คนผมทองรวมกับพี่น้องสี่คนเดินเข้าไปในหมู่บ้านด้วยท่าทีทะนงองอาจ และอวดศักดาราวกับไก่ตัวผู้ ปรี่เข้าไปหาฟางเจิ้งพลางตะโกนเสียงดัง “เฮ้ย ไอ้หลวงจีนเวร ยังไม่ไปอีกเหรอวะ?! ดูท่าวันนี้คงต้องให้แกผ่อนคลายสักหน่อย! แล้วก็ไอ้พวกนั้นอีก เมื่อกี้เก่งนักใช่ไหม…หืม?! พวกแกอย่าคิดหนี ฉันบอกไว้เลยนะ หลวงจีนหนีได้แต่วัดหนีไม่ได้ วันนี้พวกแกต้องได้เห็นดี!”

ฟางเจิ้งได้ยินก็ยิ้มหยันในใจ ลุกขึ้นเดินมาหน้าหมู่บ้าน ประนมสองมือเอ่ย “อมิตาพุทธ ประสก ในตัวมีแต่กลิ่นอายของบาปกรรม แรงกรรมรุนแรงมากทีเดียว ถ้าสร้างกุศลไม่ทันจะเป็นกรรมชั่วนะ”

“ไปหาพ่อเอ็งนู่น พูดกับฉันไปไม่มีประโยชน์! แกต่อยพี่น้องฉัน ชดใช้เงินมาเลย! หนึ่งหมื่น! ถ้าน้อยกว่านั้น ฉันจะตัดแขนแกหนึ่งข้าง!” เหมียวหลงพูดจบก็เอ่ยต่อ “พี่หูจื่อ เป็นไอ้นี่แหละที่ทำผมเสียเรื่อง!”

หูจื่อยืนอยู่ข้างหลัง พวกคนหัวทองสี่คนตัวสูงใหญ่ทำให้เขามองเห็นสถานการณ์ไม่ชัด เพื่อเสริมดุลฐานะให้ตนดูเด่นในตอนท้าย เขาจึงไม่ได้ก้าวออกไป แค่รอเรียกเท่านั้น พอเหมียวหลงกล่าว หูจื่อถึงยืดอกแสดงท่าทีว่าตนเป็นพี่ใหญ่สุด เดินเข้าไปกล่าวเสียงดังวาน “ใครมันกล้ารังแกพี่น้องเรา ไม่อยากมีชีวิตแล้วรึไงวะ? ก้าวออกมาให้ฉันเห็นหน้า!”

ฟางเจิ้งได้ยินเสียงก็มองไป จากนั้นพลันยิ้ม! เขารู้จักคนคนนี้แถมยังคุ้นเคยเล็กน้อย นี่มันโจรคนนั้นที่จะขโมยของบนรถแล้วตกใจเขาจนวิ่งหนีไปไม่ใช่หรือ? พริบตาเดียวกลายเป็นพี่ใหญ่ให้คนอื่นซะแล้ว!

ฟางเจิ้งประนมสองมือสวดบทหนึ่ง “อมิตาพุทธ ประสก ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

“อย่ามาตีซี้หน่อยเลย พี่หูจื่อรู้จักแกด้วยเหรอ ตลกเถอะ!” เหมียวหลงอ้าปากจะด่า ตอนนี้คนเยอะ มีความมั่นใจพอ ถ้าไม่ด่าเดี๋ยวคนจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร

ทว่าสิ้นเสียงก็ได้ยินเสียงร้องตกใจดังมาจากข้างหลัง!

เดิมทีหูจื่อคิดวิธีออกโรงเอาไว้มากมาย กระทั่งคิดว่าจะเลียนแบบบุคลิกของพี่ฟะ[1]ดีไหม แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นฟางเจิ้งแล้วก็ตกใจจนขาอ่อนยวบ แทบจะคุกเข่าลง! นี่มันหลวงจีนที่บิดมีดเขาจนเป็นขนมหมาฮวา ทำให้เขาตกใจวิ่งบนหิมะอยู่นานจนขาแข็ง แล้วกลับไปฝันร้ายไม่ใช่หรือ?

แต่อยู่ดีไม่ว่าดี เหมียวหลงด่าไปแล้ว! นี่เท่ากับสร้างปัญหาใหญ่ให้เขา!

ดังนั้นหูจื่อจึงไม่คิดอะไรแล้ว ใช้มือตบไปทีหนึ่ง!

เพียะ!

“เฮ้ย ใครแม่งตบ…พี่หูจื่อ พี่ตบผมทำไมเนี่ย?” เหมียวหลงกุมหัวข้างหลังที่แสบร้อน ถามกลับไปด้วยความคับอกคับใจ

หูจื่อตอบ “ตบแก? ถ้าฉันไม่ตบนั่นแปลว่าแกถูกไง! ไสหัวไปข้างๆ เลย!”

เหมียวหลงมีสีหน้ามึนงง นี่มันเรื่องอะไรกัน?

ยังไม่ทันที่เหมียวหลงจะพูดอะไร หูจื่อเข้าไปอยู่ตรงหน้าฟางเจิ้ง หยิบบุหรี่ออกมามวนหนึ่ง “ไต้ซือ เอ่อ สูบบุหรี่ไหม?”

ฟางเจิ้งส่ายหน้า “อาตมาไม่สูบบุหรี่ ประสกมากับประสกท่านนี้เหรอ?”

เหมียวหลงจะตอบ แต่หูจื่อส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด “รู้จักน่ะครับ ไม่ได้มาด้วยกัน เอ่อคือว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ?”

จิ่งเหยียนมองฟางเจิ้ง มองหูจื่อ จากนั้นก็เข้าใจบางอย่าง จึงเดินเข้ามาเล่าสถานการณ์คร่าวๆ

หูจื่อฟังจบแล้วบุหรี่ในมือตกพื้น กล่าวเสียงทะมึนว่า “เหมียวหลง แกมานี่เลย!”

“พี่หูจื่อ อะไร อะไรครับ?” เหมียวหลงถาม

ป้าบ!

หูจื่อกลับพลิกมือตบหน้าเข้าไปอย่างแรง!

“พี่หูจื่อ ตีผมทำไมเนี่ย?” เหมียวหลงถูกตบจนปากมีเลือดไหลตรงมุมปาก พวกหัวทองคนอื่นๆ ก็ร้อนใจเล็กน้อย

หูจื่อด่าทอ “งามไส้ เป็นโจรก็ต้องมีคุณธรรมเข้าใจไหม แกหาเงินด้วยความเมตตาของคนทั้งประเทศเหรอ จิตใจดีๆ ของแกถูกหมากินไปแล้วรึไง?!”

เหมียวหลงได้ยินดังนั้นก็อึ้งไป ก่อนจะโมโหขึ้นมาเหมือนกัน “หูจื่อ แกแม่งเป็นบ้าไรวะ แกบอกฉันเหรอ? แกลืมไปแล้วรึไงว่าเคยทำอะไรไว้บ้าง แกมันก็ไม่ใช่คนดีหรอกเว้ย!”

“ฉันไม่ใช่คนดีจริงๆ ฉันขโมยเงิน แต่ฉันก็มีขีดจำกัด! ไม่ขโมยเงินคนช่วยเหลือคนอื่น ไม่ขโมยเงินคนแก่ ไม่ขโมยเงินเด็ก! แกมันงามหน้านัก มาหลอกหมู่บ้านยากจน! แถมยังดึงขีดกำจัดของการเป็นคนให้ต่ำกว่าเส้นขอบโลกอีก! แกมันชั่วจริงๆ!” หูจื่อโกรธแล้ว

เหมียวหลงเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก “ได้ ฉันเข้าใจแล้ว พวกเรามาด้วยกัน! แต่แกแม่งขายพวกเรา! ที่เรียกแกว่าพี่หูจื่อก็เพราะให้เกียรติหรอกวะ แกนี่มันหน้าด้าน! พี่น้องเราอัดพวกมัน!”

เหมียวหลงพูดพลางชักมีดพับออกมาเล่มหนึ่ง คนหัวทองอีกสี่คนชักมีดสปริงออกมา

หูจื่อเห็นดังนั้นก็โมโหกว่าเดิม “คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ใช่มีด ทำไมพวกแกเอามีดมาด้วย?”

“ไสหัวไปไกลๆ เลย คนโง่ต่างหากที่ไม่ใช้มีด! พวกแกมันโง่ จะคุกเข่าลง หรือวันนี้ให้ฉันแทงพวกแกทีละคน!” เหมียวหลงตะโกน

หูจื่อกำลังจะพูด แต่มีร่างเงาสีขาวมาอยู่ตรงหน้าหูจื่อ ประนมสองมือเอ่ย “อมิตาพุทธ ประสก วางมีดในมือลงเถอะ แรงกรรมของประสกวนเวียนรอบตัว ถ้าไม่สร้างกุศลให้ทันเวลา เกรงว่าจะต้องเจอกับโชคร้าย”

“หลวงจีนห่านี่พูดมากจังวะ ถ้าไม่ไสหัวไปอีก ฉันจะแทงแกก่อนเลย!” เหมียวหลงพูดจบก็ควงมีดในมือ

ทว่าเบื้องหน้าพร่ามัว มีมือใหญ่ข้างหนึ่งพลันคว้ามีดไว้!

หูจื่อเห็นดังนั้นจึงคิดในใจ ‘มาแล้ว! มาอีกแล้ว!’

เหมียวหลงร้องโวยวาย “แกจะทำอะไรวะ?”

แกรก!

มีดในมือเหมียวหลงหัก!

คนหัวทองคนอื่นๆ เห็นดังนั้นจึงตะคอกในลำคอด้วยความโกรธ ควงมีดแทงเข้ามาจริงๆ

หูจื่อด่าทอ “ไอ้พวกโง่เอ๊ย เอาจริงเหรอวะเนี่ย! ไต้ซือระวัง!”

จิ่งเหยียนตะโกนด้วยเช่นกัน “ไต้ซือระวัง!”

มีดสี่เล่มแทงเข้าใส่ฟางเจิ้งจริงๆ ทุกคนกลับได้ยินเสียงที่น่าตกใจดังแก๊งๆๆๆ! เสียงเหล็กกระทบกันดังขึ้นสี่ครั้ง จากนั้นมีดของสี่คนกระเด้งออกไป! ฟางเจิ้งหมุนตัวกลับฟาดมือใหญ่ลงไปดังป้าบๆๆๆ สี่ครั้ง สี่คนนี้ร้องโอดครวญพร้อมกัน มีดในมือร่วงหล่น ก่อนจะถูกฟางเจิ้งคว้าไว้ด้วยมือเดียว!

ฟางเจิ้งหมุนตัวอีกครั้ง มีดสี่เล่มอยู่ในมือ เหมียวหลงตกใจจนถอยกรูดไป ร้องลั่นขึ้นว่า “แกจะทำอะไร?! อย่าเข้ามานะเว้ย! ทุกคนเป็นอารยชน แกเป็นนักบวช เอ่อ…วางมีดลงแล้วจะสำเร็จอรหันต์ทันทีนะ!”

ฟางเจิ้งประนมสองมือ ได้ยินเพียงเสียงดังแกรก มีดสี่เล่มหักพร้อมกัน!

เหมียวหลงมองฟางเจิ้งราวกับเห็นผี ถอยกรูดไปข้างหลัง

ฟางเจิ้งกล่าว “พวกโยมชอบมีดกันไม่ใช่เหรอ?”

เหมียวหลงกลืนน้ำลาย พยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ ชอบ เอ่อ…มีดนั่นคือ…ของสะสม ไว้ขู่ให้คนกลัวเฉยๆ” เขาเริ่มกลัวบ้างแล้ว

ฟางเจิ้งพยักหน้าเบาๆ “ดีมาก หวังว่าจากนี้พวกโยมจะยังชอบมีดนะ ถ้าไม่ชอบแล้วก็ไปหาอาตมาที่ภูเขาเอกดรรชนีได้”

เหมียวหลงไม่เข้าใจความหมายเลย แต่ตนไม่มีอาวุธแล้ว อีกฝ่ายก็คนเยอะกว่า เรื่องนี้ทำต่อไปไม่ได้แล้วแน่ๆ ยอมถอยก็แล้วกัน! ดังนั้นเหมียวหลงจึงพยักหน้ารัวๆ จากนั้นเรียกพี่น้องของตนขึ้นรถหนีไป

“ไต้ซือ จะปล่อยพวกเขาไปแบบนี้เหรอ?” จิ่งเหยียนถามด้วยความไม่ยอม

ฟางเจิ้งยิ้มน้อยๆ บอกว่า “วางใจได้ จากนี้พวกเขาจะไม่ก่อเรื่องอีก อ้อ สีกา เมื่อไรจะส่งอาตมากลับวัดเอกดรรชนีล่ะ”

จิ่งเหยียนมองฟางเจิ้งด้วยความสงสัย “ทำไมท่านพูดจาดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเลยล่ะ”

……………………………………………….

[1] พี่ฟะ หมายถึงโจวเหวินฟะ นักแสดงชาวฮ่องกงที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และเป็นต้นแบบตัวละครแนวมาเฟีย