ตอนที่ 401 งานเลี้ยงของเซียวอ๋อง
กลางดึกสงัด สีหน้าของสวี่ซื่อและนายท่านเมิ่งดำคล้ำยิ่งกว่าท้องฟ้ายามราตรีเสียอีก
“เจ้าบอกข้ามาสิ ว่าเจิ้งหรูเสวี่ยมีตรงไหนไม่เหมาะสมกับเจ้า เหตุใดเจ้าถึงไม่ยินยอม” นายท่านเมิ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจที่ควบคุมสกุลเมิ่งทั้งหมด เขาเกลียดเวลาที่มีคนต่อต้านเขาเป็นที่สุด หากคนตรงหน้าไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง เขาคงจะเรียกคนมาลงโทษด้วยไม้โบยไปแล้ว ไหนเลยจะทนได้ถึงตอนนี้
เมิ่งหนานคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเก้าอี้สองตัว หลังเหยียดตรงดุจพู่กัน สีหน้าสงบเยือกเย็น เขาช้อนสายตาขึ้นมองบิดาที่กำลังโมโห กล่าวเสียงเย็นว่า “ท่านพ่อ ข้าโตแล้วขอรับ ไม่ใช่หนานเอ๋อร์ในอดีตอีกต่อไปแล้ว ข้าหวังว่าข้าจะสามารถจัดการเรื่องใหญ่อย่างงานแต่งของตนเองได้ และเลือกคนที่ข้ารักเพื่อใช้ชีวิตที่เหลือไปด้วยกัน ไม่ใช่เปลี่ยนความสุขบั้นปลายของข้า เป็นเครื่องสังเวยอันเป็นประโยชน์ในวงการขุนนางของพวกท่าน”
นายท่านเมิ่งทุบโต๊ะด้วยโทสะ ฝาถ้วยชาที่ทำจากกระเบื้องอันประณีตพลันกลิ้งลงจากโต๊ะเพราะแรงสั่นสะเทือน ก่อนจะตกลงบนพื้นปูพรมหนาเตอะ
“อกตัญญูนัก เจ้ากล้ากล่าววาจาเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร เจ้าเป็นคุณชายของสกุลเมิ่ง ย่อมต้องเห็นแก่ผลประโยชน์ของตระกูลเป็นอันดับแรก นี่เป็นราคาที่เจ้าต้องแลกกับการที่มีชีวิตหรูหราสุขสบายมาตั้งแต่เด็ก เจ้าไม่รู้หรือไร”
เมิ่งหนานขมวดคิ้ว ความสงบในใจแต่เดิมเริ่มมีไฟโทสะก่อตัวขึ้นมาแทนที่ ในดวงตาที่อบอุ่นค่อยๆ ปรากฏความเย็นชาขึ้นมาแล้ว
“คุณชายของสกุลเมิ่ง? ชีวิตหรูหราสุขสบาย? เหอะ…ท่านพ่อ ท่านไม่รู้จริงๆ หรือว่าเลอะเลือนไปแล้ว ตั้งแต่ข้าเมิ่งหนานเกิดมา ข้าต้องพบความยากลำบากในสกุลเมิ่งนี้มากมายเท่าไร ต้องทนรับความทุกข์เพียงใด ถูกคนลอบทำร้ายกี่หน หนีรอดจากความตายมาได้กี่ครั้ง แม้กระทั่งพี่ชายของข้า…การตายของพี่ชายข้าเป็นแค่อุบัติเหตุจริงหรือ”
เมื่อสวี่ซื่อได้ยินเขาพูดถึงบุตรชายคนโตที่ตายไป นางก็ขอบตาแดงในทันที ในใจรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวนัก
“เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร” นายท่านเมิ่งมองตาขวางใส่เมิ่งหนานด้วยสายตาเฉยชา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเริ่มลนลานทำอะไรไม่ถูก เพราะเขาไม่แน่ใจเลยว่าเมิ่งหนานรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร
เมิ่งหนานแค่นหัวเราะเบา “พูดจาเหลวไหล? ท่านพ่อ ข้าไม่ใช่เด็กน้อยเหมือนในปีนั้นแล้ว ข้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้วขอรับ ข้ารู้ว่าอะไรถูก รู้ว่าอะไรผิด รู้ว่าจะต้องโต้เถียงอย่างไร และรู้ว่าชีวิตหรูหราสะดวกสบายของคุณชายมันน่าหัวร่อปานใด”
เขาเคยคิดนับครั้งไม่ถ้วน ว่าหากเขาไม่ได้เกิดในสกุลเมิ่ง พี่ชายของเขาจะต้องตายหรือไม่ ชีวิตของเขาคงจะไม่มีทางพบกับความจนใจเช่นนี้กระมัง
โดยเฉพาะหลังจากที่เขาพบไป๋จื่อที่เมืองชิงหยวน ความรู้สึกนี้ของเขาก็มีแต่จะรุนแรงขึ้น รุนแรงเสียจนเขาต้องการอิสรภาพ อยากเป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ทำแต่เรื่องที่ตนเองอยากทำเท่านั้น
สวี่ซื่อเห็นสองพ่อลูกเถียงกันเช่นนี้ก็อึดอัดใจนัก นางเช็ดน้ำตาที่หางตาทิ้งไป ก่อนจะดึงแขนเสื้อของสามีเบาๆ กล่าวเสียงเบาว่า “นายท่าน อย่าเพิ่งพูดเรื่องแต่งงานเลย ข้าไม่อยากให้พวกท่านสองพ่อลูกต้องมีปากเสียงกันเช่นนี้”
นายท่านเมิ่งไม่เคยเห็นเมิ่งหนานมีท่าทีเช่นนี้ เขาทั้งประหลาดใจระคนดีใจ ขณะเดียวกันก็ยังรู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่ง
เมิ่งหนานเติบใหญ่แล้ว ในที่สุดแล้วเขาก็เป็นลูกผู้ชายจริงๆ เสียที เขาย่อมดีใจเป็นธรรมดา แต่เมิ่งหนานในตอนนี้ไม่ใช่เมิ่งหนานที่เชื่อฟังคำสั่งทุกอย่างเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นายท่านเมิ่งก็โบกมือ “ช่างเถอะ อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ เจ้าคิดดูให้ดีก็แล้วกัน ผ่านไปอีกสักพักแล้วค่อยมาให้คำตอบที่แน่นอนกับข้า”
เมิ่งหนานไม่ได้พูดอะไร เพราะคำตอบของเขาในวันนี้ก็คือคำตอบที่แน่นอนแล้ว เขาไม่มีทางแต่งกับเจิ้งหรูเสวี่ยเด็ดขาด
นายท่านเมิ่งกล่าวอีกว่า “พรุ่งนี้เซียวอ๋องจะจัดงานเลี้ยงที่ร้านสือเค่อ เจ้าก็ไปร่วมงานเลี้ยงด้วยแล้วกัน”
เมิ่งหนานมุ่นคิ้ว “เซียวอ๋อง? ข้าจะไปทำอะไรที่นั่นกัน” เขาไม่เคยพบเซียวอ๋องมาก่อน เขาไปที่นั่นแล้วจะทำอะไรได้
……….
ตอนที่ 402 บังเอิญ?
นายท่านเมิ่งถอนใจกล่าว “เจ้ากับเซียวอ๋องยังไม่เคยพบกันกระมัง ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ยอมเข้าร่วมงานเลี้ยงพรรค์นี้ก็ช่างเถอะ แต่บัดนี้เจ้าเป็นขุนนางอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว เซียวอ๋องเพิ่งรับตำแหน่งเป็นชินอ๋อง ไม่มีใครในราชสำนักเทียบเคียงเขาได้อีก ต่อไปเขาอาจจะได้ครองบัลลังก์ก็เป็นได้ ตอนนี้เจ้าทำความรู้จักกับเขาไว้นับว่าเป็นโอกาสดีทีเดียว”
ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจหลีกเลี่ยงไม่ให้เมิ่งหนานปรากฏตัวต่อหน้าเหล่าองค์ชายเร็วเกินไป ด้วยกลัวว่าจะยืนผิดที่ผิดทาง ส่งผลกระทบต่ออนาคตของเมิ่งหนาน รวมถึงอนาคตของสกุลเมิ่งด้วย
บัดนี้เซียวอ๋องมีอำนาจมากเหนือใคร ย่อมไม่ต้องกังวลใจเช่นนั้นอีก
เมิ่งหนานคิดจะปฏิเสธ ทว่าก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เขาเพิ่งปฏิเสธงานแต่งงานที่พวกเขาวางแผนไว้เป็นอย่างดี หากตอนนี้ปฏิเสธงานเลี้ยงนี้อีก เกรงว่าจะไม่เป็นการดีเท่าไรนัก
ในที่สุดเขาก็ตอบรับ “ขอรับ!”
นายท่านเมิ่งพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ลุกขึ้นเถอะ กลับไปเตรียมตัวให้เรียบร้อย เซียวอ๋องเป็นบุรุษที่สง่าผ่าเผยเป็นอย่างยิ่ง เขาชอบต่อกลอนกับผู้อื่นเป็นที่สุด คนที่มีความชอบเดียวกับเขาย่อมดึงดูดความสนใจของเขาได้”
เมิ่งหนานตอบรับเสียงเบา แต่เขาไม่ได้เก็บมาใส่ใจเท่าไรนัก เพราะเขาไม่อยากทำตัวเป็นกวีเจ้าเล่ห์เพื่อเอาใจบุรุษคนหนึ่งที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน
…
วันต่อมา ร้านสือเค่อ
คนที่มาร่วมงานเลี้ยงของเซียวอ๋องไม่ได้มีเพียงสกุลเมิ่ง ตระกูลดังและมีอำนาจในเมืองหลวง ไปจนถึงเหล่าราชนิกูลคนอื่น เขาล้วนชวนมาทั้งสิ้น
ภายในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่สุดของร้านสือเค่อมีโต๊ะทั้งหมดสามตัว อาหารเลิศรสถูกจัดวางไว้บนนั้นจนเต็มแน่น แขกเหรื่อมากันพร้อมแล้ว แต่เจ้าภาพกลับยังมาไม่ถึง
ทุกคนต่างก็ทักทายกันอย่างมีมารยาท พร้อมด้วยรอยยิ้มประดับไว้บนใบหน้า ทว่าภายใต้หน้ากากนั้นกลับมีเจตนาต่างๆ มากมาย
“เซียวอ๋องมาแล้ว!” เสียงประกาศดังเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง ทุกคนจึงรีบยืนขึ้นต้อนรับ
เมิ่งหนานขยับตัวตามฝูงชน ตามหลังของท่านพ่อไป ก่อนจะหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู
สกุลเมิ่งมีอิทธิพลมากในเมืองหลวง ตระกูลที่พอจะเทียบเคียงกับสกุลเมิ่งได้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย คนที่ยืนอยู่แถวหน้าสุดจึงต้องเป็นสกุลเมิ่งแน่นอนอยู่แล้ว
เงาร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง เมิ่งหนานยังไม่ทันมองเห็นใบหน้าของเซียวอ๋องชัดเจน ก็ได้ยินเหล่าผู้คนโค้งตัวกล่าวสรรเสริญ จึงทำได้เพียงทำตาม
“ไม่ต้องมากพิธี ไปนั่งเถอะ!”
เสียงของเซียวอ๋องดังกังวานมาก ทว่าก็เจือความเฉยชาอยู่สายหนึ่ง
เมิ่งหนานเงยหน้าขึ้นมองไปยังเงาหลังสูงใหญ่และแข็งแรง ของเซียวอ๋องที่เดินนำอยู่ข้างหน้า
เซียวอ๋องหยุดฝีเท้าที่หน้าเก้าอี้ประธาน ก่อนจะหมุนกายนั่งลง ในที่สุดเมิ่งหนานก็ได้เห็นใบหน้าของเขาเสียที ใบหน้านั้นทั้งหล่อเหลาและเยาว์วัย ทว่าเขาเองก็ประหลาดใจเพราะใบหน้านี้ด้วยเช่นกัน
เซียวอ๋องที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้หน้าตาคล้ายคลึงกับหูเฟิงอย่างคาดไม่ถึง แม้มองเพียงเรียวคิ้ว ดวงตา จมูก และริมฝีปากแล้วจะไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไร แต่หากมองดูใกล้ๆ ดูแล้ว มองอย่างไรก็เหมือนอย่างนั้น
เป็นไปได้อย่างไร บนโลกนี้มีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้ด้วยหรือ
ไม่ เป็นไปไม่ได้ บนโลกนี้ไม่มีทางเกิดเรื่องบังเอิญเช่นนี้แน่
แม้หูเฟิงจะอยู่ที่หมู่บ้านหวงถัว แม้เขาจะเรียกหูจ่างหลินว่าพ่อ แต่เขาช่างแตกต่างกับคนในหมู่บ้านหวงถัวอย่างชัดเจน และเขากับหูจ่างหลินก็ไม่มีความเหมือนกันเลยแม้สักนิด
แม้กระทั่งบางครั้งหูเฟิงยังมีกลิ่นอายที่สูงส่งกว่าเซียวอ๋อง คนที่อยู่เบื้องหน้าเขาผู้นี้เสียอีก
ช่วงเวลากินข้าวหลังจากนั้นไม่เร็วไม่ช้า ทว่าสำหรับเมิ่งหนานล้วนเป็นความทรมานทุกห้วงลมหายใจ เขาอยากจะออกจากที่นี่ใจจะขาด อยากจะกำจัดความสงสัยในจิตใจเหล่านั้นทิ้งเสีย
เขาไม่เคยสนใจเรื่องในราชสำนักมาก่อน ไม่เคยใส่ใจ และไม่เคยเก็บมาคิดด้วยซ้ำ ทว่าเรื่องบางเรื่องได้ยินแล้วแม้อยากจะลืมก็ยากนัก
อย่างเช่น เรื่องที่จิ้นอ๋องหายตัวไปเมื่อสามปีก่อน เรื่องใหญ่สะเทือนใต้หล้าที่ทำให้ฝ่าบาททรงกริ้วเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ถึงกับสั่งให้ทหารออกไปค้นหา ท่านอาคนหนึ่งของสกุลเมิ่งอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย จึงได้รับโทษเช่นกัน