บทที่ 179: คุณต้องกล้าถึงจะประสบความสำเร็จ!

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 179: คุณต้องกล้าถึงจะประสบความสำเร็จ!

“ค้นให้ทั่วทุกที่เลยนะ! ตามหาตัวนายหญิง และนายน้อยโรเอลให้ได้!”

ข้างในขบวนรถสายธารแห่งอัญมณี เกรซมองไปยังห้องที่ว่างเปล่าตรงหน้า พร้อมออกคำสั่งอย่างสง่างาม ส่งผลให้องครักษ์ระดับสูงของตระกูลโซโรฟยา กระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทางปฏิบัติตามคำสั่งของเธอในทันที

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้สาวใช้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว

ในฐานะที่เกรซเป็นสาวใช้ส่วนตัวของชาร์ล็อต เธอทำงานอย่างเต็มที่ด้วยความเป็นมืออาชีพอยู่เสมอ เพื่อที่จะได้รับความไว้วางใจจากชาร์ล็อต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย สาวใช้พิถีพิถันเป็นอย่างยิ่งในทุก ๆ รายละเอียดรอบ ๆ ตัวของชาร์ล็อต และมักจะทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างอยู่ในภายใต้การควบคุมของเธอ

มีผู้คนมากมายที่มุ่งร้ายต่อตระกูลโซโรฟยา โดยเฉพาะชาร์ล็อตที่ยังมีอายุน้อยและยังเปราะบาง หากแผนการของพวกเขาเหล่านั้นสำเร็จ พวกเขาก็จะได้รับเงินมากมายมหาศาลเกินกว่าที่จะหาได้ทั้งชีวิตเสียอีก อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ใครก็ตามที่คิดจะปองร้ายชาร์ล็อต มักจะ “หายตัวไปอย่างลึกลับ”

ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 3 ไม่ใช่ตัวตนที่จะต่อกรได้ง่าย ๆ ตราบใดที่เกรซยังคงอยู่เคียงข้างชาร์ล็อต เรียกได้ว่านักฆ่าส่วนใหญ่คงไม่มีโอกาสที่จะได้แตะแม้แต่ปลายผมของเธอด้วยซ้ำ

ทว่าในวันนี้เกรซได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่

นายหญิงของตระกูลโซโรฟยา เจ้านายอันเป็นที่รักของเกรซได้หายตัวไปภายใต้การดูแลของเธอเสียแล้ว! ที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้น นายน้อยของตระกูลแอสคาร์ดก็หายตัวไปพร้อมกันอีกด้วย!

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกรซใจสลาย

“ไม่ ๆ เราต้องไม่ตื่นตระหนกกับสถานการณ์แบบนี้! ย..ยังคงมีความหวังอยู่… ไม่มีหลักฐานว่าประตูของสายธารแห่งอัญมณีถูกเปิดออก การไหลเวียนของพลังเวทในบริเวณใกล้เคียงเองก็ไม่มี พวกเขาจะต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งในขบวนรถม้าอย่างแน่นอน!”

เกรซใช้มือที่กำลังสั่นสะท้านของตนนวดขมับ พลางวิเคราะห์สถานการณ์ด้วยหลักการเหตุผล

บนโลกนี้มีวิธีการมากมายที่มนุษย์จะหายตัวไปได้ในพริบตา ยกตัวอย่างเช่นกระสุนเคลื่อนย้ายในคลังกระสุนอัญมณีของชาร์ล็อต อย่างไรก็ตามคาถาเวทเคลื่อนย้ายมิติจะต้องทิ้งร่องรอยพลังเวทเอาไว้ ซึ่งไม่ใช่อะไรที่สามารถลบล้างกันได้

ตามทฤษฎีแล้ว การไหลเวียนของพลังเวทจะถูกปล่อยออกมาพร้อมกับการร่ายคาถา หากผู้มีพลังเหนือธรรมชาติใช้คาถาเวทเคลื่อนย้ายมิติออกไปจากขบวนรถม้า ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะสามารถลบร่องรอยการไหลเวียนของพลังเวทที่เหลืออยู่บนรถม้าออกไปได้

มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นนั่นก็คือ ทั้งสองคนได้ร่ายคาถาเวทออกจากมิติแยกด้วยตนเอง

เนื่องจากชาร์ล็อต และโรเอลกำลังใช้หินคู่จำแลงเข้าร่วมเทศกาลชมผีเสื้อประกายแสงราตรีที่ป่าลูว์มันในจักรวรรดิออสทีน ทำให้ร่างกายหลักของพวกเขาอยู่ในสภาพหมดสติ

เพื่อเป็นการคุ้มครองทั้งคู่ มิติแยกจึงได้ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับพวกเขาเป็นพิเศษ มันมีความสามารถในการตัดการไหลเวียนของพลังเวททางเดียว ทำให้บุคคลภายนอกไม่สามารถเคลื่อนย้ายเข้าไปในนั้นได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมันตัดพลังเวทได้เพียงแค่ทางเดียว ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ผู้คนในห้องจะสามารถเคลื่อนย้ายมิติออกไปยังด้านนอกได้ด้วยตัวเอง

แต่ในกรณีนี้มันเป็นไปได้งั้นเหรอ?

จากการประเมินของเกรซ โรเอลมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับแก่นแท้ 5 ซึ่งต่ำกว่าระดับที่จำเป็นในการใช้คาถาเวทเคลื่อนย้าย จึงมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว ก็คือเขาใช้อุปกรณ์เวทบางอย่าง แต่เด็กชายนั้นกำลังสวมสูทที่ชาร์ล็อตออกแบบมาให้เป็นพิเศษ โรเอลจึงไม่มีอุปกรณ์เวทใด ๆ ติดตัว หรือก็คือเขาปลอดอาวุธโดยสมบูรณ์นั่นเอง

ไม่ว่าตระกูลแอสคาร์ดจะมีประวัติอันลึกลับแค่ไหน มันก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะทำให้คนหายตัวไปได้ง่าย ๆ อย่างน่าอัศจรรย์รึเปล่า?

แน่นอนว่าเกรซเชื่อในข้อเท็จจริงมากกว่าโชคลาง นอกจากนี้ต่อให้ตระกูลแอสคาร์ดสามารถทำเช่นนั้น… พวกเขาจะทำแบบนั้นไปทำไม?

แม้ว่านี่จะเป็นเพียงการแต่งงานทางการเมือง แต่โรเอลและชาร์ล็อตก็ถือเป็นคู่ครองที่เหมาะสม อีกทั้งพวกเขายังอยู่ในสถานะการหมั้นหมายกันอีกด้วย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากโรเอลต้องการจะทำอะไรบางอย่างกับชาร์ล็อตจริง ๆ เกรซซึ่งเป็นเพียงแค่คนรับใช้ ไม่มีอำนาจที่จะหยุดยั้งเขาได้อยู่แล้ว โรเอลไม่จำเป็นจะต้องลักพาตัวชาร์ล็อตเลยด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ชาร์ล็อตเป็นฝ่ายที่ลักพาตัวโรเอลแทน อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนั้น…

“เป็นไปไม่ได้! เด็กหญิงที่สง่างามสูงส่งอย่างนายหญิงของพวกเราไม่มีทางลักพาตัวผู้ชายไปได้หรอก มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และจะไม่มีวันเกิดขึ้นด้วย!”

เกรซรู้สึกว่าความคิดของตนเริ่มยุ่งเหยิงมากขึ้นเรื่อย ๆ กับความเป็นไปได้ทั้งหมดในหัว สาวใช้ก้มศีรษะลงมองดูจี้สีเลือดที่คอของตน มันยังคงเปล่งประกายตามปกติ​ แสดงให้เห็นว่าชาร์ล็อตนั้นไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย ซึ่งถือเป็นข่าวดีเพียงเรื่องเดียวในสถานการณ์ปัจจุบันนี้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตอนนี้เจ้านายของเธอจะยังไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าชาร์ล็อตนั้นจะปลอดภัยไปตลอด ยังมีปัญหาอีกหนึ่งอย่างที่นี่ นั่นก็คือเกรซไม่รู้ถึงสถานะปัจจุบันของโรเอลเลย

ทั้งสองคนเพิ่งหายตัวไปได้ไม่นาน ดังนั้นเกรซจึงสามารถหาข้อแก้ตัวซื้อเวลาไปก่อนได้ ทว่าหากเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนคนรับใช้ของตระกูลแอสคาร์ดเริ่มเคาะประตูรถม้า เพื่อสอบถามเกี่ยวกับนายน้อยของพวกเขาแล้วล่ะก็ เกรซควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ดี?

ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในพื้นที่คฤหาสน์ของตระกูลแอสคาร์ด ซึ่งรายล้อมไปด้วยเหล่าองครักษ์ผู้ทรงพลังหลายร้อยคนที่คอยลาดตระเวนพื้นที่อยู่ตลอดเวลา นี่ทำให้สาวใช้กลัวจนตัวสั่นเมื่อจินตนาการ ถึงสถานการณ์ในอนาคตที่ตระกูลแอสคาร์ดพบว่าผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของพวกเขา หายไปภายใต้การดูแลของตระกูลโซโรฟยา

ตระกูลแอสคาร์ดนั้นแตกต่างจากตระกูลโซโรฟยา พวกเขามีลูกหลานไม่มาก และโรเอลก็เป็นทายาทเพียงคนเดียวในรุ่นของเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม และมีอิทธิพลอย่างมากในการบริหารจัดการเขตการปกครองแอสคาร์ด แม้ว่าเด็กชายจะเพิ่งเข้ารับตำแหน่งตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครองได้เพียงแค่ 2 ปี แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตระกูลแอสคาร์ดจะต้องรุ่งโรจน์สู่อนาคตที่ดีขึ้นไปอีกแน่ภายใต้การชี้นำของเขา

ถ้าตระกูลโซโรฟยาหาตัวโรเอลไม่ได้ และไม่สามารถส่งตัวเขากลับไปที่ตระกูลแอสคาร์ดได้อย่างปลอดภัยล่ะก็ มันอาจจะทำให้เกิดสงครามระหว่างทั้งสองฝ่ายขึ้นก็ได้!

แค่คิดถึงผลที่จะตามมาก็เพียงพอแล้วที่จะปล่อยให้เกรซเคร่งเครียด

ตอนนั้นเองเสียงแปลก ๆ ก็ดังขึ้นมาจากภายในห้อง

การไหลเวียนของพลังเวทเล็กน้อยปรากฏขึ้นมาในจังหวะเดียวกัน ทำให้ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทุกคนต่างต้องประหลาดใจ พวกเขารีบหันไปมองที่ประตู โดยมีเกรซเป็นคนนำเตะประตูเปิดเข้าไป

“นายหญิง!”

เกรซตะโกนพร้อมพุ่งเข้าไปในห้องดังกล่าว โชคดีที่เบื้องหน้าของสาวใช้ ร่างของเด็ก ๆ สองคนได้ปรากฏตัวขึ้นมาในห้องอันว่างเปล่า ทำให้เธอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ดวงตาของชาร์ล็อตเริ่มกระตุกเล็กน้อยตอบสนองต่อเสียงตะโกนนั้นก่อนที่จะลืมตาขึ้น

“ที่นี่คือ…”

เพดานอันคุ้นเคยของห้องในสายธารแห่งอัญมณี ทำให้ชาร์ล็อตมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นในทันที พร้อมหวนนึกถึงสิ่งที่โรเอลพูดกับเธอก่อนที่จะหมดสติลงไป

นี่หรือว่า… พวกเรากลับมาแล้วงั้นเหรอ?

เกรซได้เข้ามาหาชาร์ล็อตในจังหวะเดียวกันกับที่เธอได้สติ ทำให้สาวรู้สึกงุนงงที่เห็นท่าทางอันเหนื่อยล้าของเจ้านาย ราวกับว่าชาร์ล็อตเพิ่งผ่านสงครามครั้งใหญ่มา ดังนั้นเธอจึงปล่อยพลังเวทออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกายของเด็กสาว ทว่าก่อนที่สาวใช้จะร่ายเวท ชาร์ล็อตก็ลุกขึ้นมาจากพื้นทันทีทันใด

“โรเอล!”

หลังจากตื่นจากความงุนงงของเธออย่างเต็มที่ ชาร์ล็อตก็รีบหันไปหาเด็กชายที่หมดสติซึ่งนอนอยู่ข้างๆ เธออย่างรวดเร็ว เธอนึกถึงสิ่งที่อิซาเบลลาพูดและพยายามปฏิบัติต่อเขาอย่างรวดเร็ว

“แย่แล้วสิ…จิตวิญญาณแห่งทองคำ!”

ชาร์ล็อตพยายามอัญเชิญพลังเวทสีทองออกมาตามความเคยชิน แต่แล้วเธอก็ตระหนักได้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เด็กสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทว่าแสงสีทองที่คอยอยู่เคียงข้างเธอตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้กลับไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว หากปราศจากพลังของจิตวิญญาณแห่งทองคำ ความสามารถในการรักษา ชาร์ล็อต ก็จะถูกลดลงไปครึ่งหนึ่ง

น..นี่มันเป็นไปได้ยังไง…

ทันทีที่ชาร์ล็อตรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกสิ้นหวังหมดหนทางก็โหมเข้าใส่เธอ การสูญเสียจิตวิญญาณแห่งทองคำนั้นไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับชาร์ล็อตเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอได้จดจำสูตรการสร้างจิตวิญญาณแห่งทองคำมาหมดแล้ว มันเป็นหนึ่งในมรดกที่สำคัญของพวกเขา และด้วยทรัพยากรที่ตระกูลโซโรฟยามีอยู่ในตอนนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่พวกเขาจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้ในเวลาอันสั้น

อย่างไรก็ตามโรเอลไม่สามารถรอได้นานถึงขนาดนั้นจิตวิญญาณแห่งทองคำเป็นสิ่งเดียวที่คอยรักษาสภาพร่างกายของเขาไม่ให้แย่ลงไปกว่านี้ ดังนั้นการหายไปของมันอาจถึงแก่ชีวิตของโรเอลได้

พลังเวทอันเย็นยะเยือกที่คุ้นเคยเริ่มเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของโรเอลอีกครั้ง แต่คราวนี้เนื่องจากไม่มีการปกป้องจากจิตวิญญาณแห่งทองคำ ความหนาวเย็นอันท่วมท้นจึงทำให้ชาร์ล็อตต้องสั่นสะท้าน

เกรซสังเกตเห็นความผิดปกตินั้นได้ในทันที ดวงตาของสาวใช้เบิกกว้างด้วยความตกใจ เกรซรีบแนะนำให้ชาร์ล็อตออกห่างจากโรเอลในทันที แต่เด็กสาวก็ไม่ได้สนใจอะไร

ชาร์ล็อตจ้องไปที่ร่างอันเย็นเฉียบของคนรัก ด้วยแววตาอันมุ่งมั่น

มันก็จริงอยู่ที่ตอนนี้ชาร์ล็อตไม่มีพลังของจิตวิญญาณแห่งทองคำคอยช่วยเหลืออีกต่อไปแล้ว หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ไม่ใช่จิตวิญญาณแห่งทองคำที่คอยรักษาสภาพของโรเอลให้คงที่ แต่เป็นหนึ่งในคาถาเวทผนึกของคาถาเวทอัญมณี เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้เธอได้ใช้จิตวิญญาณแห่งทองคำเป็นสื่อกลางในการร่ายและขยายผล

ฉะนั้นตราบใดที่ชาร์ล็อตยังอยู่ โรเอลก็ยังมีความหวังที่จะรอด สิ่งที่เธอขาดไปในตอนนี้ก็คือวิธีการร่ายคาถาเวทให้กับเด็กชายอย่างมีประสิทธิภาพ

ย้อนกลับไปในตอนที่ชาร์ล็อตยังคงลำบากในการควบคุมจิตวิญญาณแห่งทองคำให้เชี่ยวชาญ อิซาเบลลาเคยเล่าเรื่องหนึ่งเป็นการเปรียบเทียบให้เธอฟัง

“เจ้าลองคิดแบบนี้ดูนะ พลังเวทของเจ้าเป็นแหล่งพลังงาน ส่วนร่างกายของเจ้าเป็นท่อส่งพลังงาน และจิตวิญญาณแห่งทองคำเป็นเพียงแค่ส่วนเสริมของท่อส่งพลังงานหลายร้อยสายนั้น”

คำสอนของอิซาเบลลาดังก้องขึ้นมาในใจเธอ ชี้ทางออกให้กับสถานการณ์อันสิ้นหวังนี้ ดวงตาของชาร์ล็อตเปล่งประกายแวววาว ในขณะที่กำลังจ้องไปที่ริมฝีปากอันซีดเผือดของโรเอลอย่างตั้งใจ จากนั้นเธอก็โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อจูบเขาโดยไม่มีการเตือนใด ๆ ล่วงหน้า

“น..นายหญิง”

การเคลื่อนไหวโดยกะทันหันของชาร์ล็อตทำให้เกรซตื่นตระหนก เธออยากจะดึงเด็กสาวออกห่างจากโรเอลเพื่อความปลอดภัยตามสัญชาตญาณ อย่างไรก็ตามมือที่เหยียดออกไปของสาวใช้ก็ต้องหยุดนิ่งทันทีหลังจากเห็นสิ่งที่ชาร์ล็อตทำ พร้อมกับจิตใจที่ว่างเปล่าด้วยความตกใจ

นี่มัน ก..เกิดอะไรขึ้นกัน?

ทำไมนายหญิงผู้รักนวลสงวนตัวถึงได้เป็นฝ่ายรุกจูบด้วยตัวเองก่อน? ที่เรามองอะไรผิดไปรึเปล่า?

ก่อนหน้านี้นายหญิงเพิ่งขีดเส้นแบ่งระหว่างกันกับเขาเมื่อไม่นานมานี้เองไม่ใช่หรือ? นี่เพิ่งผ่านไปเพียงแค่วันเดียวเองนะ ทำไมจู่ ๆ ท่าทีของเธอถึงได้แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงแบบนี้กัน ถึงขนาดกล้าจูบนายน้อยโรเอลในขณะที่เขาหลับ!

ไม่เข้าใจเลย ไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมนายหญิงที่สุดแสนจะขี้อายของพวกเราถึงได้… นอกจากนี้เขาทำยังไงนายหญิงของเราถึงต้องเป็นฝ่ายลงไปจูบ … แต่จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับนายน้อยโรเอลด้วยเหมือนกัน

พลังเวทอันเย็นยะเยือกที่รายล้อมโรเอลเริ่มอ่อนลงเล็กน้อยหลังจากการจูบของชาร์ล็อต ทำให้เกรซต้องเอียงศีรษะด้วยความสับสน แม้สาวใช้ไม่คิดที่จะละเมิดความเป็นส่วนตัวของเจ้านาย แต่ความอยากรู้อยากเห็นอันล้นเอ่อก็ทำให้เธอต้องแอบมองครั้งแล้วครั้งเล่า

จนในไม่ช้าเกรซก็สังเกตเห็นบางอย่าง พลังเวทอันเย็นยะเยือกไม่ได้มาจากอุปกรณ์เวทของโรเอล แต่มันซึมออกมาจากร่างกายของเขา! ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังสัมผัสได้ว่า พลังชีวิตของเด็กชายนั้นอ่อนแอมากในขณะนี้

ทำไมพลังชีวิตของเขาถึงได้อ่อนแอขนาดนี้กัน? นี่มันหมายความว่ายังไง…

“!”

ทันทีที่รู้ความจริง เกรซก็ตกใจยิ่งกว่าเดิม สาวใช้จ้องไปที่ใบหน้าที่ซีดเผือดของโรเอลอย่างตั้งใจก่อนจะคว้าสัญลักษณ์ที่อกของเธอออกมา เพื่อถ่ายทอดคำสั่งใหม่

“เรียกแพทย์ มาที่ห้องส่วนตัวที!”

สภาพของโรเอลที่อ่อนแอลงอย่างมาก ทำให้เกรซรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง ก่อนหน้านี้เด็กชายยังมีสภาพร่างกายแข็งแรงปกติดี ในตอนที่เขาขึ้นมาบนรถม้า ทว่าจู่ ๆ เขาก็ตกอยู่ในสภาพนี้ การที่ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในสายธารแห่งอัญมณี ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรเบื้องหลัง ตระกูลโซโรฟยาก็จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้

“นายหญิงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ? พวกเราจะอธิบายสถานะของนายน้อยโรเอลให้ตระกูลแอสคาร์ดฟังได้อย่างไร?”

เกรซที่กำลังตื่นตระหนกถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทว่าชาร์ล็อตกลับส่ายหัวแทนคำตอบ

ปัจจุบันชาร์ล็อตนั้นกำลังจ้องมองไปที่คนรักของตนสายตาอันเฉียบคม ความหนาวเย็นในอากาศไม่ได้ทำให้เธอสงบลงเลยแม้แต่น้อย ความคิดมากมายแวบเข้ามาในหัวของเด็กสาว สายตาของเธอค่อย ๆ เฉียบคมขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับนักล่าที่กำลังจ้องมองไปที่เหยื่อ ด้วยเหตุผลบางอย่าง​ นี่ทำให้เกรซรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่อันตรายลอยออกมาจากชาร์ล็อต

อันที่จริงตอนนี้ ชาร์ล็อต โซโรฟยา กำลังวางแผนที่จะก่ออาชญากรรม

หากพวกเขาอธิบายสภาพของโรเอลให้ทางตระกูลแอสคาร์ดทราบล่ะก็ อีกฝ่ายคงจะนำตัวโรเอลกลับไปทันที เพื่อปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถ ขณะเดียวกันพวกเขาก็จะระมัดระวังตระกูลโซโรฟยาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยความจริงที่ว่าชาร์ล็อตอยู่ด้วยกันกับโรเอลก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตามนั่นก็จะกลายเป็นสถานการณ์ที่แย่มากสำหรับโรเอลเช่นกัน ตระกูลแอสคาร์ดไม่ได้มีจิตวิญญาณแห่งทองคำ และคาร์เตอร์เองก็ไม่อยู่ที่คฤหาสน์ พวกเขาไม่มีทางให้การรักษาที่ดีที่สุดสำหรับโรเอลได้แน่

กลับกันแล้วทางฝั่งของชาร์ล็อต ทรัพยากรของตระกูลโซโรฟยาอยู่ในความดูแลของเธอ ซึ่งเธอมั่นใจว่าตนเองสามารถให้การดูแลและการรักษาที่ดีที่สุดแก่โรเอลได้

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การเปิดเผยสถานะของโรเอลในตอนนี้ไม่ได้เป็นการช่วยเขาเลย

ที่สำคัญที่สุดก็คือ ชาร์ล็อตอาจจะไม่ได้รับโอกาสให้ได้พบกับโรเอลอีก หากอาการของเขาถูกเปิดเผย ตอนนี้โรเอลกำลังหมดสติและบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าชาร์ล็อตจะมีฐานะเป็นถึงคู่หมั้นของเขา แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ต้องสงสัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือเธอ ต่อให้เด็กสาวพยายามอธิบายว่าพวกเขาย้อนเวลาเข้าไปในยุคประวัติศาสตร์ได้อย่างไร คนอื่นก็ไม่มีทางเชื่อเธอแน่ นอกจากนี้มันยังถือเป็นความลับสำคัญอย่างหนึ่งของโรเอล มันคงไม่ฉลาดเท่าไหร่ที่จะพูดถึงเรื่องนี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา

ที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ชาร์ล็อตรู้ดีว่ามีผู้หญิงสองคนกำลังหาโอกาสที่เธอจะพลาดพลั้ง เพื่อที่จะขับไล่เธอออกไปจากโรเอลอยู่ แค่คิดถึงสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ ก็ทำให้ชาร์ล็อตต้องถอนหายใจไม่รู้จบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนั้นแย่มากสำหรับเธอ เพียงชั่วขณะของความประมาทก็อาจจะทำให้ทุกอย่างจบลงได้ บางทีสัญญาการหมั้นหมายของพวกเขาอาจจะต้องถูกยกเลิกเลยด้วยซ้ำ

เมื่อคิดถึงจุดนี้ชาร์ล็อตก็กัดฟันลง จากนั้นความคิดอันอาจหาญก็ผุดขึ้นในใจเธอ แม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงก็ตามที …

“ช…ชาร์ล็อต…”

“ใช่! นี่ฉันเองที่รัก!”

เสียงพึมพำขณะหมดสติของเด็กชายผมดำทำให้หัวใจของชาร์ล็อตสั่นไหว เธอรีบตอบเขาไปในทันที แต่แล้วเด็กชายก็หลับสนิทลงอีกครั้ง อารมณ์อันซับซ้อนฉายผ่านแววตาของชาร์ล็อตพร้อมหมัดที่กำลงแน่นเข้าด้วยกัน

ความเสี่ยงสูงแล้วมันจะทำไมล่ะ? ผิดกฎแล้วมันจะทำไม? เพื่อความสุขของพวกเราแล้วล่ะก็…

คนที่มีความกล้าหาญเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด

“เกรซ… เราจะยังไม่บอกเรื่องนี้ให้ตระกูลแอสคาร์ดรู้”

“เอ๋?”

ก่อนที่ดวงตาของเกรซจะเบิกกว้างอีกครั้งด้วยความตกตะลึง ชาร์ล็อตก็ออกคำสั่งทันที

“เก็บของ เตรียมตัวออกเดินทางได้แล้ว พวกเรากำลังจะกลับไปที่โรซ่า!”