EP.165 เกทับอีกฝ่าย

“ดาบวายุคลั่ง อาวุธระดับนิลขั้นเจ็ดเริ่มต้นที่สี่พันเหรียญทอง!” พานจออีประกาศดังกึกก้อง

 

ไม่ทันสิ้นเสียงประกาศ จู่ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นมา “เจ็ดพันเหรียญทอง!”

 

พานจื่ออีหันมองก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณชายแห่งกรมอาญาเสนอราคาที่เจ็ดพันเหรียญทอง มีผู้ใดเสนอราคาที่สูงกว่าหรือไม่?”

 

“แปดพันเหรียญทอง!”

 

“โอ้…ท่านนายพลแห่งสมาพันธ์นกกระจอกเพลิงให้แปดพันเหรียญทอง มีผู้ใดจะสู้หรือไม่?

 

“ หนึ่งหมื่นเหรียญทอง!”

 

“นี่คือ…โอ้ ขออภัยสายตาแย่ๆ ของเด็กสาวผู้นี้ด้วย คุณชายเจิ้งฟางจากจวนเสินโหวเสนอรา คาหนึ่งหมื่นเหรียญทองมีผู้ใดให้มากกว่านี้ไหมเจ้าคะ?”

 

แม้แต่คุณชายเจิ้งฟางจากจวนเสินโหวก็อยู่ที่นี่ จะมีใครที่ไม่รู้จักบุตรชายเส้นโหวเจิ้งอี้ฝานผู้นี้อีก? เจิ้งฝางสวมชุดจากวิหารแบบเดียวกับหลินมู่อวี่และมีแม้กระทั่งตราสัญลักษณ์ของวิหารซึ่ง มันดึงดูดสายตาเป็นอย่างมาก

 

จินเสี่ยวดังกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนจวนเสินโหวจะให้ความสนใจกับการประมูลครานี้ด้วย!”

 

หลินมู่อวี่มองไปที่จินเสียวถัง เขามิไต้ตําหนิเธอ..จินเสียวถังเป็นแม่ค้าดังนั้นเธอสนใจเพียงกําไร…ไม่ใช่ผู้คน…เสียวถังไม่ได้สนใจเรื่องบาดหมางระหว่างหลินมู่อวี่และจวนเสินโหว เนื่องจากมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ

 

หลังจากเจิ้งฟางเสนอราคาหนึ่งหมื่นเหรียญทองก็ไม่มีผู้ใดเสนออีก จนกระทั่งพานจออีกําลังปิดการประมูลก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ หนึ่งหมื่นสองพันเหรียญทอง!”

 

ผู้ประมูลคือหลิงเฟิง

 

พานจื่ออีเผยยิ้ม “คุณชายจากจวนเจิ้นกั่วเสนอราคาที่หนึ่งหมื่นสองพันเหรียญทอง! ท่านอ๋องน้อยเจิ้งฟางต้องการเสนอราคาสู้หรือไม่เจ้าคะ?”

 

เจิ้งฟางกอดอกพร้อมเผยแววตาดื้อรั้นก่อนจะมองหลิงเฟิงจากระยะไกล “ในเมื่อคุณชายจากจวนเจิ้นกั๋วชื่นชอบดาบวายุคลั่งเป็นอย่างมาก เช่นนั้นเจิ้งฟางไม่ขอประมูลต่อและยกให้ท่านขอรับ”

 

หลิงเฟิงประสานมือขณะที่เผยแววตาแปลกประหลาด “ขอบคุณขอรับท่านอ๋องน้อย!”

 

หลินมู่อวี่แอบยิ้มเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าจวนเจิ้นกั๋วและจวนเสินโหวจะไม่ลงรอยกัน เสียเท่าไหร่เมืองหลันเยี่ยนนั้นมั่งคั่งมาก จึงมีผู้มีอิทธิพลกระจายอยู่ทั่วสารทิศและมักสร้างปัญหาหลายรูปแบบ

 

“ดูเหมือนว่าจวนเสินโหวไม่ได้ร่ํารวยอะไรเลยน ทําไมเจิ้งฟางจึงยอมแพ้ง่ายๆ เช่นนั้น” องครักษ์มังกรผู้หนึ่งกล่าวขึ้น

 

หลินมูอวส่ายหัวและกล่าวอย่างสุภาพว่า “มิใช่หรอก เจิ้งฟางเก็บเงินเพื่อประมูลอาวุธชิ้นอื่นๆต่างหาก”

 

“…” องครักษ์มังกรผู้นั้นตกตะลึง

 

สุดท้ายดาบวายุคลั่งถูกประมูลไปได้ในราคาหนึ่งหมื่นสองพันเหรียญทอง ซึ่งเหนือความคาดหมายของหลินมู่อวี่อย่างมาก

 

อาวุธชิ้นถัดไปคือดาบสลายเพลิงซึ่งถูกประมูลไปด้วยมูลค่าหนึ่งหมื่นสามพันห้าร้อยเหรียญทอง อาวุธที่ขายในการประมูลมีราคาแพงกว่าเมื่อเทียบกับราคาขายปกติ ขณะนี้หลินมู่อวี่ขายอาวุธทั้งหมดสี่ชิ้นรวมเงินเป็นสี่หมื่นสองพันเก้าร้อยเหรียญทอง เขาเอนกายทิ้งหน้าต่างอย่างใจเย็นขณะมองไปยังเวที การแสดงสุดแสนน่ามหัจรรย์รอบสุดท้ายยังไม่เริ่มเสียด้วยซ้ํา!

 

“รายการต่อไป…อาวุธอันคมกริบและสง่างามหากท่านผู้ที่คู่ควรได้ถือ!”

 

พานจออีเผยรอยยิ้มจางๆ ด้านหลังเธอมีชายร่างกํายําสองคนถือกระบี่ขึ้นมา ทันใดนั้นเธอหันไปแตะที่ใบดาบ ก่อนจะเกิดน้ําค้างแข็งจับตัวในอากาศ พานจื่ออีพลันอ้าปากพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เย็นมาก…กระบีสงครามเล่มนี้มีชื่อว่า ‘กระบวิญญาณน้ําแข็ง’ ซึ่งเป็นอาวุธนิลระดับห้า ราคาประมูลเริ่มต้นที่หนึ่งหมื่นเหรียญทอง มันคมกริบและเป็นของหายาก ข้าขอแนะนําว่าคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายมิควรพลาดเด็ดขาด!”

 

เจิ้งฟางยกมือทันทีและกล่าวว่า “หนึ่งหมื่นห้าพันเหรียญทอง!”

 

แม้กระบวิญญาณน้ําแข็งจะเป็นเพียงอาวุธระดับห้า ทว่าก็มีระดับสูงกว่ากระบีไฟกลืนกิน ดังนั้นจึงมีความแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน รวมทั้งราคาประมูลเริ่มต้นก็จะสูงขึ้นตามอีกด้วย

 

“หนึ่งหมื่นแปดพันเหรียญทอง!” อวี่เหวินเหลียนตะโกนอย่างราบเรียบ

 

ตามมาด้วยหลิงเฟิงที่ยกมือพร้อมตะโกนว่า “สองหมื่นสองพันเหรียญทอง!”

 

“สองหมื่นห้าพันเหรียญ!”

 

ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่มีใครคาดคิดว่ากระบวิญญาณน้ําแข็งจะเป็นที่หมายตาของเหล่าคุณชายซึ่งพยายามต่อสู้แย่งชิงกันถึงเพียงนี้

 

เจิ้งฟางขบฟันแน่นก่อนจะยกมือพร้อมตะโกนว่า “สามหมื่นเหรียญทอง!”

 

ฝูงชนพลันเงียบลงทันใด แม้กระบวิญญาณน้ําแข็งจะเป็นอาวุธที่ดี ทว่าทุกคนต่างคิดเหมือนกันว่าราคามันมากเกินไปสําหรับกระบีนิลระดับห้า

 

ดวงตาอวี่เหวินเหลี่ยนเปลี่ยนเป็นเย็นชาและมิได้พูดอะไรออกมา เนื่องจากราคาขณะนี้ เกินกว่างบที่ตั้งไว้แล้ว จวนฮู้กั๋วมิได้มีรายได้มากมายเยี่ยงจวนเสินโหว อิทธิพลของเจิ้งอี้ฝาน กว้างขวางไปทั่วแผ่นดิน ซึ่งทําให้เขาได้รับของบรรณาการจากเหล่าขุนนางมากมาย เป็นที่รู้กันที่ว่าจวนเสินโหวนั้นร่ํารวยมากเพียงใด

 

แม้แต่หลิงเฟิงแห่งจวนเจิ้นกั๋วยังต้องประสานมือพร้อมเผยยิ้ม “ในเมื่อท่านอ๋องน้อยต้องการกระบี่เล่มนี้เช่นนั้นขาขอมอบกระบีเล่มนี้ให้ขอรับ”

 

เจิ้งฟางพยักหน้ารับโดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นพลันสั่งคนรับใช้ให้เอาถุงที่เต็มไปด้วยเหรียญเพชรไปแลกกระบี

 

การประมูลดําเนินการไปแล้วกว่าหนึ่งชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว และในที่สุดก็ถึงเวลาเปิดตัวอาวุธชิ้นสุดท้าย ชายร่างกํายําสองนายออกมาพร้อมหอกยาวซึ่งห่อด้วยผ้าสีดํา พานจื่ออีเดินไปข้างหน้า และคว้าด้ามหอก ก่อนจะปล่อยปราณยุทธซึ่งมันฉีกผ้าที่หุ้มหอกไว้จนขาด และเผยให้เห็นหอกอัสนีโลกันตร์

 

‘โฮก!’

 

สายฟ้าโคจรรอบหอกราวกับว่ากําลังเริงระบํา พริบตาเดียว! พยัคฆ์อัสนีพลันปรากฏขึ้นเหนือ หอกเล่มยาวพร้อมส่งเสียงคํารามดังกึกก้องเยี่ยงราชัน

 

“ พระเจ้า…นี่มันจิตวิญญาณสัตว์ระดับปราชญ์” เจิ้งฟางตกตะลึง

 

หลิงเฟิงอ้าปากค้างอย่างประหลาดใจ “พระเจ้า…ร้านค้าแห่งจักรวรรดิสามารถหาอาวุธระดับปราชญ์มาได้…นี่ต้องส่งผลต่อการค้าของเมืองหลันเยี่ยนเป็นแน่…”

 

พานจื่ออีเผยรอยยิ้มขณะลูบไปบนหอกอย่างเบามือก่อนกล่าวว่า “หอกอัสนี้โลกันตร์ ถูกหลอมจากสัตว์วิญญาณพยัคฆ์อัสนี้อายุแปดพันเจ็ดร้อยปีและเป็นอาวุธระดับปราชญ์ขั้นที่เจ็ด อีกทั้งยังสามารถหลอมรวมกับจิตวิญญาณสัตว์ร้ายระดับปราชญ์อีกด้วย จึงถือเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดที่ร้านเรามีขาย และข้าคงมิต้องพูดถึงราคาและคุณค่าของหอกเล่มนี้ ราคาเริ่มต้นที่สามหมื่นเหรียญทอง หวังว่าทุกท่านที่ชํานาญในการใช้หอกจะไม่พลาดโอกาสหาที่ยากเช่นนี้นะเจ้าคะ!”

 

“ห้าหมื่นเหรียญทอง” ก่อนที่เธอจะพูดจบเจิ้งฟางพลันยกมือขึ้น ดูเหมือนว่าเขามุ่งมั่นที่จะชนะการประมูลหอกวิเศษเล่มนี้

 

“เจ็ดหมื่นเหรียญทอง!”

 

หลิงเฟิงแห่งจวนเจิ้นกั๋วยิ้มอย่างเกียจคร้านพร้อมกับเพิ่มเงินประมูลอีกสองหมื่นเหรียญทองเงินจํานวนนั้นมิได้สําคัญอะไรสําหรับเขา

 

เจิ้งฟางตกตะลึงขณะขบฟันแน่นและยกมือขึ้นอีกครั้ง “แปดหมื่นเหรียญทอง”

 

หลิงเพิ่งมองไปยังเจิ้งฟางก่อนจะยิ้มจางๆ “หนึ่งแสนเหรียญทอง”

 

ทั้งสองยังคงแข่งกันเพิ่มราคาประมูลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทําให้คุณชายอวี่เหวินเหลี่ยนแห่งจวนฮู่กั่วตกตะลึงอย่างมาก

 

เจิ้งฟางขบฟันแน่นก่อนจะมองไปที่หลิงเฟิงและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่า…ข่าวเรื่องจวนเจิ้นกั๋วขุดเหมืองแร่จากภูเขาฉันคงเป็นเรื่องจริงสินะ!”

 

หลิงเพิ่งกล่าวอย่างเย็นชา “จวนเจิ้นกั่วเพียงทําตามความประสงค์ขององค์จักรพรรดิ ดังนั้นท่านอ๋องน้อยมิควรว่าร้ายผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐาน เงินทุกเหรียญทองที่จวนเจิ้นกั๋วได้มานั้นบริสุทธิ์!”

 

“เช่นนั้นหรือ?”

 

เจิ้งฟางยิ้มอย่างเย็นชาก่อนจะยกมืออีกครั้ง “หนึ่งแสนสองหมื่นเหรียญทอง!”

 

“หนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญทอง!” หลิงเฟิงยังคงเพิ่มราคาประมูลอย่างต่อเนื่องจนเขาไม่สามารถกลับลําได้อีกแล้ว

 

ใบหน้าเจิ้งฟางเริ่มซีดเผือด เขาต้องการเพิ่มราคาอีกทว่ามีเหรียญทองไม่เพียงพอ เจิ้งฟางใช้ เงินกับกระบี่วิญญาณน้ําแข็งมากเกินไป มิเช่นนั้นคงสามารถประมูลแข่งกับหลิงเฟิงได้ต่อ

 

“ฮึ่ม!”

 

เจิ้งฟางสะบัดแขนอย่างเจ็บใจก่อนจะยอมแพ้การเดิมพันนี้

 

พานจื่ออีที่ยืนอยู่บนเวทีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอแสดงความยินดีกับคุณชายแห่งจวนเจิ้นกั๋ววด้วยที่สามารถชนะการประมูลหอกอัสนี้โลกันตร์ ขอเชิญคุณชายหลิงเพิ่งไปที่หลังเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนด้วยเจ้าค่ะ”

“ขอบคุณมาก!”

 

หลิงเพิ่งประสานมือ

 

จินเสี่ยวถังเผยรอยยิ้มแล้วมองไปที่หลินมู่อวี่ก่อนกล่าวว่า “ยินดีด้วยพี่ใหญ่อาอวี่ ข้าคาดการณ์ว่าหอกอัสนีโลกันตร์จะขายได้เพียงหนึ่งแสนเหรียญทอง ทว่ากลับขายได้ถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญทอง ช่างน่าตกใจจริงๆ!”

 

หลินมู่อวี่พอใจเป็นอย่างยิ่ง แค่หอกอัสนีโลกันตร์เพียงเล่มเดียวก็คืนทุนทุกอย่างให้เขาแล้ว และถึงแม้จะไม่ได้คํานวณวัสดุที่ใช้ทําคันศรกลืนปีศาจของเว่ยโฉวก็ตาม ทว่าก็ทํากําไรให้อย่างมาก! ดูเหมือนว่าทักษะการปรุงโอสถและการหลอมอาวุธของอาอวจะสามารถทําเงินได้อย่างง่ายดายในโลกนี้ เขาจึงต้องใช้ทักษะที่มีอย่างเหมาะสม ถ้าหากว่าเขาไม่สามารถเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ได้อาอวี่ก็จะเป็นผู้ที่ร่ํารวยที่สุดให้ได้!

 

ณ บนเวที พานจื่ออี่ยังคงดําเนินการประมูลต่อไป เธอกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “รายการต่อ ไปที่จะขายคือโอสถ ขออภัยที่ทําให้ท่านต้องรอ ทว่าเรามีโอสถฝันคืนสู่สูงสุดทั้งสิ้นเพียงสี่สิบขวดเท่านั้น ข้ามั่นใจว่าเหล่าจอมยุทธทั้งหลายต่างเคยได้ยินชื่อเสียงของมั่นมาบ้างแล้ว มันเป็นโอสถที่มีฤทธิ์ในการกระตุ้นศักยภาพของร่างกายมนุษย์ได้ดีที่สุดซึ่งไม่สามารถประเมินค่าได้ ทว่าร้านเราได้วิธีปรุงโอสถฝันคืนสู่สูงสุดมาอย่างลับๆ เอาล่ะ ข้าจะไม่พูดอะไรอีก…ราคาเริ่มต้นที่ห้า พันเหรียญทองต่อขวด มาเริ่มกันเลยเถิด!”

 

“แปดพันเหรียญทองต่อขวดและข้าเหมาหมด!”

 

เสียงหยาบกระด้างดังขึ้นจากด้านนอกประตู เมื่อทุกคนหันมองก็พบทหารหนุ่มกําลังเดินนกลุ่มองครักษ์รักษาพระองค์เข้ามา…ฉินเหลยนั้นเอง!

 

“พี่ฉินเหลยก็มาที่นี้ด้วยหรือ?” หลินมู่อวี่ประหลาดใจ

ฉุ่ฉว๋ายเหมี่ยนมองลงไปและกล่าวว่า “นั่นสิเหตุใดพิฉินเหลยถึงมายังที่แห่งนี้?”

 

จินเสี่ยวถังเผยยิ้มกว้าง “ว้าว…แม้แต่ผู้บัญชาการองครักษ์รักษาพระองค์ก็มาด้วย ฮ่าๆๆ ร้านค้าแห่งจักรวรรดิจะมีชื่อเสียงโด่งดังก็ครานี้”

 

หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วก่อนกล่าวว่า “ในเมื่อผู้บัญชาการฉินเหลยต้องการยาฝันคืนสู่สูงสุด…ข้า ขอคืนคําได้ไหม? เสียวถัง…เราสามารถหยุดการประมูลและขายพวกมันให้กับฉินเหลยเป็นการส่วนตัวได้หรือไม่?”

 

จินเสี่ยวถังขยิบตา “ได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ!”

 

จินเสี่ยวถังเคลื่อนตัวไปที่หน้าต่างก่อนจะส่งสัญญาณไปบนเวที จากนั้นพานจออีก็พยักหน้ารับและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ ต้องขออภัยทุกๆ ท่าน…เนื่องจากมีความผิดพลาดเกิดขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นเราจึงขออนุญาตยุติการขายยาฝันคืนสู่สูงสุด…”

 

“ว่าอย่างไรนะ?”

 

ฉินเหลยไม่เข้าใจขณะที่ชักดาบอัสนีทลายก่อนจะตะโกนว่า “เจ้ายุติการขายทันทีที่ข้าซื้อ…นั่นมันหมายความว่าอย่างไรกัน!?”

 

เจิ้งฟาง หลิงเฟิง และคนอื่นๆ ต่างแสดงความไม่พอใจ

 

จินเสี่ยวถังกล่าวจากด้านบนว่า “ผู้บัญชาการฉินเหลย ได้โปรดมาที่ด้านหลังเวทีด้วย ข้าต้องการสนทนากับเป็นการส่วนตัว”

 

ไม่นานฉินเหลยที่อารมณ์ขุ่นมัวก็เข้ามาที่ด้านหลังเวที เขาเกือบจะระเบิดความโกรธออกมา ทว่าพลันเห็นหลินมู่อวี ฉู่ฮว๋ายเหมียน และจินเสี่ยวถังเดินเข้ามาด้วยกัน

 

“อาอวี่…ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยน? พวกเจ้า…” ฉินเหลยเบิกตาโพลง

 

จินเสี่ยวถึงหัวเราะ “ผู้บัญชาการฉินเหลยยังไม่เข้าใจอีกหรือเจ้าคะ? ยาฝันคืนสู่สูงสุดเหล่านี้ ถูกปรุงโดยท่านหลินมู่อวี่เจ้าค่ะ!”

 

“หา!?

 

ฉินเหลยตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม “อาอวี่…นี่เจ้า…รู้วิธีปรุงยาฝันคืนสู่สูงสุดหรือ?”