กู้ชูหน่วนกะพริบตาอย่างใสซื่อ “เป็นพวกเจ้าที่พาข้าวิ่งอยู่ตลอด ทำเหมือนข้าเป็นผู้หญิงอ่อนแอไร้กำลังตอบโต้ เช่นนั้นข้าจะไม่ต้องเติมเต็มความเป็นชายชาตรีของพวกเจ้าสักหน่อยหรือ”

“…….”

เซียวหยู่เซวียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

สีหน้าของชายหนุ่มก็ไม่น่าดูเช่นกัน

มีดมากมายเพียงนี้ เท่ากับว่าพวกเขาโดนไปโดยไร้ความหมายแล้ว

เห็นว่ามีคนอีกกลุ่มหนึ่งมาล้อมพวกเขาไว้อีกแล้ว ดวงตาที่เย็นยะเยือกของกู้ชูหน่วนหรี่ลงเล็กน้อย ยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “ตัวละครหลักขึ้นเวทีแล้ว”

เซียวหยู่เซวียนและชายหนุ่มเงยหน้าในพริบตานั้น ทั้งหมดแข็งทื่อไปแล้ว

ดวงตาอันเย็นชาของชายหนุ่มหดลงอย่างฉับพลัน หายใจหนักขึ้น แม้แต่ร่างกายก็สั่นไหวเล็กน้อย

กู้ชูหน่วนดูออก

เขากำลังกลัว กลัวคนกลุ่มนี้

เซียวหยู่เซวียนกลับพ่นออกมาคำหนึ่งด้วยความเคร่งขรึมอย่างไร้ที่เปรียบ “ใบหน้าหัวกะโหลก พวกเจ้าเป็นคนกองธงที่สิบสองของเผ่าปีศาจ?”

เผ่าปีศาจ

เหอะ เผ่าปีศาจของโลกจอมยุทธหรือ?

กู้ชูหน่วนสังเกตฝ่ายตรงข้ามด้วยความตั้งใจอย่างละเอียด

กลับเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามมีเพียงสามสิบหกคน มือของแต่ละคนถือธงประจำเผ่า ร่างกายคลุมด้วยชุดคลุมสีดำตัวใหญ่ บนใบหน้าสวมหน้ากากหัวกะโหลก

ผู้นำเป็นชายหนุ่มอายุไม่มาก ชายหนุ่มกลับไม่ได้สวมหน้ากาก หน้าตางดงามน่าดู เพียงแต่ในตามีแววความโหดเหี้ยมออกมาอยู่บ่อยๆ ไม่ว่ายังไงก็ทำให้คนชอบขึ้นมาไม่ได้

คนผู้นี้นิ่งสงบจนไม่มีลมหายใจแม้แต่น้อย เหมือนดั่งคนธรรมดาผู้หนึ่ง

แต่พวกเขาล้วนรู้ ยิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยืนยันได้ว่าวิทยายุทธของพวกเขายิ่งสูง

เซียวหยู่เซวียนเก็บการกระเซ้าเย้าแหย่ตามปกติไว้ ปกป้องกู้ชูหน่วนไว้ด้านหลัง “ยังอัปลักษณ์ เจ้ารับวิ่ง วิ่งกลับจวนอ๋องหานหรือราชวิทยาลัยก็ได้ จำไว้ สักนาทีเดียวก็ห้ามหยุด ยิ่งเร็วยิ่งดี”

กู้ชูหน่วนหันไปทางไกลแล้วทำปากจู๋ “ทุกที่ล้วนเป็นมือธนู ข้าเกรงว่าทันทีที่ขยับก็ถูกยิงจนพรุนเป็นรังแตนแล้ว”

เซียวหยู่เซวียนแหงนหน้า กลับเห็นว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บนหลังคาเป็นไปด้วยมือธนู แต่ละคนโก่งคันธนูเต็มที่ เพียงแค่พวกเขามีความไม่ชอบมาพากลแม้แต่นิดเดียว ธนูนับหมื่นก็จะยิงพร้อมกัน

เขากังวลใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน

“จอมยุทธหนุ่มท่านนั้น ข้าจะรั้งพวกเขาไว้ เจ้าพานางจากไปได้หรือไม่”

ชายหนุ่มส่ายหน้า “เพียงแค่เป็นคนที่ถูกพวกเขาเพ่งเล็งไว้ ไม่ว่าจะสุดขอบฟ้ามหาสมุทร ก็หนีไม่พ้นแล้ว”

“ยังไม่ได้สู้เลยนะ เจ้าก็พยายามเพิ่มปณิธานของคนอื่นอย่างเต็มที่แล้ว” เซียวหยู่เซวียนเบ้ปาก

เจียงซวี่คนของเผ่าปีศาจกล่าวด้วยความชั่วร้าย “เขาพูดไม่ผิด เพียงแค่เป็นคนที่ถูกพวกเราจับจ้อง แม้ว่าเขาจะมีปีกเป็นร้อยคู่ก็บินไม่ได้ เหมือนดั่งเขา…….ชั่วชีวิตก็ทำได้เพียงฝืนดำรงชีวิตต่อไป มีชีวิตอยู่ภายใต้เงาของธงสัญลักษณ์ประจำกองสิบสอง”

“หมายความว่าอะไร?” เซียวหยู่เซวียนตะลึง

กู้ชูหน่วนเข้าใจอะไรบางอย่างรางๆแล้ว และเหมือนกับว่าก็ไม่ได้เข้าใจ

กลับเห็นเจียงซวี่มองดูบาดแผลนับไม่ถ้วนของชายหนุ่มจากบนลงล่างเหมือนดั่งมองดูมดตัวหนึ่งเช่นนั้น

“ให้เจ้ามา ก็เพื่อปกป้องนางหรือ? ยังไม่ฆ่านางอีก”

เซียวหยู่เซวียนถอยหลังไปสองสามก้าว ออกห่างจากชายหนุ่ม “เจ้า…….เจ้าก็เป็นคนของเผ่าปีศาจ?”

สองมือของชายหนุ่มกำหมัดแน่น เงยหน้าอย่างฉับพลัน ดวงตาที่เย็นชามีการขอร้องวิงวอนเล็กน้อย “นาง…….โทษไม่ถึงตาย ข้าให้นางมอบกระดิ่งทลายวิญญาณออกมาก็ได้แล้ว”

“แต่ข้าอยากเห็นนางตาย และยังอยากเห็นนางขอชีวิตก็ไม่ได้ ขอความตายก็ไม่ได้อีกด้วย” เจียงซวี่จ้องมองชายหนุ่มตรงๆ เหมือนจะมองชายหนุ่มให้ทะลุทั้งหมด

อำนาจความกดดันบนร่างของเขาหนักหน่วงเป็นที่สุด แต่ละคำแต่ละประโยคเต็มไปด้วยคำสั่ง

ในตาของชายหนุ่มแฝงความขัดขืน

เจียงซวี่ยิ้มเยาะ เหมือนกับว่าเสพสุขเป็นอย่างมากที่ได้เห็นความเจ็บปวดของชายหนุ่ม “ทำไม…….เพื่อนาง เจ้าก็คิดจะขัดคำสั่งงั้นหรือ? ดูท่าเจ้าคงลืมการใช้ชีวิตในกองธงกล้วยไม้ไปแล้ว”

เมื่อคำนี้ออกมา แม้ว่าชายหนุ่มจะฝืนทน ร่างกายก็ยังสั่นเทาสองสามครั้ง ดวงตาที่เย็นยะเยือกคู่นั้นมีแววความหวาดกลัวเล็กน้อย

“ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ตัดแขนขาทั้งสี่ของนางทิ้ง แล้วควักดวงตาสองข้างของนาง ตัดหูของนาง”