เหลิ่งรั่วปิงคิดไตร่ตรองดีแล้ว เรื่องมาถึงขั้นนี้ คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์ เธอจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะครบสามเดือน เคลียร์โปรเจคแลนด์มาร์คเมืองหลงให้เสร็จ ทางที่ดีที่สุดคือทำให้หนานกงเยี่ยเดินออกมาจากความสัมพันธ์ในอดีตได้ และต่างฝ่ายต่างเริ่มต้นชีวิตใหม่
เธอไม่ได้เกลียดเขามากมายเท่าไร ในทางตรงกันข้ามเธอรู้สึกปวดใจกับความรักของเขา เพราะถึงอย่างไรพวกเขาสองคนก็เคยอยู่ด้วยกันมานาน แต่เธอตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นฉู่หนิงซยา ตัวตนนี้ไม่ได้ได้มาง่ายๆ เธอไม่อาจทำลายมันทิ้ง
ถ้ากลับไปเป็นเหลิ่งรั่วปิงอีกครั้ง เธอจะเผชิญหน้ากับซือคงอวี้อย่างไร? เขาเคยบอกแล้ว เขาอนุญาตให้เธอทำตามอำเภอใจได้อีกแค่ครั้งเดียว แต่ตอนนี้เธอไม่เชื่อฟังเขาอีกครั้งแล้ว ทั้งยังหักหลังเขาเป็นครั้งที่สอง เธอไม่มีความกล้ามากพอที่จะเผชิญหน้ากับความโมโหของเขา ซือคงอวี้เองก็เคยพูดแล้ว ไม่ว่าจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรก เขาจะจับตัวเธอกลับไป หากสุดท้ายต้องกลับไปเดินทางนี้ แล้วเธอมีความจำเป็นอะไรที่ต้องเปลี่ยนตัวตนเป็นฉู่หนิงซยา
จัดการความรู้สึกของตนเอง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าขึ้นไปนอนบนเตียง ผ้าห่มนี้ยังเป็นผืนเดิมที่เธอเคยใช้ มันยังคงมีกลิ่นของหนานกงเยี่ย หรือเขานอนบนเตียงนี้ทุกวัน?
เหลิ่งรั่วปิงเบ้ปาก รู้สึกรังเกียจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถือสาอะไรมากมาย เธอมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มเตรียมที่จะนอนพักผ่อน ตอนที่เธอล้มตัวนอนลงไปนั้นรู้สึกเหมือนนอนทับโดนของบางอย่าง เป็นของแข็งๆ
เหลิ่งรั่วปิงลุกขึ้นนั่ง เลิกผ้าห่มขึ้น เธอเห็นปากกาบันทึกเสียงหนึ่งด้าม ซึ่งเป็นด้ามเดียวกับที่เธอให้เป็นของขวัญหนานกงเยี่ย
มองดูปากกาบันทึกเสียงพร้อมกับหวนคิดถึงเรื่องในอดีต เธอรู้สึกเศร้าเล็กน้อย วันนั้น เธออยากจะมอบหัวใจทั้งดวงให้เขาแล้วจริงๆ
กดปุ่มเปิดเบาๆ เสียงของเธอที่เคยอัดเอาไว้ในปากกาบันทึกเสียงดังขึ้น
“หนานกงเยี่ย ของขวัญชิ้นนี้ฉันคิดอยู่นานกว่าจะตัดสินมอบให้คุณ ซึ่งก็คือหัวใจของฉัน คุณเอาแต่บอกว่าอยากได้หัวใจของฉัน ตอนนี้ฉันตัดสินใจยกมันให้คุณแล้ว หวังว่าคุณอย่าทำให้ฉันผิดหวังนะคะ หัวใจของฉันมันเล็กมาก และยังใจแคบมากอีกด้วย หัวใจของฉันมีได้แค่คนเดียว ดังนั้นฉันจะรักคุณแค่คนเดียว แต่ฉันก็อนุญาตให้คุณรักฉันแค่คนเดียวเหมือนกัน ฉันไม่อนุญาตให้คุณมีผู้หญิงคนอื่น อวี้หลานซีก็ไม่ได้ คุณทำได้ไหมคะ ฉันอยากได้ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ อยากมีครอบครัวที่มีความสุข คุณให้ฉันได้ไหมคะ”
ถูกต้อง วันนั้น เธออยากจะบอกเขาว่า เธอยินดีที่จะอยู่ข้างกายเขา เธออยากมีครอบครัว อยากมีลูกกับเขา อยากได้รับการปกป้องจากเขา ไม่กลับไปที่วิหารอีก
แต่ว่า วันนั้น เขากลับทำให้เธอต้องอับอาย
แน่นอน ตอนนี้เธอรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว เขาไม่ได้คิดอยากจะทำร้ายเธอ เพียงแต่อยากใช้ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นเครื่องมือให้เธอเผยความรู้สึกของตนเองออกมา เขารู้มานานแล้วว่าหลังจากที่เธอแก้แค้นเสร็จ เธอก็จะไปจากที่นี่ อีกทั้งเธอก็เอาแต่ยืนกรานว่าไม่รักเขา ดังนั้นหลังจากลั่วเฮิ่งตกนรก เขาก็ยิ่งกระวนกระวาย กลัวว่าเธอจะไปจากเขา โกรธที่ทำไมเธอจึงไม่รักเขาแม้แต่น้อย เขารักเธอมาก แต่กลับไม่ได้รับความรักตอบ สุดท้ายเขาจึงต้องเลือกวิธีนี้
อวี้หลานซีทำให้สุดท้ายเขาจัดการกับตอนจบไม่ได้
พูดในมุมมองของคนนอก การบอกลาในครั้งนั้น เธอเองก็มีส่วนผิด
นึกถึงตอนอยู่บนทางด่วน มีดบินของเธอปักเข้าไปในตัวเขาอย่างไร้ความปรานี ใบหน้าอิดโรยของเขา เพราะอดหลับอดนอนตลอดทั้งคืนจึงทำให้ดวงตาแดงก่ำ กลายเป็นภาพที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ในตอนนั้นเขาไม่โทษเธอแม้แต่น้อย มีเพียงแค่ความปวดใจและสิ้นหวัง ไม่ว่าเธอจะทำร้ายเขาอย่างไร หนานกงเยี่ยก็ไม่เคยตำหนิเธอ เขาเพียงแค่เสียใจที่เธอไม่ยอมรักเขา หัวใจของเธอเจ็บปวดเพิ่มขึ้นมาอีกนิด
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ เหลิ่งรั่วปิงเก็บปากกาบันทึกเสียงไว้ใต้ผ้าห่มอย่างรวดเร็ว ลุกขึ้นไปเปิดประตู
สีหน้าของหนานกงเยี่ยดูประหม่า เขาทำตัวไม่ถูก พูดอ้ำๆ อึ้งๆ “ผม…ผมขอเข้าไป…เอาของได้ไหมครับ”
เหลิ่งรั่วปิงพยักหน้า หลีกทางให้เขาเข้ามา
หนานกงเยี่ยเดินมาที่เตียงด้วยสีหน้าเศร้าๆ เขาเลิกผ้าห่มขึ้น แล้วจับปากกาบันทึกเสียงเอาไว้ในมือ หันมาหาเธอด้วยรอยยิ้มบางเบา “เรียบร้อยแล้วครับ คุณนอนเถอะ”
หนานกงเยี่ยไม่มีทีท่าจะอยู่ต่อ หลังจากได้ปากกาบันทึกเสียงก็พร้อมจะเดินออกไป เหลิ่งรั่วปิงอดใจไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ปากกาด้ามนี้สำคัญกับคุณมากเหรอคะ”
หนานกงเยี่ยชะงักฝีเท้า หันกลับมา มองเข้ามาในแววตาของเหลิ่งรั่วปิง “สำคัญมากครับ หลายเดือนที่ผ่านมานี้ผมต้องฟังเสียงเธอถึงจะนอนหลับ ถึงจะกินข้าวลง” ยิ้มจางๆ “ถ้าเธอไม่ทิ้งบันทึกเสียงนี้เอาไว้ ผมคงไม่อาจอยู่ได้จนถึงตอนนี้”
“ฉู่หนิงซยา ก่อนที่เหลิ่งรั่วปิงจะไปจากผม ผมรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่อยู่เหนือการควบคุมของผม แต่หลังจากที่เหลิ่งรั่วปิงไปจากผม ผมรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ชายที่ไม่เอาไหนที่สุดในโลก เพียงแค่ขาดเธอไปคนเดียว โลกทั้งใบของผมกลับว่างเปล่า จิตวิญญาณของผมก็ไปกับเธอด้วย จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าโลกทั้งใบของผมไม่มีความหมายใดๆ”
“ก่อนที่เธอจะจากไป ผมไม่เคยคิดจะแต่งงานกับเธอ ไม่เคยคิดว่าจะมีการแต่งงานเกิดขึ้นในชีวิต ไม่เคยคิดถึงการมีครอบครัว ผมแค่อยากอยู่กับเธอเงียบๆ เท่านั้น และผมก็ไม่เคยคิดถึงความรักนิรันดร์อะไรด้วย จนกระทั่งเธอไปจากผม ผมถึงเข้าใจทุกอย่างขึ้นมากะทันหัน หัวใจของผมกลายเป็นนิรันดร์ไปแล้ว ผมจะแต่งงานกับเธอ จะสร้างครอบครัวกับเธอ จะอยู่กับเธอไปชั่วชีวิต ไม่สิ แค่ชั่วชีวิตหนึ่งยังไม่พอ ชาติหน้า ชาติต่อๆ ไป ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอเพียงแค่วิญญาณของผมยังไม่แตกสลาย ผมจะรักเธอ”
ช่างเป็นการแสดงความรักที่ลึกซึ้ง ช่างเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ หากเป็นเมื่อหลายเดือนก่อน เหลิ่งรั่วปิงต้องตื้นตันใจอย่างแน่นอน แต่เวลานี้ ถึงแม้เธอจะตื้นตันใจ แต่ในความตื้นตันใจของเธอกลับมีความรู้สึกบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป
ความรู้สึกบางอย่าง เมื่อมันผ่านไปแล้วมันก็ผ่านไป
เหลิ่งรั่วปิงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “คุณหนานกง ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของคุณทำให้คนหวั่นไหวมากจริงๆ ค่ะ แต่ว่าฉันเองก็เคยพูดแล้ว ต่อให้รักมากเท่าไหร่ ถ้าให้ในตอนที่ผู้รับต้องการ เป็นการทำให้หัวใจอบอุ่น แต่ถ้าให้ในตอนที่ผู้รับไม่ต้องการ มันเป็นการยัดเยียด ฉันเชื่อว่าเหลิ่งรั่วปิงตัดสินใจไปจากคุณ แสดงว่าเธอไม่คิดจะย้อนกลับมาแล้ว ความรักที่คุณมีต่อเธอ เธออาจจะตื้นตันใจ ไม่เกลียดคุณอีก ถึงขั้นพร้อมที่อวยพรคุณ แต่เธอไม่อยากกลับมาแล้ว คุณปล่อยวางไม่ดีหรือคะ”
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วมองลึกเข้าไปในแววตาของเหลิ่งรั่วปิง ความรู้สึกเจ็บปวดปรากฏขึ้นมาในแววตาของเขา “ทำไมถึงไม่ยอมกลับมา ความจริงใจของผมมันยังไม่เพียงพออีกเหรอครับ เมื่อก่อนผู้ชายของเธอไม่รู้จักความรัก ไม่เข้าใจการแต่งงาน ไม่รู้ว่าอะไรคือคำว่านิรันดร์ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เขาอยากจะแต่งงานกับเธอ อยากจะสร้างครอบครัวกับเธอ อยากจะให้รักนิรันดร์กับเธอ ขอเพียงแค่เธอยอมกลับมา พวกเราก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้”
เหลิ่งรั่วปิงหลุบตาลงด้วยความจนปัญญา เธอลอบถอนหายใจเบาๆ ตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งนิ่งงันราวกับน้ำทะเล “คุณหนานกง ไม่ใช่ว่าทุกความรู้สึกจะกลับไปเป็นเหมือนตอนแรกได้หรอกนะคะ ทุกคนต่างไม่มีทางเลือก ในเมื่อเหลิ่งรั่วปิงเธออยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ คุณปล่อยเธอไปไม่ได้เหรอคะ”
เธอเองก็ไม่มีทางเลือก ไม่ว่าหนานกงเยี่ยจะรักเธอมากแค่ไหน และเธอจะซึ้งใจมากเท่าไร วิหารซีหลิงก็เป็นสิ่งที่เธอไม่อยากข้ามผ่านไปอีก ตอนนั้นที่เธอตัดสินใจอยู่กับเขา เธอต้องรวบรวมความกล้าทั้งชีวิตถึงจะตัดสินใจได้ ตัดสินใจที่จะต่อต้านซือคงอวี้ แล้วบอกตัวตนของเธอให้กับหนานกงเยี่ย
การตัดสินใจบางอย่าง ตัดสินใจไปครั้งหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีความกล้าที่จะตัดสินใจเป็นครั้งที่สอง
การตัดสินของเธอในครั้งนั้นเป็นการเดิมพัน เดิมพันว่าหนานกงเยี่ยจะไม่สนใจตัวตนของเธอ และพร้อมที่จะสู้กับวิหารซีหลิงเพื่อเธอ แต่ครั้งนี้ เธอไม่อยากเดิมพันอีกแล้ว เพราะการเดิมพันมีโอกาสแพ้ เธอแพ้ไปแล้วครั้งหนึ่ง ไม่อยากแพ้เป็นครั้งที่สอง ชีวิตของเรา อยู่ในกำมือของเราถึงจะสบายใจที่สุด ตอนนี้เธอคือฉู่หนิงซยา เธอมีความสามารถในการควบคุมชีวิตของตนเอง หนีออกมาจากกรงขังในอดีต เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะยอมทำลายทุกอย่างที่มีในตอนนี้เพื่อความรัก
ผู้ชาย ไม่เคยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ ถึงแม้เธอจะเคยหวั่นไหวให้กับหนานกงเยี่ย แต่เขายังคงไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเธอ ดังนั้น ตอนนั้นเธอจึงตัดสินใจออกมาอย่างเด็ดขาด ตอนนี้ เธอเองก็ยืนกรานที่จะไม่กลับไป
มองดูแววตาของเหลิ่งรั่วปิงที่เหมือนจะเข้าใจทุกอย่าง หนานกงเยี่ยคลี่ยิ้มบางๆ “ผมปล่อยเธอไปไม่ได้หรอกครับ เพราะไม่มีใครปล่อยผมไปได้” เขาจับใบหน้าของเธอด้วยความทะนุถนอม “ฉู่หนิงซยา แววตาของคุณมันบอกกับผมว่า คุณมองโลกจนเข้าใจทุกอย่าง เหมือนคุณจะรู้กฎเกณฑ์มากมาย แต่สิ่งที่ผมอยากพูดก็คือ ต่อให้กลายเป็นพระก็ยังมีเรื่องที่ทำให้ใจต้องไหวหวั่น คุณเองก็ไม่มีข้อยกเว้น”
เหลิ่งรั่วปิงหลุบตาลงอีกครั้ง เธอเงียบ ถูกต้อง ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจทุกอย่าง แต่ใจของเธอกลับไม่อาจนิ่งได้ และไม่อาจหลีกหนีจากโลกภายนอกแล้วเป็นพระได้ เขายังคงทำให้เกิดคลื่นในหัวใจของเธอ
“ครับ พักผ่อนเถอะครับ ในเมื่อคุณรับปากว่าจะอยู่กับผมสามเดือน ก็ทำใจให้สบายแล้วดื่มด่ำกับความรักที่ผมจะมอบให้คุณ นะครับ?” แววตาของหนานกงเยี่ยเป็นประกายแวววับ แม้ว่าเขาจะเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน แต่แววตาของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง “ไม่ว่าคุณจะอยากได้อะไร ผมยินดีที่จะให้คุณ ขอเพียงเป็นสิ่งที่ผมมี ผมจะให้คุณทั้งหมด ตอนนี้ถ้าคุณอยากได้ชีวิตของผม ผมก็ยินดีที่จะให้คุณโดยไม่ลังเล”
ขณะที่เหลิ่งรั่วปิงกำลังคิดด้วยความสับสน หนานกงเยี่ยประทับจูบลงมาบนริมฝีปากของเธอ กลิ่นของเขาปะทะเข้ามาในจมูกของเธอ ทำให้เธอสูญเสียความคิด ความทรงจำในร่างกายถูกเขาปลุกตื่นขึ้นมาอย่างง่ายดาย ซบอยู่ในอ้อมกอดของเขา ปล่อยให้มือใหญ่จับคอระหงส์ รับรสจูบเอาแต่ใจของเขา
หนานกงเยี่ยไม่ได้ได้คืบเอาศอก เพียงแค่บรรเทาความคิดถึงก็รีบละออกจากริมฝีปากของเธอ ไม่ว่าร่างกายจะปรารถนามากเพียงใด แต่เขารู้ดีว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะหวั่นไหว หากเขาต้องการมากเกินไปรังแต่จะทำให้เธอรำคาญ
เขายิ้มแล้วปล่อยตัวเธอ ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มบางเบา “รสจูบของคุณดีมาก” ก่อนที่เธอจะโมโห เขารีบหมุนตัวหันหลังเดินออกไป “ฝันดีนะครับ ฉู่หนิงซยา”
มองดูประตูห้องที่ถูกปิดลง เหลิ่งรั่วปิงดึงสติกลับมา เขาจูบเธอ และเธอก็ไม่ปฏิเสธแม้แต่น้อย!
ทันใดนั้นความโมโหพลุ่งพล่านขึ้นมา
เธอรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ล้างปากของตนเองอยู่หลายรอบ ตามด้วยรู้สึกรังเกียจ เหลิ่งรั่วปิงปิดก๊อกน้ำ วิ่งกลับไปบนเตียง มุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ภายใต้ความมืดมิด เธอจับริมฝีปากของตนเองอย่างไม่อาจห้ามใจไว้ได้ ถึงแม้จะล้างไปหลายรอบ แต่ก็ยังมีรสชาติของเขา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรสชาติของเขามันชัดเจนเกินไป จนล้างไม่สะอาด หรือเป็นเพราะรสชาตินี้อยู่ในความทรงจำ จึงทำให้ล้างไม่ออก
หนานกงเยี่ยกลับไปที่ห้องของตนเอง เขาพิงตัวอยู่ที่ประตูแล้วหัวเราะเสียงเบา ริมฝีปากของเขาอวลด้วยรสชาติของเธอ รสชาติของเธอเหมือนในความทรงจำ เหมือนในฝัน ทั้งยังหอมหวานยิ่งกว่า
ร่างกายของเธอจดจำเขาได้ ถึงแม้หัวใจของเธอจะปฏิเสธเขา แต่ร่างกายของเธอกลับถูกเขาปลุกตื่นอย่างง่ายดาย สิ่งนี้ทำให้เขาดีใจมาก ดีใจมากๆ
เขาเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดเมื่อกี้ เธอบอกว่าทุกคนล้วนมีสิ่งที่เลือกไม่ได้ เธอกำลังพูดถึงองค์กรที่อยู่เบื้องหลังมั้ง ต้องมีสักวันหนึ่ง เขาจะบอกเธอ ไม่เป็นไร ขอแค่เธอยอมกลับมา เขาไม่เกรงกลัวอำนาจใดๆ ต่อให้เป็นสวรรค์ เขาก็พร้อมจะสู้