เมื่อทั้งสองโดนพลังสีดำนี้เข้าไป ก็พากันหยุดการไล่ตาม หันมาเร่งพลังเสริมเกราะปราณของตัวเองเพื่อต่อต้านการกัดกร่อนของของเหลวสีดำเหล่านี้อย่างเร่งรีบ

ไม่นานนักของเหลวสีดำก็หายไปแล้วเกราะปราณของเขาก็ถูกซ่อมแซม หากแต่เมื่อทะลวงเมฆากับถลาลมหันมามอง พวกเขาก็ไม่เห็นถังหยินอีกแล้ว

เล่ห์เหลี่ยมจัดนักนะ ! หลังจากกวาดสายตามองไปรอบ ๆ พวกเขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของถังหยิน

ชายหนุ่มได้หนีไปทางตะวันตกแล้ว และเมื่อพบว่าไม่มีใครไล่ตามมามันก็ทำให้เขาเบาใจลงไม่น้อย พร้อมทั้งตั้งมั่นในใจว่าต่อจากนี้จะไม่พยายามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกทหารวังอีกถ้าแล้วเป็นไปได้

อู่เหมยเองก็โล่งใจมากขึ้น ก่อนหันมองถังหยินในร่างสาวรับใช้ “เจ้าเป็นใครกัน ? มนุษย์หรือปีศาจ ? แล้วเจ้าช่วยข้าทำไม ?”

“ข้าเป็นมนุษย์ และข้ามาก็เพื่อช่วยท่านให้ได้กลับไปอยู่กับครอบครัวอีกครั้ง ส่วนตัวตนของข้านั้น …อีกเดี๋ยวท่านก็จะรู้เอง” ถังหยินตอบคำถามทั้งหมดแต่ก็ยังไม่บอกชื่อของเขา ด้วยที่นี่ตอนนี้มันยังไม่ปลอดภัยมากพอ

ถึงอีกฝ่ายจะบอกว่าเป็นมนุษย์ แต่อู่เหมยก็ยังสงสัยอยู่ดี นางไม่เคยเห็นมนุษย์คนไหนที่สามารถเปลี่ยนแขนให้เป็นดาบ หรือแม้แต่จะทนต่อพลังระเบิดที่รุนแรงเสียจนทำให้เกิดรูบนหน้าอกได้โดยไม่เสียเลือดสักหยดมาก่อน

“ครอบครัวของท่านปลอดภัยแล้ว และพวกเขากำลังรออยู่ที่นอกเมือง”

“หา ? เจ้าเป็นคนช่วยพวกเขาหรือ ?” อู่เหมยตะลึงและไม่เชื่อในหูของตัวเอง ด้วยไม่น่าจะมีใครช่วยครอบครัวของนางได้อีกแล้ว

“ไม่ใช่แค่ข้าคนเดียว”

“ทำไมถึงช่วยกัน เราไม่เจอกันมาก่อนเลยนะ”

คำถามของนางมากมายเหลือเกิน จนทำให้ถังหยินเริ่มรำคาญ “หยุดถามก่อน พวกมันมากันอีกแล้ว !”

คำพูดนี้ทำให้อู่เหมยสงบปากสงบคำทันที

มีศัตรูมากมายตรงหน้าเขา และพวกนั้นก็กำลังง้างธนูเอาไว้พร้อมเสร็จสรรพ ทำให้ถังหยินที่เห็นตกตะลึงเล็กน้อย หากแต่มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องฝ่ามันออกไป !

“ยิงได้ !”

สิ้นเสียงคำสั่ง พวกทหารก็พลันปล่อยมือส่งให้ลูกศรแล่นออกไปหาถังหยิน ส่วนอู่เหมยเองก็หวาดกลัวมาก เพราะนางในตอนนี้ไม่อาจใช้พลังปราณได้เลย และต่อให้ทำได้ นางก็คงไม่อาจหยุดห่าฝนธนูเอาไว้ได้ทุกดอกแน่

“กอดคอข้าไว้ให้แน่ ๆ นะ !” ถังหยินบอกแล้วเปลี่ยนไปให้นางขี่หลังก่อนก้มตัววิ่งฝ่าฝนธนูไป

แกร้ง !

ทันทีที่ลูกธนูกระทบกับเกราะปราณของเขา มันก็เกิดเสียงของอาวุธที่ปะทะกันออกมาเบา ๆ จนชายหนุ่มต้องถอยหลังออกมา

ทว่าเขานั้นไม่ได้คิดจะวิ่งต่อ หากแต่เลือกที่จะถอดเสื้อของตัวเองออก ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลงร่างกายตัวเอง จนแขนขาสั้นลงและปากของเขาก็เริ่มอ้ากว้างเผยให้เห็นเขี้ยวในปาก ส่วนจมูกเองก็ใหญ่ขึ้นจนทุกคนไม่เว้นแม้แต่อู่เหมยยังต้องหวาดกลัว

เมื่อเห็นว่านางกำลังจะปล่อยมือ เขาก็รีบกล่าว “จับไว้แน่น ๆ!” ก่อนจะวิ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนทำให้พวกทหารที่ไม่เคยเห็นปีศาจแบบนี้มาก่อนพากันหวาดกลัวแตกกระเจิงไป ในขณะที่บางคนที่ยังมีความกล้ายิงธนูต่อก็ไม่แม่นยำเหมือนเดิมอีก

ชายหนุ่มใช้โอกาสนี้กระโดดเหยียบอกของทหารนายหนึ่ง ส่งตัวเองให้ลอยขึ้นไปบนอากาศ เปลี่ยให้พวกทหารที่โดนเหยียบกลายเป็นเนื้อบดอยู่ใต้ฝ่าเท้า

จากนั้นทั้งสองมือก็พลันเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง กลายเป็นดาบที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟสีดำ ก่อนจะทำการฟาดฟันมันออกไปสังหารศัตรูโดยรอบ ทำให้มีทหารล้มตายมากถึง 30 นายภายใต้การโจมตีครั้งนี้

ในระหว่างที่ชายหนุ่มทำการดูดกินพลังปราณเข้ามา พวกทหารที่โดนไล่เหยียบต่างก็พากันวิ่งหนีตายจนวุ่นวายไปหมด

ทันใดนั้นก็มีเสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น “นายท่าน พวกเรามาถึงแล้ว”

นั่นคือเสียงของเฉิงจินและคนจากหน่วยลับของเขานั่นเอง ที่พากันวิ่งออกมาจากด้านหลังของพวกทหารวัง

ถังหยินดีใจมากที่เห็นทหารของตัวเอง จึงได้ถามออกไปว่า “ทำไมถึงมากันเร็วนัก ?”

“พวกเรามาเพื่อช่วยนายท่าน !” จริง ๆ แล้วก็คือพวกเขารอไม่ไหวแล้ว ประกอบกับได้ยินข่าวว่ามีมือสังหารเข้ามาในวัง ทำให้พวกเขารีบเคลื่อนไหวมาเพื่อช่วยถังหยินอย่างที่เห็น

“รีบหนีกันเถิดนายท่าน ช้ากว่านี้พวกมันจะล้อมเราเอาไว้ได้ !”

ระหว่างที่พูด พวกทหารด้านหน้าเขาที่แตกกระจายไปก็เริ่มกลับมารวมตัวกันใหม่อีกครั้งแล้ว

เมื่อเห็นว่าพวกทหารกำลังเข้ามาเสริม เฉิงจินก็พลันตะโกนลั่น สั่งให้คนของพวกเขา 10 คนขวางเอาไว้

ทหารเพียง 10 นายย่อมไม่อาจเทียบกับคลื่นมนุษย์ได้ พวกเขาเข้าปะทะกันเพียงไม่นานก็สลายหายไป

แต่แม้ว่าพวกเขาจะหายไปไวเช่นนี้ หากทว่ามันก็ทำลายกองทัพของซ่งเทียนไปได้มากพอสมควร

ท้ายที่สุดพวกทหารวังก็เปลี่ยนกลยุทธ์ หันมาใช้ง้าวในการโจมตีแทนการใช้ดาบระยะประชิดสู้ ซึ่งการใช้ง้าวก็สามารถกดดันพวกเขาได้เป็นอย่างดี ก่อนที่ทหารพวกนั้นจะยิงถล่มด้วยลูกธนูจำนวนมากจนทำให้ร่างแยกของพวกเขาสลายหายไป

แต่แค่นี้มันก็มากเกินพอแล้ว พวกเขาซื้อเวลาให้ถังหยินได้มากพอที่จะไปถึงใต้กำแพงฝั่งตะวันตกได้แล้ว และเพราะชายหนุ่มไม่สามารถใช้พลังได้ในตอนนี้ เขาจึงต้องตะโกนออกมาว่า “พุ่งไปเปิดทางให้ข้าที !”

“รับทราบ !”

เฉิงจินรับคำ ก่อนนำหน่วยลับของเขาไป พร้อมทั้งใช้วิชาสับเปลี่ยนเงาขึ้นไปบนกำแพงแล้วจัดการพวกทหารด้านบนนั้น

บนกำแพงเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ธนูไม่สามารถถูกยิงออกมาได้ ซึ่งถังหยินก็ใช้โอกาสนี้พุ่งเข้าไปยังกำแพงแล้วเปลี่ยนนิ้วให้กลายเป็นมีดเพื่อปีนป่ายขึ้นไป

ในเวลานี้เขากลับมาเป็นร่างกายของตัวเองแล้ว และเสียงของชายหนุ่มก็ช่างคุ้นหูอู่เหมยยิ่งนัก หากแต่มันก็ยังระบุตัวตนได้ยาก ด้วยเพราะแสงมันน้อยเกินไป

นางถาม “เจ้า… ถังหยิน ?”

“ใช่ ใช่ ใช่ ! ข้าเองถังหยิน !” ถังหยินตอบกลับ และเมื่อปีนขึ้นไปบนกำแพงเสร็จ เขาก็พลันเปลี่ยนทั้งมือให้กลายเป็นดาบ ก่อนไล่สังหารพวกทหารบนกำแพงต่อ

อู่เหมยกอดคอเขาแน่น และแม้ว่าร่างแยกจะไม่มีเสียงหัวใจ หากแต่นางก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างของเขา

ตั้งแต่ที่ซ่งเทียนประกาศจะแต่งงานกับนาง ทุกอย่างก็พังทลายลงมา จนนางคิดว่าจะไม่ได้เจอถังหยินอีกแล้วตลอดชีวิตนี้ แต่ในเวลานี้นางก็ได้มาอยู่ที่นี่กับเขาแล้ว

“เราเคยฝันถึงวันเช่นนี้มาก่อน วันที่เจ้าตามมาช่วยข้าและเราแนบชิดกันเช่นนี้” อู่เหมยกระซิบเสียงเบา

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรเพราะมัววุ่นแต่กับการฆ่าพวกทหาร

“ถ้าเราตายตอนนี้เจ้าจะว่าอะไรไหม ?”

“ข้าไม่ปล่อยให้ท่านตายหรอก !” ถังหยินร้องบอก ก่อนหันมองไปยังวังหลวง ทำให้เขาเห็นพวกทหารม้าที่กำลังวิ่งเข้ามามากมาย

“ถอย ! เลิกสู้แล้วถอยเดี๋ยวนี้เลย !” ชายหนุ่มออกคำสั่งในพลัน

เฉิงจินพยักหน้า ก่อนหันบอกกับหน่วยของตัวเอง

“ปกป้องนายท่านเอาไว้ !” ว่าแล้วพวกหน่วยลับก็พากันขึ้นไปบนกำแพง ทำการจัดขบวนรบป้องกัน ด้วยหวังถ่วงเวลาให้ถังหยินหนีออกไปได้