บทที่ 210 ข้าจะไปส่งนาง

จางซิ่วเอ๋อกำลังจะพูดปฏิเสธ

คิดไม่ถึงว่าคุณชายฉินจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นและกล่าว “ข้าจะไปส่งนางกลับบ้านเอง”

พูดมาถึงตรงนี้ คุณชายฉินก็หรี่ตาลงและมองเถ้าแก่เฉียนอย่างข่มขู่

เถ้าแก่เฉียนรีบหัวเราะแห้ง ๆ “เป็นข้าละลาบละล้วงเกินไป ในเมื่อมีคุณชายฉินไปส่งแม่นางซิ่วเอ๋อกลับบ้านแล้ว ข้าก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงอะไรขอรับ”

คุณชายฉินพูดจบก็ลุกขึ้นและพยุงจางซิ่วเอ๋อออกเดิน

เถ้าแก่เฉียนรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย “คุณชายฉิน ท่านไม่อยู่นานกว่านี้อีกหน่อยหรือขอรับ?”

“ไม่ล่ะ” คุณชายฉินเอ่ยเรียบ ๆ

เถ้าแก่เฉียนชินกับพฤติกรรมเช่นนี้ของคุณชายฉินแล้ว เวลานี้จึงได้แต่ปั้นหน้ายิ้มและขอให้เสี่ยวเอ้อช่วยขนของที่จางซิ่วเอ๋อซื้อมาและฝากไว้ที่โรงเตี๊ยมไปวางไว้ในรถม้าของคุณชายฉินด้านนอก

ตวนอู่เห็นคุณชายฉินพยุงจางซิ่วเอ๋อออกมา สายตาเต็มไปด้วยความอึ้งงันและประหลาดใจ

ผ่านไปพักหนึ่ง เขาก็ส่ายหน้าและนึกรำพึงในใจ เอาเถอะ ๆ เขาเองก็ชินแล้วที่คุณชายตัวเองปฏิบัติกับจางซิ่วเอ๋อแตกต่างไปจากคนอื่น

มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าถ้าเป็นตอนปกติอย่าว่าแต่คุณชายของตนพยุงหญิงสาวสักคนเลย ต่อให้มีหญิงสาวชิดใกล้เข้ามา คุณชายตัวเองก็จะผลักออกทันที

พอเป็นจางซิ่วเอ๋อ สถานการณ์กลับเป็นตรงกันข้าม

ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าคุณชายของตัวเองเป็นฝ่ายไปชิดใกล้จางซิ่วเอ๋อกันนะ?

ตวนอู่ขับรถม้ามุ่งหน้าตรงไปที่หมู่บ้านชิงสือ ซึ่งการไปหมู่บ้านชิงสือครั้งนี้เรียกได้ว่ารู้ทางหมดแล้ว

ทุกครั้งที่รถม้าของตระกูลฉินมาที่หมู่บ้านชิงสือ ก็มักจะสร้างความแตกตื่นอยู่เสมอ

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ทันทีที่รถม้าของตระกูลฉินเข้ามาในหมู่บ้านชิงสือ คนแทบทั้งหมู่บ้านก็จะรับรู้ และวิ่งออกมามุงดูกันหมด

จางอวี่หมินก็วิ่งออกมาด้วยความกระตือรือร้นเช่นกัน

ถึงแม้คราวก่อนคุณชายฉินจะหักหน้านาง แต่นางก็ไม่อยากปล่อยคุณชายฉินไปอยู่ดี

ตอนนี้นางก็กำลังดูตัวแต่งงานอยู่ แต่เมื่อเทียบกันแล้วคนในเมืองกลับเทียบคุณชายฉินไม่ติด

ขอเพียงนางได้รับความเอ็นดูจากคุณชายฉินก็จะได้กลายเป็นคนเหนือคน นางจะยอมปล่อยโอกาสดี ๆ แบบนี้ไปได้อย่างไร?

แต่ครั้งนี้จางอวี่หมินไม่ทันจะนาบตัวเองเข้าไปด้วยซ้ำ ตวนอู่ก็เคลื่อนรถม้าเข้าไปที่ข้างป่าอย่างรวดเร็ว

สายตาของจางอวี่หมินเต็มไปด้วยความเคียดแค้น มาถึงขนาดนี้แล้วคุณชายฉินยังจะมาหาจางซิ่วเอ๋ออีก!

ดีที่รถม้าบดบังสายตาของผู้คนไว้ จึงไม่มีใครเห็นคุณชายฉินพยุงจางซิ่วเอ๋อลงจากรถม้า มิฉะนั้นไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องฮือฮาแบบไหนขึ้นอีก!

ตอนที่คุณชายฉินพาจางซิ่วเอ๋อมาถึงหน้าประตูบ้านผีสิง ก็พบเข้ากับเนี่ยหย่วนเฉียวที่นำเหยื่อกลับมาพอดี

สายตาของเนี่ยหย่วนเฉียวมองไปที่จางซิ่วเอ๋อ

จางซิ่วเอ๋อที่กำลังเมายืนทรงตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนนี้ต้องพึ่งการพยุงจากคุณชายฉิน

สายตาของเนี่ยหย่วนเฉียวมืดครึ้มลงทีละนิด สีหน้าก็เย็นยะเยือกขึ้น ราวกับพายุกำลังจะกระหน่ำ

ส่วนคุณชายฉินมีรอยยิ้มบางประดับบนใบหน้า มองเนี่ยหย่วนเฉียวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ

เนี่ยหย่วนเฉียวก้าวยาว ๆ เข้าไป ยื่นมือจะดึงจางซิ่วเอ๋อเข้ามาในอ้อมอกตัวเอง

แต่คุณชายฉินไม่ยอมปล่อยมือ บัดนี้ทั้งสองดูเหมือนเริ่มประชันกันในทีแล้ว

สายตาของทั้งคู่มองสบกัน

เสียงของเนี่ยหย่วนเฉียวเย็นเยือก “ปล่อยมือ!”

คุณชายฉินคลี่ยิ้ม “ถ้าข้าไม่ปล่อยล่ะ?”

“ปล่อยมือ!” เสียงของเนี่ยหย่วนเฉียวเข้มขึ้นอีก

ที่จริงเขาสามารถออกแรงดึงจางซิ่วเอ๋อเข้ามาได้เลย แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้นและไม่อยากทำเช่นนั้น

เห็นท่าทางเมามายของจางซิ่วเอ๋อที่เป็นเหมือนแมวน้อยแล้ว เขาก็ไม่อยากจะรบกวนจางซิ่วเอ๋อ

แต่พอเห็นจางซิ่วเอ๋ออยู่กับคุณชายฉินแบบนี้ ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกเหมือนมีไฟสุมขึ้นในใจ

คุณชายฉินหัวเราะ “เจ้านี่เป็นคนตลกจริง ๆ เจ้าเป็นอะไรกับนางรึ? มีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ข้าปล่อยมือ?”

เนี่ยหย่วนเฉียวอ้าปาก และพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ตามหลักแล้วเขาคือสามีของจางซิ่วเอ๋อ แต่หากพูดไปแบบนั้นเขาเองก็รู้สึกว่าพูดได้ไม่เต็มปาก

คุณชายฉินพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “เจ้ารู้ไหม คุณชายใหญ่ตระกูลเนี่ยขึ้นสวรรค์ไปแล้วนะ คนที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นเพียงผีไร้นามเท่านั้น”

สีหน้าของเนี่ยหย่วนเฉียวไม่สู้ดีนัก บัดนี้ทั้งกายเย็นเฉียบไปหมด

“ฉินเจา! เช่นนั้นแล้วเจ้ามาอยู่ที่นี่ด้วยฐานะอะไรล่ะ?” เนี่ยหย่วนเฉียวหรี่ตาลง มีแววดุดันแวบผ่านไป

หลังจากที่เนี่ยหย่วนเฉียวเรียกชื่อฉินเจาออกมา สายตาของคุณชายฉินก็ฉายแววตื่นตระหนกขึ้นเล็กน้อย ราวกับเนี่ยหย่วนเฉียวไปล่วงรู้ความลับอะไรของเขาเข้า

คุณชายฉินปล่อยมือ มองจางซิ่วเอ๋อล้มใส่อ้อมอกของเนี่ยหย่วนเฉียว หัวเราะเบา ๆ และหันหลังเดินกลับไป

ตวนอู่ตามหลังคุณชายฉินไปด้วยความระมัดระวัง เขารู้ว่าเสียงหัวเราะเบา ๆ เมื่อครู่นี้ของคุณชายไม่ได้เป็นเพียงการหัวเราะธรรมดา แต่เป็นการบ่งบอกว่าคุณชายกำลังโมโห ถึงได้หัวเราะเช่นนี้

เป็นเสียงหัวเราะที่ไม่เหมือนกับเสียงหัวเราะปกติของคุณชาย

ก่อนพบจางซิ่วเอ๋อ ทุกครั้งที่คุณชายหัวเราะก็จะเป็นการหัวเราะเบา ๆ เช่นนี้ หากหัวเราะเช่นนี้ก็แสดงว่าคุณชายกำลังไม่สบอารมณ์ และมีคนกำลังจะโชคร้าย

เนี่ยหย่วนเฉียวมองคุณชายฉินจากไปด้วยสีหน้ามืดครึ้มราวกับฝนจะตก เขามองจางซิ่วเอ๋ออย่างเป็นห่วง “เป็นคนที่ไม่ทำให้คนอื่นเบาใจได้เลย ไปพัวพันกับเขาได้อย่างไรกันนะ?”

ฉินเจาเป็นใครกัน ไม่ว่าการที่เขาเข้าใกล้จางซิ่วเอ๋อนั้นจะมีจุดประสงค์อะไร หากสองคนนี้ต่างคนต่างอยู่ไปได้เรื่อย ๆ ก็ช่างเถอะ แต่ถ้ามีคนหนึ่งถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องเสียเปรียบ คนนั้นต้องเป็นจางซิ่วเอ๋ออย่างแน่นอน

เนี่ยหย่วนเฉียวคิดมาถึงตรงนี้ก็พลันชะงักไป

เขากำลังทำอะไรอยู่? ดูเหมือนเขาจะอยากปกป้องจางซิ่วเอ๋อโดยไม่รู้ตัว

การปกป้องแบบนี้เป็นไปเพราะจุดประสงค์อะไร? ในตอนนี้เนี่ยหย่วนเฉียวยังคิดไม่ออก สุดท้ายเขาจึงให้คำตอบตัวเองว่านั่นก็เพราะตัวเองรู้สึกผิดต่อจางซิ่วเอ๋อมาก จึงหวังว่าจางซิ่วเอ๋อจะมีอนาคตที่ดี

จึงไม่อยากให้จางซิ่วเอ๋อเสียเปรียบ

เขาก็รู้ว่าตัวเองเหมือนจะไม่มีจุดยืนอะไรในการทำแบบนี้ บางทีจางซิ่วเอ๋ออาจจะไม่ต้องการให้ตัวเองทำแบบนี้ แต่เขาก็ยังอดไม่ได้

เนี่ยหย่วนเฉียวส่งจางซิ่วเอ๋อไปจนถึงห้องนอน พยุงจางซิ่วเอ๋อขึ้นไปนอนบนเตียงเบา ๆ สุดท้ายก็ห่มผ้าห่มให้จางซิ่วเอ๋อ แล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ทำไมถึงดื่มเหล้าไปเยอะขนาดนี้นะ?”

แน่นอนว่าจางซิ่วเอ๋อในตอนนี้ไม่ได้ยินสิ่งที่เนี่ยหย่วนเฉียวพูด

นางจะไปรู้ว่าอย่างไรว่าสุรานี้จะมีฤทธิ์แรงขนาดนี้ หากนางรู้ก็คงไม่ยอมดื่มสักจอก นางสำนึกเสียใจอย่างเหลือแสนตั้งแต่ก่อนจะสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียอีก

เนี่ยหย่วนเฉียวยืนเพ่งพินิจอยู่ตรงนั้นสักพัก

ใบหน้าจางซิ่วเอ๋อในตอนนี้แดงนิดหน่อย แม้นางจะยังผอมบางอยู่มาก แต่อย่างไรเสียหน้าตาก็เริ่มเปล่งปลั่งแล้ว ต่างจากตอนแรกอย่างมาก

นางไม่ได้มีหน้าตาสะสวยนัก แต่ไม่รู้ทำไม เนี่ยหย่วนเฉียวถึงรู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อแลดูน่ามองไม่น้อย

เนี่ยหย่วนเฉียวมองไปมองมาก็ชะงัก ไม่รู้ว่าคิดไปถึงไหนต่อไหน

“พี่หนิงอัน” จางชุนเถาเดินเข้ามาจากด้านนอกแล้วก็เห็นเนี่ยหย่วนเฉียวยืนอยู่ในห้อง จึงอดส่งเสียงเรียกไม่ได้