บทที่ 177 หากเทียบกับพลังของมังกรแล้ว พลังของงูก็เป็นได้แค่ไส้เดือนเท่านั้นแหละ!

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

“ไอ้หมอนี่มันเสียสติไปแล้วหรือ”

ทุกคนมองไปยังร่างที่ถือมีดทำครัวอยู่ในมือซึ่งกำลังกระโจนเข้าใส่งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬด้วยสีหน้าว่างเปล่าบอกไม่ถูก หมอนี่จะใช้กำลังของตนเองต่อสู้กับงูบ้าเนี่ยนะ เขาตั้งใจจะฉกฝักบัวไปจากปากของอสูรเวทที่กำลังจะบรรลุปราณขั้นแปดเช่นนั้นรึ

ช่างเป็นเรื่องที่บ้าระห่ำจนเข้าขั้นคลั่งอะไรอย่างนี้!

นี่คือความคิดที่อยู่ในใจของทุกคนในตอนนี้ หากปู้ฟางมีปราณระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการ ทุกคนคงคิดว่าการกระทำของเขาช่างน่าชื่นชม แต่ชายหนุ่มเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับห้าขั้นราชันยุทธการเท่านั้น การตัดสินใจเช่นนี้จึงดูโง่จนไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเกิดขึ้นจริง!

ผู้ฝึกตนระดับห้าขั้นราชันยุทธการเป็นเพียงมดปลวกไร้ค่าต่อหน้างูเหลือมที่สยบขั้นนักพรตยุทธการได้ถึงสองคนในคราวเดียว เผลอๆ แค่มันโบกหางครั้งเดียว พ่อหนุ่มตรงหน้านี้ก็อาจกลายเป็นเศษธุลีไปเลยก็ได้!

อู๋อวิ๋นไป่ถอนหายใจออกมาจากนั้นก็ส่ายหน้าอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก่อนหน้านี้นางชื่นชมปู้ฟางในฐานะพ่อครัวที่สามารถทำอาหารโอสถทิพย์ได้ พ่อครัวฝีมือฉกาจเช่นนี้หาได้ยากยิ่งแม้กระทั่งในตำหนักเมฆาขาว แต่แม้ทักษะการทำอาหารของหมอนี่จะยอดเยี่ยม… ทว่าสมองกลับดูไม่ได้ไปในทางเดียวกันนัก

เหตุใดจึงรนหาที่ตายด้วยการกระโจนเข้าหางูเหลือมยักษ์เช่นนี้ ต่อให้ต้องการฝักบัวนั่นจริง อย่างน้อยก็น่าจะประเมินความสามารถของตัวเองหน่อย ความทะเยอทะยานทู่ซี้ทำสิ่งที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีวันสำเร็จนั้น ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายแม้แต่น้อย

พี่หญิงใหญ่มู่เองก็ตกใจมากเช่นกัน แต่ก่อนที่นางจะทันได้ทำอะไร ปู้ฟางก็กระโจนเข้าใส่งูเหลือมเสียแล้ว กว่านางจะรู้สึกตัวสถานการณ์ก็สายเกินแก้แล้ว

อาหนี่อึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นดวงตาของเขาก็เดือดพล่านด้วยพลังใจแรงกล้า!

“ให้ตายเถิด! หมอนี่มันใจถึงถึงขนาดกล้ากระโจนเข้าไปต่อสู้ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นเพียงขั้นราชันยุทธการ! แล้วขั้นจักรพรรดิยุทธการอย่างข้ากลับมาคุดคู้อยู่ในที่เช่นนี้เนี่ยนะ! ยอมน้อยหน้าไม่ได้เด็ดขาด!”

อาหนี่คำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวพร้อมโบกหาง ตั้งใจจะกระโจนเข้าไปสมทบด้วยเช่นกัน

ทว่าก่อนที่อาหนี่จะไปได้ไกล เขาก็ถูกหางของผู้อาวุโสสูงสุดฟาดหน้าเข้าให้

“หยุดเดี๋ยวนี้! เจ้ากลับไปยืนอยู่ข้างหลัง! คิดว่ากำลังทำอะไรอยู่! นี่มันใช่เวลามาทำตัวบุ่มบ่ามเสียสติรึ!” ผู้อาวุโสสูงสุดคำรามด้วยความโกรธ ใบหน้าของอาหนี่เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดด้วยความกลัว เขาก้มหน้างุดแล้วกลับเข้าประจำที่เดิม

ทว่าดวงตาของอาหนี่กลับเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจ เขามองปู้ฟางด้วยสายตาเคารพยกย่อง

นี่คือวีรบุรุษแห่งยุคสมัยอย่างแท้จริง!

เกียรติยศของชายผู้นี้ควรได้รับการยกย่องแม้วายชนม์!

หน้าตาของงูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬดูชั่วร้ายน่ากลัวมากขึ้นอีกหลังจากที่ลดขนาดลง พลังงานที่มันปล่อยออกมาก็เกรี้ยวกราดขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน ความเร็วของมันรวดเร็วมากเสียจนทุกคนสูดลมเย็นเข้าลึกด้วยความหวาดกลัว

มันพุ่งตัดอากาศเหมือนลูกศรที่หมายทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าให้สิ้นซาก

ทันใดนั้นรูม่านตาของงูเหลือมก็หดแคบลง มันเห็นมนุษย์คนหนึ่งที่ดูเหมือนมดปลวกกำลังพุ่งตรงมาทางมัน

พลังของมนุษย์ผู้นี้อ่อนแอมาก… จนมันไม่ได้แยแสจะต่อกรด้วยเสียด้วยซ้ำไป

“ไอ้มนุษย์นี่มันโง่หรือเปล่านะ สองคนก่อนหน้านี้แข็งแกร่งมากแต่ก็ถูกข้าจัดการจนเกือบตาย แต่ไอ้หมอนี่อ่อนแอกว่าโข… อยากตายหรืออย่างไร” นี่คือสิ่งที่งูเหลือมกำลังคิดอยู่ในใจ

“เช่นนั้นข้า…จะเล่นกับเจ้าเอาบุญก็แล้วกัน”

ทว่าปู้ฟางตัดสินใจทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังจริงๆ น่ะหรือ ไม่ใช่อยู่แล้ว… ปู้ฟางไม่ใช่คนปัญญาทึบเสียหน่อย!

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังกระโจนเข้าใส่งูเหลือม พลังปราณภายในกายเขาก็เริ่มหมุนวนอย่างช้าๆ พลังปราณในกายของชายหนุ่มเดือดพล่านกระจายเข้าสู่แขนและขา ส่งให้ความแข็งแกร่งพุ่งขึ้นสู่ขีดสุด

ระหว่างที่กำลังวิ่งไปข้างหน้า มีดทำครัวในมือชายหนุ่มก็เรืองแสงขึ้น ตอนแรกแสงนั้นไม่ได้เจิดจ้ามากนัก แต่ก็ค่อยๆ ทวีความสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ!

จนในที่สุดมีดทำครัวก็ทอแสงแรงกล้า!

ครืน!

ทันทีที่ปู้ฟางก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว พื้นดินก็พลันสั่นสะเทือน รูปลักษณ์ของมีดทำครัวโบราณในมือของชายหนุ่มเปลี่ยนไปทันที หน้าตาที่ดูมอซอของมันเปลี่ยนเป็นมีดทำครัวสีทองเล่มใหญ่ แสงส่องสว่างไปทั่วทุกสารทิศ เจิดจ้ามากเสียจนแทบจะทำให้ทุกคนตาบอด

สวรรค์ช่วย… นั่นมันอะไรกัน

ทันใดนั้นบรรดามนุษย์อสรพิษทุกตนก็รู้สึกได้ถึงพลังงานที่โถมเข้าห้อมล้อมร่างกายของพวกเขาเอาไว้ มันเป็นความรู้สึกที่ออกมาจากจุดซึ่งลึกที่สุดของสายเลือดในกายพวกเขา ร่างกายของมนุษย์อสรพิษทุกตนสั่นสะท้าน สีหน้าเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง

ผู้อาวุโสสูงสุดตัวสั่นระริกเหมือนใบไม้ เขาไม่เคยกลัวจนคุมสติไม่อยู่เช่นนี้มาก่อน แม้แต่ตอนที่เข้าเฝ้าประมุขอสรพิษเป็นครั้งแรกก็ยังไม่เกรงกลัวเท่านี้…

มันเป็นความกลัวที่ไม่ได้มาจากความแตกต่างด้านพละกำลัง แต่มาจากก้นบึ้งของสายเลือดในกายพวกเขา

บรรดามนุษย์อสรพิษต่างพากันคำนับศิโรราบลงกับพื้นพร้อมด้วยเสียงน้ำจ๋อมแจ๋ม หัวใจเบาหวิวด้วยความหวาดกลัว ตัวสั่นจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น

อู๋อวิ๋นไป่ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ปากของนางอ้าหวอจนมีขนาดเท่าลูกแอปเปิล ใบหน้าไม่อยากเชื่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นแม้แต่น้อย… “นี่… นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน เหตุใดมนุษย์อสรพิษจึงต้องคำนับลงแทบเท้าด้วย”

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง!

ไกลออกไป กระบี่เมฆาหกเหินที่กองอยู่กับพื้นก็เริ่มสั่นเช่นกัน อู๋อวิ๋นไป่ที่หลอมรวมจิตเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกอยู่ชั่วครู่ นางสัมผัสได้ถึงความกลัวที่ส่งต่อมาจากกระบี่เมฆาหกเหิน

อาวุธกึ่งเทพอย่างกระบี่เมฆาหกเหินย่อมมีความรู้สึกนึกคิด ทว่าเหตุใดกระบี่ที่มีจิตใจเช่นนี้ถึงได้กลัววัตถุธรรมดากันเล่า

อู๋อวิ๋นไป่เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่ถือมีดทำครัวสีทองเจิดจ้าซึ่งอยู่ไกลออกไป…

มีดทำครัวนั่น…

“มีดทำครัวนั่นเป็นอาวุธกึ่งเทพจริงๆ น่ะหรือ! ล้อข้าเล่นหรือเปล่า ช่างทำอาวุธบ้าคนไหนกันที่อุตริตีมีดทำครัวอาวุธกึ่งเทพขึ้นมา ประสาทกลับจนไม่รู้หรืออย่างไรว่ามันเปลืองทรัพยากรดีๆ ไปเปล่าๆ ปลี้ๆ น่ะ”

อู๋อวิ๋นไป่โกรธเกรี้ยวเป็นอันมาก! สิ่งที่ทำให้นางโมโหมากที่สุดคือนางสัมผัสได้ว่ามีดทำครัวนั้นมีระดับสูงกว่ากระบี่เมฆาหกเหินของนางเสียอีก!

อาวุธกึ่งเทพของตำหนักเมฆาขาวด้อยกว่ามีดทำครัว… ช่างน่าอายอะไรเช่นนี้

ปู้ฟางวิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ มีดทำครัวขยายขนาดใหญ่ขึ้นจนทำให้เขาต้องพาดมันไว้บนบ่า

ตอนแรกงูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬไม่ได้ใส่ใจปู้ฟางแม้แต่น้อย แต่ทันทีที่มีดทำครัวสีดำในมือเขาเริ่มเรืองแสงขึ้นแล้วเปลี่ยนสภาพเป็นมีดสีทองเจิดจ้า มันก็อึ้งจนทำอะไรไม่ถูก

ร่างของมันหยุดนิ่งอยู่กับที่เหมือนโดนน้ำแข็งจากขั้วโลกแช่แข็งเอาไว้ ความชั่วร้ายที่มีก่อนหน้านี้มลายหายไปหมดสิ้น!

โฮก!

เสียงคำรามของมังกรดังออกจากมีดทำครัว พุ่งกังวานไปในอากาศราวกับว่ามังกรเทพกำลังท่องอยู่ในผืนนภา

ตึง… บรรดามนุษย์อสรพิษพากันคำนับต่ำกว่าเดิมบนพื้น ต่างรู้สึกราวกับเลือดในกายกำลังเดือดพล่าน สวรรค์ช่วย… เสียงมังกรคำราม! มีดทำครัวนั่น… ทำมาจากกระดูกมังกรรึ!

“โลกนี้มันสูญสิ้นมโนสำนึกของความเป็นคนไปหมดแล้วรึ กระดูกมังกร… เอามาทำมีดทำครัวเนี่ยนะ ช่างน่าเสียดายของอะไรเช่นนี้!”

นี่คือความคิดของทุกคนในที่แห่งนี้ การอุตริตีมีดทำครัวขึ้นจากกระดูกมังกรนั้น… ไม่ว่าจะตีลังกามองอย่างไรก็เสียของชัดๆ

แต่ปู้ฟางไม่ได้สนใจว่าคนอื่นคิดเช่นไร… มีดทำครัวนี้เป็นหนึ่งในอุปกรณ์พ่อครัวเทพของเขา เอากระดูกมังกรมาทำมีดทำครัวแล้วมันจะอย่างไรเล่า

ชายหนุ่มมาหยุดอยู่ตรงหน้าฝักบัวของดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง แล้วสูดลมหายใจเข้าสองสามครั้ง

เสียงกรีดร้องดังมาจากด้านบน งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬพุ่งตรงมาหาเขา แต่พลังกดดันของมันก่อนหน้านี้หายไปหมดสิ้นแล้ว

หากเทียบกับพลังของมังกรแล้ว พลังของเจ้างูนี่… ก็เป็นได้แค่ไส้เดือนเท่านั้นละ!

ปู้ฟางยืนอยู่เบื้องหน้าดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง พลางมองงูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬที่กำลังเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง เขาค่อยๆ วาดมือที่จับด้ามมีดทำครัว… จากนั้นก็ฟาดคมมีดออกไปทันที

มีดทำครัวทอแสงเจิดจ้าระยิบระยับ ส่งการโจมตีรูปครึ่งวงกลมสวยงามออกไปในอากาศ ก่อนปะทะเข้ากับงูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬอย่างจัง