เซียวเฟิงเข้าใจได้แล้วว่าตอนนี้ภาคีพาลาดินทั้งหมด อยู่ในสถานะมอนสเตอร์กันหมดแล้ว ต้นเหตุมันมาจากการที่เขาพา NPC เข้ามาในเขตของสงครามป้องกันแคมป์นั่นแหละ
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทางทิศเหนือถึงไม่มีมอนสเตอร์มาล่ะ?”
ในระหว่างที่เซียวเฟิงกำลังพยายามตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นั้น ผู้เล่นคนอื่น ๆ ก็กำลังดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้
การต่อสู้จาก 3 ทิศที่เหลือนั้นเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ไม่ว่าฝั่งของผู้เล่นมิดซัมเมอร์จะพยายามโจมตีสักเท่าไหร่ มอนสเตอร์ที่ถาโถมเข้าไปก็ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นอะไรเลย
กลับกันกลับเป็นฝ่ายของผู้เล่นที่บาดเจ็บล้มตายกันลงไปทุกวินาทีเสียเอง มีกลุ่มแสงเกิดขึ้นให้เห็นอยู่เป็นพัก ๆ เนื่องจากศพของผู้เล่นเมื่อตายจะกลายเป็นแสง หากพวกเขาไม่กลายเป็นแสงและปล่อยร่างทิ้งเน่าเหมือนศพคนจริง ๆ ล่ะก็ ภาพตรงหน้าคงหดหู่น่าดู
มีเพียงทางทิศเหนือเท่านั้นที่ยังคงเงียบสงบอยู่ ไม่มีแม้กระทั่งกองทัพมอนสเตอร์จำนวนมหาศาล ยามที่จ้องมองไปยังพื้นที่โล่งทางทิศนั้น ผู้เล่นที่กำลังตั้งใจกับการตั้งรับต่างก็ต้องหันมองหน้ากันเองด้วยความสับสน
“มอนสเตอร์ไปไหนกันหมดน่ะ? ทำไมไม่มีมอนสเตอร์อยู่ที่นี่เลย?”
“ไม่! มีมอนสเตอร์อยู่ตรงโน้น! แต่พวกมันน้อยมาก ๆ พวกนายก็เลยยังมองไม่เห็นกัน!”
ใครบางคนที่เป็นต้นหนคอยสอดส่องมอนสเตอร์ก่อนเข้าปะทะกำลังเพ่งมองไปยังกลุ่มของพาลาดินในชุดเกราะสีเงินที่ปลดปล่อยออร่าน่าเกรงขามออกมาตลอดเวลา
แม้ว่าพวกเขาจะมีกันถึง 1,000 นาย แต่เมื่อเทียบกับมอนสเตอร์หลักล้านตัวแล้ว ภาคีพาลาดินเหล่านี้แทบจะไม่มีอะไรเทียบเท่าได้เลย ไม่น่าแปลกใจหากพวกเขาจะไม่กลายเป็นจุดสังเกตจนกว่าจะเดินเข้าใกล้แคมป์จริง ๆ
“ทำไมถึงมีแค่นิดเดียวเอง? บอสก็ยังไม่มาสักหน่อย หรือว่านั่นจะเป็นมอนสเตอร์ระดับอีลิทเหรอ?”
มีผู้เล่นบางคนคิดขึ้นได้ว่าภายในบรรดาเวฟมอนสเตอร์เหล่านี้ก็น่าจะมีเวฟของบอสอยู่ด้วย และจะมีเพียงบอสเท่านั้นที่จะมีมอนสเตอร์ระดับอีลิทคอยคุ้มกันกับโจมตีไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งทุกครั้งที่มันปรากฏตัว นั่นหมายถึงผู้เล่นจะต้องเจอกับความยากลำบากอันมหาศาล ไม่มีใครสามารถยับยั้งการเดินทัพของบอสได้ และเพราะไม่มีใครยับยั้งพวกมันได้ ผู้เล่นจะต้องตายกันอีกมากมายด้วยเงื้อมมือของมัน!
มอนสเตอร์ที่มากับเวฟของบอสนั้นมีจำนวนไม่มาก บางครั้งก็มีแค่หลักพัน แต่เพียงเท่านี้ก็ทำความเสียหายได้มหาศาลกว่าเวฟมอนสเตอร์ปกติแล้ว และเมื่อไหร่ก็ตามที่บอสใช้สกิลอันทรงพลังของมัน แม้จะเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ก็สามารถฆ่าผู้เล่นได้ราวกับมดปลวกเลย
“ต่อให้เป็นบอสก็จริง แต่มันก็มีผู้คุ้มกันไม่ถึงพันตัวเองไม่ใช่หรือไงน่ะ?”
“ฉันว่าจำนวนของมันไม่น่าจะทำให้พลังของพวกมันลดลงนะ นี่ คิดว่ามอนสเตอร์พวกนี้แข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ธรรมดาหรือเปล่า?”
“มีฮันเตอร์ที่พอจะใช้สกิลตรวจสอบระดับสูงได้ไหม? ช่วยตรวจดูความสามารถของการ์ดพวกนี้ให้หน่อย”
“เชี่ยเอ้ย!? พวกนี้เป็นมอนสเตอร์เลเวล 30 หมดเลยนี่หว่า!? ตัวกัปตันนั่นเป็นบอสระดับเทพเจ้าเลเวล 30! ส่วนหัวหน้ากอง 2 ตัวนั้นเป็นบอสระดับทอง! แล้วไหนจะหัวหน้าหน่วยย่อยทั่วไปยังเป็นบอสทั้งหมดอีก! แบบนี้พวกเราจะสู้ยังไงน่ะ? โดยเฉพาะไอ้ตัวที่อยู่หน้าสุด ฉันตรวจสอบอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”
ฮันเตอร์ระดับสูงบางคนรีบใช้ทักษะตรวจสอบขั้นสูงเพื่อเช็คความสามารถของสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นมอนสเตอร์ และเมื่อเขาได้เห็นเลเวลของเหล่าภาคีพาลาดิน ผู้เล่นทุกคนต่างก็ตกตะลึงเป็นไก่ตาแตกกันหมด
โดยเฉพาะ ‘ไอ้ตัวที่อยู่หน้าสุด’ ที่ว่าไม่สามารถตรวจสอบได้นั้น พวกเขากำลังหมายถึงเซียวเฟิงที่สวมหน้ากากกระโหลกอยู่ เพราะงั้นทั้งเลเวลและค่าสถานะต่าง ๆ ของเซียวเฟิงจึงถูกซ่อนเอาไว้โดยสมบูรณ์ ทักษะการตรวจสอบทั่ว ๆ ไปนั้นไม่สามารถตรวจหาเลเวลหรือค่าสถานะของเขาได้เลย สิ่งที่ปรากฏจะเป็นเพียงเครื่องหมายคำถามเท่านั้น
???
??? : ???
???/???
???/???
อีกฟากหนึ่ง เซียวเฟิงมองไปยังกัปตันโบลตันและเหล่าลูกน้องของเขาที่มีชื่อเป็นสีแดงไปแล้ว จากนั้นก็หลุดยิ้มกว้างออกมาเมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
เห็นได้ชัดเลยว่าภาคีพาลาดินผู้ซื่อสัตย์และแข็งแกร่งเหล่านี้กำลังแผ่ความเกลียดชังเข้าใส่แคมป์ของกิลด์มิดซัมเมอร์ นั่นหมายถึงชายหนุ่มไม่จำเป็นต้องทำอะไรด้วยตนเองทั้งนั้น!
“ไปกันเถอะ” เขาพูด
ด้วยการที่ได้ผู้ช่วยชั้นยอดเช่นนี้ เซียวเฟิงรู้สึกมีความสุขและผ่อนคลายสุด ๆ เขาเพียงเอ่ยสั่งการด้วยคำพูดสั้น ๆ จากนั้นทั้งเขาและภาคีพาลาดินทั้งหมดก็มุ่งหน้าเข้าหาแคมป์กิลด์ตรงหน้าทันที
มันทำให้ตอนนี้ทางทิศเหนือที่เคยเงียบสงบนั้น ถูกจับจ้องไปด้วยสายตาของผู้เล่นที่เริ่มสงสัยแล้วว่าทำไมมันถึงเงียบสงบเช่นนี้ ความสงสัยนั้นถูกทลายลงในไม่ช้าเมื่อเหล่าภาคีพาลาดินปรากฏตัวขึ้นในระยะสายตาของพวกเขาทุกคน
“อะไรน่ะ? ไม่มีมอนสเตอร์ทางทิศเหนือ แต่กลายเป็นว่ามีทัพของพาลาดินโผล่ขึ้นมาแทนงั้นเหรอ? แถมดูจากชุดเกราะแล้วพวกนั้นน่าจะเป็นพาลาดินของวิหารแห่งแสงซะด้วยสิ”
“พาลาดินพวกนั้นไม่ใช่สิ่งที่ระบบเตรียมไว้แน่ ๆ เพราะมีคนเห็นว่าพวกเขาเดินทางมาจากทางทิศเหนือแล้วน่าจะเผอิญหลุดเข้ามาในเขตสงครามพอดี เลยโดนระบบขอเข้ามา เพราะงั้นไม่ผิดแน่ พาลาดินเหล่านี้ คือภาคีพาลาดินของวิหารแห่งแสงชัวร์ ๆ!”
“ถ้างั้นก็แสดงว่าทางทิศนี้จะไม่มีมอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้นมาแล้วสินะ เพราะภาคีพาลาดินน่ะ แข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ธรรมดาทั่วไปอีกมากเลยทีเดียวใช่ไหม?”
“เวรเอ้ย! นี่พวกนายได้ยินไหม? ฮันเตอร์ของมิดซัมเมอร์บอกว่าพาลาดินพวกนั้นเป็นบอสเลเวล 30 กันหมดเลยนะ! แถมตัวที่อยู่หน้าสุดนั่นยังระบุเลเวลไม่ได้อีก! นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วนะเว้ย! มิดซัมเมอร์นี่โคตรโชคร้ายเลยจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เกือบจะชนะสงครามแล้วแท้ ๆ แต่ดันต้องมาเจอภาคีพาลาดินในเวฟท้าย ๆ แบบนี้ซะได้!”
ความหวาดกลัวของผู้เล่นก่อตัวกันหนาขึ้นที่ทิศเหนือของแคมป์กิลด์มิดซัมเมอร์ ไม่ว่าจะเป็นของผู้เล่นในมิดซัมเมอร์ที่คอยคุ้มกันยังทิศนั้นหรือจะเป็นผู้เล่นที่กำลังรับชมสงครามอยู่ก็ตาม ที่ดูจะหวาดกลัวสุดก็น่าจะเป็นเหล่าผู้เล่นระดับสูงของกิลด์มิดซัมเมอร์ที่ตอนนี้พากันมารวมตัวกันที่ทิศเหนือเพื่อดูการเคลื่อนทัพอย่างช้า ๆ ของภาคีพาลาดินด้วยความหวาดระแวงกันหมด
บอสเลเวล 30 พวกนี้คืออะไรกัน? ไม่มีอะไรที่จะหยุดพวกมันได้ทั้งนั้น ไม่แม้แต่จะเป็นทะเลมนุษย์ก็ตาม ภาคีพาลาดินทั้ง 1,000 นายก็ไม่ต่างอะไรกับเครื่องตัดกระดาษ และกระดาษในที่นี้ก็คือพวกเขาทั้งหมด ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เห็นทางรอดเลย เพราะงั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงวิธีรับมือ
“มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง…?!”
ใบหน้าสวยของโรสซีดเผือดลงไปโดยพลัน เธอไม่สามารถสงบนิ่งดั่งที่เป็นอยู่ตามปกติได้อีกต่อไป สิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้ก็คือการยืนมองเหล่าภาคีพาลาดินที่เคลื่อนทัพมาจากทางทิศเหนือเท่านั้น…
เธอรู้แล้วว่ากัปตันในทัพนั้นคือบอสระดับเทพเจ้าเลเวล 30 ส่วนหัวหน้ากองทั้ง 2 เป็นบอสระดับทองเลเวลเท่ากัน แค่บอสกัปตันหลุดเข้ามาตัวเดียว แคมป์ที่เป็นเมืองขนาดเล็กของเธอก็ถูกทำลายได้ง่าย ๆ แล้ว นี่ข้างหลังมันยังมีบอสมากมายติดตามมาอีก
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทำให้พวกเธอรู้สึกกดดันมากที่สุด ก็คือแม่ทัพที่นำเหล่าภาคีพาลาดินมาตนนั้นที่ไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้เลย
“แม่ทัพนั่นดูคุ้น ๆ หรือเปล่า?”
“นายหมายถึงคนที่นำทัพภาคีพาลาดินมาน่ะเหรอ? จะว่าไปชุดของเจ้านั่นก็ดูคุ้น ๆ อยู่นะ”
ยิ่งเหล่าภาคีพาลาดินเดินทัพเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ทุกสายตาก็เริ่มจะจับจ้องมายังเซียวเฟิงมากขึ้น
ถึงแม้ว่าตอนนี้เซียวเฟิงจะสวมหมวกที่คล้ายกับกระโหลกมังกรและใบหน้าก็ถูกปกปิดไว้โดยหน้ากากกระโหลกที่มีดวงไฟปรากฏขึ้นในตำแหน่งดวงตาแล้วก็จริง แต่ส่วนที่เหลือของร่างกายของเขาก็ยังคงเหมือนกับแต่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการลงดันเจี้ยนหรือปรากฏตัวในไลฟ์สตรีมของใคร เขาก็มักจะสวมใส่ชุดอุปกรณ์ชุดนี้เสมอ ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นหลายคนเริ่มจะจำภาพของเขาขึ้นมาได้บ้างแล้ว
“เหล่าสวี นายรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาแม่ทัพภาคีพาลาดินได้ไหม?”
ใครสักคนส่งข้อความไปถามเหล่าสวีในช่องแชทสาธารณะ ซึ่งทำให้ผู้เล่นที่กำลังรับชมการไลฟ์สตรีมอยู่นั้นต่างก็เห็นข้อความนี้ด้วยกันหมด ในตอนนี้เหล่าสวีกำลังไลฟ์มาจากภายในแคมป์ของมิดซัมเมอร์ เขาไม่ใช่ผู้เล่นสายต่อสู้ก็จริง แต่ด้วยชื่อเสียงของเขา แคมป์นี้ก็ต้อนรับให้เขาเข้ามาได้เสมอ ดังนั้นเขาจึงสามารถจะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ
“เดี๋ยวก่อนนะ ที่ทิศเหนือเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
หลังจากที่ได้เห็นข้อความ เหล่าสวีก็เริ่มคุยกับผู้ชมในช่องไลฟ์ของเขา ทันทีที่รู้ได้ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นทางทิศเหนือ เขาก็รีบมุ่งหน้าไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มขึ้นไปยืนอยู่ข้าง ๆ โรสและคนอื่น ๆ นั่นเพราะจุดนั้นเป็นจุดที่ดีที่สุดที่จะสังเกตการณ์รอบนอกเมืองได้อย่างกว้างขวาง
“เดี๋ยวสิ นั่นเจ้าแห่งฮีลเลอร์ไม่ใช่เหรอ?”
เหล่าสวีจ้องไปยังเซียวเฟิงและจำได้ในทันที
“หา?”
“เฮ้ ๆๆ นั่นพี่เซียวป่ะน่ะ?”
“ใช่! นั่นเขาล่ะ!”
ขณะเดียวกัน เฉียนโตวโตวและคนอื่น ๆ ที่อยู่บนหินก้อนใหญ่ก็จำเซียวเฟิงได้เช่นกันเพราะหินก้อนนั้นตั้งอยู่ในทำเลที่ดี กระนั้นแล้วพวกเธอก็ยังอดงุนงงไม่ได้
“อะไรกันน่ะ?”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ไม่นานนักทั้งผู้เล่นทั้งสองแสนคนที่อยู่แนวหน้า รวมถึงผู้เล่นที่กำลังดูการต่อสู้ และผู้เล่นระดับสูงของกิลด์มิดซัมเมอร์ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า แม่ทัพภาคีพาลาดินในครั้งนี้ คือเซียวเฟิงอย่างแน่นอน
“มีคนบอกมาว่าภาคีพาลาดินพวกนี้ไม่ได้ปรากฏขึ้นมาจากจุดเกิดมอนสเตอร์ แต่พวกเขาเดินทัพมาจากทางทิศเหนือ…เจ้าแห่งฮีลเลอร์พาพวกเขามาที่นี่งั้นเหรอ?”
“แปลกมาก เจ้าแห่งฮีลเลอร์นำทัพภาคีพาลาดินเข้ามายังสงครามป้องกันแคมป์ของกิลด์มิดซัมเมอร์ล่ะ? หรือเขาเองก็อยากจะถล่มแคมป์ของมิดซัมเมอร์ด้วย?”
“ไม่ใช่ว่านายเองก็รู้อยู่แล้วเหรอว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์มีปัญหากับมิดซัมเมอร์มาตั้งนานแล้วน่ะ? คนที่ออกคำสั่งให้ฆ่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ตั้งแต่หมู่บ้านเริ่มต้นก็มิดซัมเมอร์นั่นแหละ”
“อืม…หรือว่าเขาจะมาล้างแค้นกันกลางสงครามแบบนี้เลยเหรอ?”
“เป็นไปได้! แล้วเจ้าแห่งฮีลเลอร์ก็ทำมันได้แน่ ๆ ! ฉันได้ยินมาว่าเขาน่ะเป็นที่ชื่นชอบในวิหารแห่งแสงจะตายไป! เพราะงั้นภาคีพาลาดินเหล่านี้ เขาต้องเป็นคนพามาเพื่อถล่มแคมป์ของมิดซัมเมอร์แน่ ๆ !”
“พวกนั้นเลเวล 30 กันหมดเลย! แล้วแถมบางตัวยังเป็นบอสอีกด้วย! มิดซัมเมอร์ไม่มีทางรับการโจมตีครั้งนี้ไว้ได้แน่ๆ!”
ผู้เล่นที่แอบดูสถานการณ์อยู่ในเงามืดต่างเริ่มวิเคราะห์เหตุผลในการมาถึงของภาคีพาลาดินเหล่านี้ ในขณะที่ผู้เล่นระดับสูงต่างมั่นใจกันแล้วว่าเป้าหมายของภาคีพาลาดินคืออะไร ความเครียดกำลังเข้าครอบงำพวกเขาทั้งหมดทีละนิด ๆ แล้ว
“พวกนั้นมาแล้ว! ยังไงซะพวกมันก็มีจำนวนไม่มากเท่าไหร่ แถมยังมาช้าด้วย! พวกเราต้องต้านไว้ให้ได้อีกไม่กี่นาทีเท่านั้น!”
เหล่าทัพหน้าของมิดซัมเมอร์กว่าสองแสนคนนั้นเตรียมพร้อมรับการปะทะแล้ว พวกเขาไม่ได้รู้ถึงสถานการณ์ ณ ปัจจุบันนี้เลย เพราะมั่นใจในจำนวนของพวกตนที่มากกว่าเป็นอย่างมาก อีกทั้งเสียงคุยกันของคนในทัพเองก็ดังมากจนพวกเขาไม่สามารถได้ยินเสียงของทัพอื่นที่คุยกันถึงเรื่องนี้ได้สะดวกนัก
ถึงอย่างนั้นก็ยังมีผู้เล่นบางส่วนที่เป็นคนดู กับผู้เล่นระดับสูงบางคนที่วิเคราะห์สถานการณ์ว่าศึกครั้งนี้ยังพอมีทางรอด เพราะภาคีพาลาดินมีจำนวนไม่ได้เยอะ ยังไงก็ทลายแนวป้องกันเข้ามาไม่ได้หรอก
ไม่นานนักภาคีพาลาดินก็มาถึงทัพหน้าของผู้เล่น มันเป็นการประจันหน้ากันระหว่างทัพผู้เล่นนับแสนและทัพของ NPC นับพัน ความแตกต่างของจำนวนนั้นเหมือนก้อนหินกับภูเขาก็มิปาน อย่างไรก็ตาม แม้จะมีจำนวนมากกว่า แต่ผู้เล่นก็รู้สึกได้ถึงออร่าแห่งความดุร้ายที่แผ่ซ่านออกมาจากเหล่าพาลาดินเกราะสีเงินตรงหน้าพวกเขานี้อยู่ตลอดเวลา ยิ่งเข้ามาใกล้เท่าไหร่ ออร่าพวกนั้นก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกสั่นเพราะความหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
เซียวเฟิงเงยหน้าขึ้นมองไปยังเวทีที่สูงส่งภายในแคมป์ของมิดซัมเมอร์ ที่ซึ่งเหล่าผู้เล่นระดับสูงของมิดซัมเมอร์ประจำการอยู่ ไม่ว่าจะเป็น โรส ลิลลี่ บราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่รวมไปถึงเหล่าสวีที่มารับชมการต่อสู้ก็ด้วย
กระโหลกที่ครอบหัวเขาอยู่นั้นทำให้เขาดูน่าเกรงขามขึ้นเป็นอย่างมาก มันทำให้เขาดูเหมือนมังกรที่กำลังจ้องมองฟ้าและพร้อมที่จะคำรามออกมาทุกเมื่อ และภายในส่วนที่เป็นปากของมันก็มีหน้ากากกระโหลกอีก 1 ชิ้นที่ส่วนของเบ้าตามีลูกไฟถูกจุดติดอยู่ตลอดเวลาข้างหนึ่ง แต่อีกข้างหนึ่งนั้นไร้ซึ่งแสงใด ๆ ดังนั้นแล้วจึงไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เซียวเฟิงกำลังคิดอะไรอยู่…
ทิศเหนือของแคมป์จุดนี้เงียบสงัด แม้จะมีผู้คนแต่กลับเงียบเชียบราวกับผู้คนได้กลายเป็นรูปปั้นไปหมดแล้ว นี่คือความเงียบ ก่อนสงครามจะดำเนินต่อ…ทุกสายตาก็กำลังจับจ้องไปยังเซียวเฟิง ผู้ที่เป็นแม่ทัพของภาคีพาลาดินในครั้งนี้
ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดอีกแล้ว เซียวเฟิงเพียงแค่ยกมือขึ้นช้า ๆ พร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยเสียงเบา
“ฆ่าให้หมด”
สิ้นเสียงสั่งการ ภาคีพาลาดินทั้งหมดก็ควบม้าพุ่งเข้าใส่เป้าหมายราวกับศรสีเงินที่พุ่งออกจากคันศรด้วยแรงที่พร้อมจะปะทะกับภูเขาผู้เล่นตรงหน้าแล้ว
“โจมตี!”
ในขณะเดียวนั้นเอง สกิลจำนวนนับไม่ถ้วนก็ถูกร่ายออกมาจากทางฝั่งผู้เล่น รวมถึงสรรพาวุธต่าง ๆ เองก็โหมกระหน่ำเข้าใส่ทัพพาลาดินที่พุ่งเข้าหาด้วย
สงครามเริ่มขึ้นแล้ว…!
พลาดเป้า!
พลาดเป้า!
พลาดเป้า!
พลาดเป้า!
-1!
พลาดเป้า!
…
การต่อสู้นี้ก็ไม่ได้มีความยุติธรรมมาตั้งแต่ต้นแล้ว ภาคีพาลาดินนั้นแทบจะไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเลยกลับกันกับที่เวลาพวกเขาเป็นฝ่ายโจมตี ผู้เล่นก็ถูกฉีกร่างออกได้อย่างง่ายดายราวกับกระดาษบาง ๆ ตอนนี้มันเหมือนกับว่าศรสีเงินทั้งพันดอกนี้ กำลังทำให้ทัพของผู้เล่นแตกพ่ายออกไปเรื่อย ๆ เสียแล้ว
“อ๊ากกกก!”
“บ้าน่า!? ป้องกันไม่ได้เลยเหรอ!”
“เป็นไปได้ยังไง…?”
“พวกนั้นมันเลเวลอะไรกันเนี่ย?!”
…
ผู้เล่นทัพหน้าแตกพ่ายเป็นส่วน ๆ ไปแล้ว ในขณะที่เหล่าภาคีพาลาดินก็ยังไม่หยุดยั้ง สิ่งที่พวกผู้เล่นทำได้ในตอนนี้…มีเพียงลดความเร็วการบุกทะลวงของภาคีพาลาดินเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถหยุดการเข้าโจมตีแคมป์ของพาลาดินเหล่านี้ได้อีกต่อไป…
“ขึ้นมาเร็ว! ทัพหลัง! เข้ามาเสริมเร็ว ๆ ! รั้งพวกนั้นเอาไว้ให้ได้!”
โรสที่กระวนกระวายรีบออกคำสั่งไปทันที และทันใดนั้นกลุ่มของผู้เล่นที่มีชื่อ ‘มิดซัมเมอร์’ อยู่บนหัวก็วิ่งเข้าปะทะกับเหล่าภาคีพาลาดินด้วยความเร็วสูงที่สุด ผู้เล่นกลุ่มนี้คือผู้เล่นระดับสูงและผู้เล่นหลักของมิดซัมเมอร์ พวกเขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะยับยั้งเหล่าพาลาดินเอาไว้ไม่ให้บุกเข้ามาถึงตัวแคมป์ได้
ทว่ามันก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะในเวลานี้ พวกเขายังคงไม่ต่างอะไรกับกระดาษทิชชู่เปียกน้ำเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าพาลาดินที่แข็งแกร่งแบบนี้ เพียงแค่อีกฝ่ายผลักเบา ๆ มันก็รุนแรงพอที่จะทำให้พวกเขากระอักเลือดได้เลย
“เริ่มออกล่าหัวได้เลย!”
โรสออกคำสั่งอีกครั้ง และคราวนี้เธอมองจ้องไปยังเซียวเฟิงที่อยู่นอกแคมป์ขณะออกคำสั่งด้วย
“หือ?”
เซียวเฟิงที่กำลังดูการเข้าปะทะกันของทั้งสองฝ่ายอยู่ด้านนอกราวกับเขาไม่มีอะไรต้องทำนั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เข้ามาหาตนจนต้องถอยออกไป เขาขี่เสี่ยวเสวี่ยออกจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว
และทันใดนั้นเอง พื้นที่ราบที่ชายหนุ่มเคยยืนอยู่เมื่อครู่ ก็มีกลุ่มของผู้เล่นอีกกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา พวกเขาทั้งหมดเป็นคลาสแอสซาซินที่ล่องหนมาตลอดทาง
ผู้นำกลุ่มนั้นไม่ใช่ใครอื่น…แต่คือไนท์ คูนเนอร์!