ในมือ… ไอ้หมอนี่มันเป็นความเสื่อมเสียของขั้นนักพรตยุทธการจริงๆ!”

ร่างยักษ์ของงูเหลือมตกกระแทกพื้นเสียงดังลั่น งูที่ดูน่ากลัวกว่างูเหลือมยักษ์และตัวเล็กกว่าสิบเท่า ขดเป็นก้อนกลมอยู่กลางอากาศพร้อมแลบลิ้นสองแฉกออกมา มันพุ่งตัดอากาศมาด้วยความเร็วราวสายฟ้า กระโจนเข้าใส่ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งในสระน้ำ

นี่คือร่างที่แท้จริงของงูเหลือมทมิฬ หลังจากที่ถูกอำนาจของอาวุธกึ่งเทพคุกคาม มันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเปิดเผยตัวตนออกมา

มันได้กำจัดศัตรูทุกคนที่ขวางทางจนสิ้นซากไปเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะได้ดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งมาไว้ในครอบครอง ในที่แห่งนี้ไม่มีใครเก่งกล้าสามารถพอที่จะขัดขวางไม่ให้มันกลายมาเป็นอสูรเวทระดับแปดได้อีกต่อไป!

เมื่อถึงตอนนั้น ตัวมันก็จะกลายมาเป็นอสูรเวทชนชั้นปกครองในหนองน้ำปราณมายาแห่งนี้ เรียกได้ว่าอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารอย่างแท้จริง

แสงเรืองรองที่สองออกจากดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งนั้นสวยงามมากเสียจนทำให้งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬแทบสำลักตาย ความเร็วของมันรวดเร็วไม่ต่างจากแสง ดวงตาเต็มไปด้วยความกระหายอำนาจ

มันพุ่งเข้าไปใกล้ดอกบัวเรื่อยๆ!

อีกไม่กี่อึดใจก็จะได้ครอบครองสมุนไพรพลังปราณในฝัน!

มันจะกลายมาเป็นอสูรเวทระดับแปด และจะสามารถกดขี่ปกครองทั้งอาณาเขตนี้ได้ในที่สุด!

ผู้อาวุโสสูงสุดและคนอื่นๆ รู้สึกสิ้นหวังดำดิ่ง ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการทั้งสองจะหยุดอสูรเวทระดับเจ็ดตัวนี้ไม่ได้…

หากไอ้งูนี่ได้สมุนไพรไปครอง เผ่าของพวกเขาจะถูกทำลายสิ้นซากอย่างแน่นอน

ขณะที่ทุกคนกำลังหมดหวังอยู่ เสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ดังขึ้น ร่างหนึ่งค่อยๆ ก้าวออกจากฝูงชน เดินไปยังทิศทางของงูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬ

ดวงตาของอู๋อวิ๋นไป่เบิกกว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ นางมองชายหนุ่มค่อยๆ ก้าวออกมาข้างหน้า

“หมอนี่ทำบ้าอะไรกัน!” นางไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย เหตุใดผู้ฝึกตนขั้นราชันยุทธการถึงกล้าก้าวออกมาในสถานการณ์เช่นนี้ รนหาที่ตายรึ

ปู้ฟางยิ้มขณะมองไปที่งูเหลือมตรงหน้า ควันสีเขียวพุ่งออกมาล้อมมือของเขาไว้ จากนั้นมีดทำครัวสีดำสนิทก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือ

ชายหนุ่มกำมีดทำครัวในมือ ค่อยๆ เปลี่ยนจากเดินช้าๆ ไปเป็นวิ่งเหยาะๆ จากนั้นเขาก็เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นวิ่งเต็มข้อ

ท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้ายามราตรี ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังโจนทะยานภายใต้แสงจันทร์ พร้อมมีดทำครัวที่อยู่ในมือ