ตอนที่ 114 อาบน้ำด้วยกัน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“เจ้า…” มู่เฉียนซีจ้องมองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว

สายตาของจิ่วเยี่ยจับจ้องใบหน้าสีแดงของนางก่อนจะกล่าวว่า… “ใจเย็น ๆ รอให้ข้าถอดหน้ากากออกก่อนแล้วค่อยตบ เดี๋ยวมือเจ้าเจ็บ”

หน้ากากนี้มีดแทงไม่เข้า ถูกน้ำถูกไฟก็ไม่ละลาย ประหนึ่งเป็นโลหะแข็งที่สุดในโลก หากว่าฝ่ามือขาวนุ่มของนางตบลงไป ที่บวมคงไม่ใช่ใบหน้าของเขา แต่เป็นมือของนาง  มู่เฉียนซีได้ทราบก็ตัวแข็งทื่อ นางไม่คิดที่จะตบหน้าเขาผู้นี้อีกต่อไป

“จิ่วเยี่ย หลับตาเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าคงอดไม่ได้ที่จะวางยาพิษที่ตาของเจ้า”

บุรุษผู้นี้เป็นคนเช่นไรกัน ? เอาเปรียบผู้อื่น ตนกลับยังทำตัวสูงส่ง มู่เฉียนซีรู้สึกหมดหนทางโดยแท้

แต่ก็ยังดี จิ่วเยี่ยหลับตาลงจริง ๆ จากนั้นนำเสื้อคลุมของตนเองมาห่อร่างมู่เฉียนซีและพาออกไป

มู่เฉียนซีตะโกน “จิ่วเยี่ย เจ้าจะพาข้าไปไหน ? อย่างน้อยก็ให้ข้าแต่งตัวให้ดีก่อนแล้วค่อยว่ากันไม่ได้เลยหรือ ?!”

“ไม่จําเป็น อย่างไรเดี๋ยวเจ้าก็ต้องถอดออกอีกครา” จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงเข้ม

มู่เฉียนซีสับสนในใจ จิ่วเยี่ยนึกคิดทำสิ่งใดกันแน่ ?  บุรุษชุดดำผู้นี้เป็นคนเย็นชาอย่างมาก ราวกับว่าไม่มีความรู้สึกของมนุษย์อยู่ในกาย นางคิดไม่ออกเลยจริง ๆ

จิ่วเยี่ยพานางเข้าไปยังจวนเยี่ยอ๋อง มันเป็นสถานที่ที่มีหมอกสีขาวปกคลุมทึบครึ้ม ทั้งอากาศยังหนาวเย็นนัก เขาวางร่างมู่เฉียนซีลงอย่างเบามือ

“นี่คือน้ำพุเย็น” มู่เฉียนซีกล่าว ใบหน้าตกตะลึง

นางแช่ในน้ำเย็นธรรมดาเพื่อกําจัดพิษนั่น อย่างน้อยต้องใช้เวลาทั้งคืน  ถ้าหากแช่อยู่ในน้ำพุเย็นแล้วละก็ ครึ่งชั่วยามก็สามารถแก้พิษได้ อีกทั้งยังดีต่อการปรับปรุงสมรรถภาพร่างกายด้วย

มู่เฉียนซีกล่าว “อา… เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ”

แช่น้ำพุเย็นทั้งคืนให้สบายใจไปเลยก็ดี

— ตูม! —

นางกระโดดลงไปในน้ำพุเย็น น้ำเย็น ๆ ทำให้อุณหภูมิที่เลือดแข็งตัว มู่เฉียนซีร่างบางทนรับความเย็นไว้มิค่อยไหว เริ่มที่จะสั่นเทา แต่นี่ยังถือว่าอยู่ในขอบเขตที่สามารถทนได้  อย่างไรเสียในตอนนั้นที่นางได้แช่ไขกระดูกและชําระล้างไขกระดูกในทะเลสาบวิญญาณ นางก็ยังรอดมาได้เลย

ถึงแม้นางจะสามารถทนความหนาวเหน็บของสระน้ำพุเย็นได้ แต่ก็ไม่อาจทนความตื่นเต้นที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ได้

ตอนนี้… เจ้าก้อนน้ำแข็งจิ่วเยี่ยเอง ก็ได้ถอดชุดคลุมสีดำออก ค่อย ๆ เดินเข้าไปในสระน้ำพุเย็น ผมดำยาวราวกับน้ำหมึกถูกน้ำเปียกพาดบ่าลงมา หยดน้ำเปล่งประกายระยิบระยับบนไหล่กว้างมีเสน่ห์ของเขา

สระน้ำใสสะอาดมาก ร่างกายที่จมอยู่ใต้น้ำราวกับเงาร่างที่ชวนให้ผู้คนจินตนาการถึงเรื่องราว

ใบหน้างดงามมีเสน่ห์น่าทึ่ง แม้จะถูกเคลือบด้วยชั้นของน้ำค้างแข็งที่ไม่ให้คนแปลกหน้าเข้ามา แต่ก็ยังคงมีเสน่ห์น่าหลงใหลอย่างยิ่ง

“เจ้า… ลงมาทําอะไร ?” เสียงของมู่เฉียนซีสั่น

“จะอยู่กับเจ้า” จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างบุรุษเอาแต่ใจ

ด้วยความหนักแน่นของนาง ความหนาวเย็นของบ่อน้ำพุเย็นสําหรับนางไม่มีอะไรต้องหวั่นกลัว แต่เพียงต้องการที่จะอยู่กับนาง จิ่วเยี่ยจึงลงมาแช่ด้วยกัน

“อันที่จริงแล้วไม่จําเป็นต้องมาอยู่กับข้าในน้ำก็ได้ น้ำในสระน้ำนี้เย็นเกินไป เจ้ากลับไปรอข้าข้างบนเถอะ”

การอาบน้ำกับเยี่ยอ๋องผู้นี้ ช่างเป็นการทดสอบหัวใจของนางเสียจริง! มู่เฉียนซีหัวใจเต้นรัว เห็นแผ่นอก เห็นแผ่นหลัง ใบหน้างาม ผมงามของเขา ใจของนางชักจะรับไม่ไหว สมาธิหดหายแทบลืมความเย็นของน้ำ

จิ่วเยี่ยไม่สนใจ กลับเอนตัวพิงริมฝั่งท่าทีสงบ เขาหลับตาลงเบา ๆ เพื่อปิดกั้นคําพูดของมู่เฉียนซี ทว่าท่าทางเอนกายพิงหลับตาของเขา ช่างมีเสน่ห์เหลือร้าย

มู่เฉียนซีหลับตาลงบ้างเพื่อปิดกั้นรูปร่างบุรุษตรงหน้า สูดหายใจเข้าลึก ๆ สงบสติอารมณ์ อย่างไรเสียมันก็ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น

นางทนไหว…

เวลาครึ่งชั่วยามก็ได้ผ่านพ้น เพราะมีคนพิเศษทำให้ใจเต้นอยู่ข้าง ๆ มู่เฉียนซีรู้สึกว่ามันยาวกว่าคืนหนึ่งเสียอีก

ในที่สุดพิษที่เหลืออยู่ในร่างกายก็ถูกชำระล้างจนสะอาดสะอ้าน มู่เฉียนซีรู้สึกสบายไปทั้งกายใจ นางกล่าวกับจิ่วเยี่ย

“จิ่วเยี่ย ข้าเสร็จแล้ว เจ้าจะออกไปก่อนหรือข้าก่อน ?”

— ฟึ่บ! —

เสียงหนึ่งดังขึ้น จิ่วเยี่ยยืนอยู่บนพื้นผิวสระน้ำพุเย็นราวกับอยู่บนพื้นราบ เขาค่อย ๆ เดินขึ้นฝั่งไปอย่างนุ่มนวล  ด้วยเส้นโค้งที่สมบูรณ์แบบ ขาเรียวยาว กล้ามเนื้อหน้าท้องที่ชัดเจน ผิวขาวราวสตรี ทุกอย่างของเขาลงตัวล้วนเป็นที่น่าโปรดปราน

เขาหยิบเสื้อคลุมสีดําของตนเองออกมาจากช่องว่างมิติ ห่อร่างกายของตนไว้ราวกับรูปปั้นแกะสลัก จากนั้นหายไปต่อหน้ามู่เฉียนซีราวกับสายลมพัดผ่าน

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา “เหอะ… ข้ารู้ว่ารูปร่างเจ้าดี แต่คงไม่ใช่ไปแสดงให้ใครเห็นอยู่บ่อย ๆ หรอกใช่ไหม ? ดีนะที่ข้าหาใช่พวกบ้าผู้ชาย มิเช่นนั้นเจ้าได้เสียบริสุทธิ์ไปนานแล้ว”

เสียงของมู่เฉียนซีเบามาก แต่จิ่วเยี่ยที่ไมได้ห่างไปไหนไกล กลับได้ยินอย่างชัดเจน  ดวงตาสีฟ้าเย็นเยือกของเขาที่ปกติหม่นมัว กลับฉายแววอ่อนโยนแสดงอารมณ์ผกผันเล็กน้อย มุมปากเขานั้นก็กระตุกขึ้นคล้ายจะเป็นรอยยิ้ม

มู่เฉียนซีหยิบอาภรณ์ออกมาสวมใส่ชุดหนึ่งจากแหวนมังกรเทพวารี จากนั้นไปร่ำลากับจิ่วเยี่ย

“ตอนแรกข้าคิดว่าคืนนี้คงจะยุ่งอยู่กับการแก้พิษแล้วเชียว ไม่คิดเลยว่าจะสามารถแก้พิษได้ภายในครึ่งชั่วยามที่สระน้ำพุเย็น เช่นนั้นข้าก็สามารถไปดูอาการของโอวหยางเหว่ยได้”

ยาพิษชนิดนั้น นางรู้สึกว่าตระกูลโอวหยางอาจไม่สามารถแก้เอาออกมาได้  นอกจากนี้ นางยังรู้สึกไม่สบายใจกับกลอุบายร้ายกาจที่โอวหยางเหว่ยคิดขึ้นมา

เบื้องหลังโอวหยางเหว่ยต้องมีมืออยู่คู่หนึ่งเป็นแน่แท้ มือใครบางคนที่คอยพลักดันนาง และขุดหลุมพรางขนาดใหญ่เช่นนี้ให้นางตกลงไป

“ไปด้วยกัน” จิ่วเยี่ยพามู่เฉียนซีออกจากจวนเยี่ยอ๋อง

เมื่อออกจากจวนเยี่ยอ๋อง นางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป

“จิ่วเยี่ย นี่ไม่ใช่ทางที่จะไปตระกูลโอวหยาง”

“สตรีผู้นั้น ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในตระกูลโอวหยาง”

มู่เฉียนซีเบะปาก “ตระกูลโอวหยางทําอะไร ? พวกเขาปล่อยนางออกไป ดูแลโอวหยางเหว่ยไม่ดี ไม่กลัวจะออกไปทำร้ายคู่สามีภรรยาชายหญิงหรอกหรือ ?!”

แต่เมื่อจิ่วเยี่ยพานางมาถึงตรอกซอยที่อากาศค่อนข้างเย็น นางก็รู้แล้วว่าโอวหยางเหว่ยหมดโอกาสที่จะทำร้ายคู่สามีภรรยาชายหญิงแล้ว เพราะตอนนี้นางถูกล้อมไปด้วยพวกขอทานที่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง

มือทั้งสองของนางยกขึ้นมาบังลูกตาตนไว้ พริบตาเดียวทุกผู้คนที่อยู่เบื้องหน้าพลันกลายเป็นกระดูกสีขาว ฝุ่นกระดูกปลิวลอยหายไป

อากาศเวียนคลุ้งที่ฟุ้งอยู่ตรงบริเวณนั้นมีกลิ่นแย่ยิ่งนัก จิ่วเยี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย

“อืม… อืม…”

ต่อมาไม่นาน เมื่อไม่มีคนแล้ว โอวหยางเหว่ยที่รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวก็ได้คลานออกมาจากตรอกเล็ก ๆ นั้น  นางสัมผัสได้ถึงใครบางคนที่อยู่ตรงหน้า เงยหน้าขึ้นก็เห็นหญิงสาวที่นางเกลียดจนเข้ากระดูก

“มู่เฉียนซี… อา… นางปีศาจมู่เฉียนซี…”

“เยี่ยอ๋อง!” ในขณะที่เกลียดชัง โอวหยางเหว่ยตกใจไม่น้อย แม้ว่าสองขาของนางจะไร้เรี่ยวแรง กลับวิ่งได้เหมือนดั่งเจอผี

— ตึง! —

โอวหยางเหว่ยล้มลงกับพื้น เดินต่อไปไม่ได้

มู่เฉียนซีค่อย ๆ เดินไปที่ตรงหน้านางแล้วพูดว่า “โอวหยางเหว่ย เรามาทำข้อตกลงกันดีไหม ? บอกข้ามาว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคอยชี้แนะให้ฆ่าข้าคือใคร ข้าจะให้คนพาเจ้ากลับไปยังจวนตระกูลโอวหยาง ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องนอนข้างถนนในคืนนี้ และเมื่อถึงรุ่งเช้า เรื่องนี้ก็จะกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วแคว้นจื่อตูเป็นแน่แท้”

โอวหยางเหว่ยแค่นเสียงดุร้าย “มู่เชียนซี เจ้าช่างใจดีเสียจริงนะ เหตุผลที่ข้าตกต่ำไปเช่นนี้ไม่ใช่เพราะเจ้ารึ ?! เจ้าทําหยาบช้าอันใดลงไปกันแน่ ?”

มู่เฉียนซีถามขึ้น “เจ้านั่นแหละวางยาอะไรข้า ? เหอะ! คิดวางยาข้า ข้าเอาคืนเป็นสิบเท่า!”

“แปลก เหตุใดเจ้าถึงไม่เป็นอะไร ? เหตุใดเจ้าไม่ผิดปกติแม้แต่น้อย… เหตุใดคนทีโชคร้ายถึงต้องเป็นข้า ?” โอวหยางเหว่ยเพ่งมองมู่เฉียนซีที่ไม่มีรอยด่างพร้อย ในใจอัดแน่นด้วยความรู้สึกเจ็บช้ำเสมือนใจของตนนั้นจะแตกสลายเสียเดี๋ยวนี้

“ข้าทำให้เจ้าผิดหวังเสียแล้ว ความสามารถในด้านพิษของข้าค่อนข้างสูง แน่นอนมันสูงกว่าที่เจ้าจะรับรู้และเข้าใจ” มู่เฉียนซีกล่าวเรียบ ๆ

“ข้าไม่เชื่อ! เป็นไปไม่ได้! เขา… เขาบอกแล้วว่าวิธีการถอนพิษ นอกจากใช้ผู้ชายก็ไม่มีทางอื่นใดแก้ได้ และยังต้องเป็นผู้ชายที่ไม่รู้จักหยุดยั้ง เจ้าจะกลายเป็นคนที่เหน็ดเหนื่อยที่สุด… เจ้าต้อง… เจ้าต้อง…”