ตอนที่ 165 การลงโทษจากฟางเจิ้ง

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

“วางใจเถอะ พวกเขาไม่กล้ามาแล้วละ ถ้ามาอีกผมจะจัดการเอง” หูจื่อเดินเข้ามาเอ่ย

ฟางเจิ้งประนมสองมือ “ประสกหูจื่อ การกลับใจคือฟากฝั่ง ถ้ายังยึดมั่นในความหลงผิดไม่รู้แจ้ง พวกเขาห้าคนก็จะมีจุดจบของพวกเขา”

หูจื่องงเล็กน้อยเหมือนกัน พวกเหมียวหลงแค่ถูกหักมีดเท่านั้นเอง จะมีจุดจบอะไร? หูจื่อก็ไม่ใส่ใจ แต่เขาไม่กล้าหาเรื่องอะไรฟางเจิ้งแล้ว หักมีดด้วยมือเปล่า ฟันแทงไม่เข้า น่ากลัวเหลือเกิน จึงรีบร้อนเอ่ยลาจากไป

เมื่อพวกหูจื่อไปแล้วก็ไม่มีอะไรอีก ฟางเจิ้งจึงบอกลากับชาวบ้าน

ในที่สุดจิ่งเหยียนก็เผยฐานะออกมา รับรองว่าจะตีแผ่ความจริงเรื่องนี้ออกไป พลังจากการตามสืบหาของสังคมจะช่วยพวกเขาได้จริงๆ แน่ พวกชาวบ้านส่งฟางเจิ้งกับจิ่งเหยียนออกจากหมู่บ้านด้วยความซาบซึ้งใจยิ่ง โดยเฉพาะพวกเด็กๆ ยิ่งจะยัดนกกระดาษที่พับด้วยตัวเองใส่มือฟางเจิ้ง หวังว่านกกระดาษนี้จะนำพาโชคดีมาให้เขาได้

ฟางเจิ้งเก็บไปอย่างระมัดระวัง และขึ้นรถจากไป ไม่มีใครเห็นเลยว่าบนต้นไม้ไกลๆ ขยับไหว มีสีแดงขยับวูบวาบผ่านไป

“ไต้ซือ ถามอะไรหน่อยสิคะ?” ระหว่างทาง จิ่งเหยียนอดใจไม่ไหว ในที่สุดก็ถามขึ้น

ฟางเจิ้งเห็นเธออ้ำๆ อึ้งๆ ตลอดทาง ในที่สุดก็ถามสักที เขาจึงผ่อนลมหายใจโล่งอกตามไปด้วย ไม่อย่างนั้นตนคงอึดอัดแทนจิ่งเหยียน

จิ่งเหยียนว่า “ไต้ซือ เอ่อ ฉันเห็นคลิปต้นกกข้ามฟากของท่านแล้ว ท่านใช้ต้นกกข้ามฟากจริงๆ เหรอคะ?”

ฟางเจิ้งยิ้ม “สีกาคิดว่าไงล่ะ?”

“ของจริง! ใช่ไหม?” จิ่งเหยียนถาม

ฟางเจิ้งยิ้มๆ ไม่พูดอะไร

จิ่งเหยียนใจสั่น นี่คือการยอมรับโดยนัย! เธอถามต่อ “ไต้ซือ คลิปต้นกกข้ามฟากถูกเผยแพร่ไปแล้ว คนนอกกำลังวิพากษ์วิจารณ์ท่านอยู่ แต่เสียงส่วนใหญ่คิดว่าท่านเป็นนักมายากลสร้างกระแส ฉันช่วยแสดงความบริสุทธิ์ให้เอาไหม?”

ฟางเจิ้งได้ยินแล้วก็ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ตลกน่า จะแสดงความบริสุทธิ์ไปทำไม? เขาอยากมีชื่อเสียง แต่ชื่อเสียงแบบนี้ต้องมีความยุ่งยากมาแน่ มิหนำซ้ำเรื่องนี้ก็พูดยาก ยิ่งแก้ยิ่งแย่ ถ้าคนไม่เชื่อ พูดมากไปก็หาเรื่องโดนด่าเท่านั้น เขาไม่อยากให้ถึงเวลานั้นถูกคนล้อมภูเขาด่าทอ ตอนนั้นเขาจะอยู่ยังไงไหว เลยตอบไปว่า “ขอบคุณเจตนาดีของสีกานะ แต่ไม่ต้องแสดงความบริสุทธิ์หรอก ทุกคนคิดยังไงเกี่ยวกับอาตมาเหรอ?”

จิ่งเหยียนชะงักงัน ตอนงานประลองศิลปะพู่กันจีน เธอคิดว่าฟางเจิ้งจะอาศัยจังหวะสร้างกระแส อยากมีชื่อเสียงเป็นเน็ตไอดอล ตอนนี้มาดูๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น นี่คือไต้ซือที่ไม่แสวงหาชื่อเสียงและผลประโยชน์อย่างแท้จริง! จึงเกิดความเคารพขึ้นมาในฉับพลัน

จิ่งเหยียนถามอีก “ไต้ซือ พวกหัวทองนั่นจะไม่มาหาเรื่องหมู่บ้านอีกจริงๆ เหรอคะ?”

“อมิตาพุทธ วางใจได้ พวกเขาน่าจะไม่มีกระจิตกระใจสร้างปัญญาให้ชาวบ้านแล้วละ” รอยยิ้มของฟางเจิ้งในตอนนี้มีความชั่วร้ายเจืออยู่เล็กน้อย…

ระหว่างทางสองคนคุยกันเรื่อยเปื่อย ตอนเที่ยงวันจิ่งเหยียนมาส่งฟางเจิ้งที่ตีนเขาเอกดรรชนี จิ่งเหยียนที่ตอนแรกว่าจะขึ้นเขาไปนั่งเล่นสักหน่อยได้รับสายโทรศัพท์ให้รีบกลับไป

ฟางเจิ้งขึ้นเขาตัวคนเดียว ยังไม่ทันเข้าประตูก็เห็นร่างเงาสีขาวกระโจนเข้ามา ฟางเจิ้งยิ้มเอ่ย “เจ้านี่นี่ หูดีจังเลยนะ” เขาพูดพลางกอดหมาป่าเดียวดายที่กระโจนเข้ามาหา ทว่ามีสิ่งเล็กๆ กระโดดมาจากหัวหมาป่า คว้าเข้าที่เสื้อฟางเจิ้งก่อนปีนขึ้นไปบนบ่า ดึงใบหูเขาส่งเสียงร้องจี๊ดๆ ราวกับกำลังพูดบางอย่าง

ฟางเจิ้งยิ้มพูด “เอาล่ะๆ ไม่มีของขวัญหรอก อาตมากลับมาได้ไม่หลงทางก็ดีแล้ว จะเอาของขวัญอะไร”

พอบอกว่าไม่มีของขวัญ หมาป่าเดียวดายก็พลันสะบัดหางเดินหนีไป!

กระรอกดึงใบหูฟางเจิ้งทีหนึ่งแล้วกระโดดลงบนตัวหมาป่าเดียวดาย มันก็จากไปเหมือนกัน!

ฟางเจิ้งเห็นแบบนั้นพลันอึ้ง ก่อนจะยิ้มพูด “พวกแกสองคนนี่นะ…มันน่าโมโหจริงๆ เลย!”

กลับวัดเอกดรรชนีมาแล้ว ฟางเจิ้งสูดลมหายใจเข้าลึก วางสัมภาระว่างเปล่าลง และเงยหน้ามองฟ้า “กฎแห่งกรรมนั้นเป็นที่ชัดแจ้ง ทำกรรมชั่วแบบนี้จะปล่อยพวกโยมไปได้ยังไง?”

ภายใต้การเสริมฤทธิ์เดชของรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม…

“พี่หลง พวกเราจะเอากันแบบนี้เหรอ?” ภายในบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งแถบชานเมืองอำเภอไป๋อวิ๋น พวกเหมียวหลงห้าคนนั่งอยู่บนเตียงอุ่น ยิ่งคิดถึงเรื่องในวันนี้ก็ยิ่งโกรธ

“เราสู้หลวงจีนนั่นไม่ได้ อย่าเพิ่งวู่วามตอนนี้ แต่หูจื่อก็เกินไปแล้ว ปกติกินเหล้าด้วยกันบ่อยๆ แต่วันนี้กลับช่วยคนนอก! เรื่องนี้ไม่จบแน่! แล้วก็ไอ้พวกชาวบ้านนั่น ถ้าไม่ใช่เพราะพวกมันขัดขืน พวกเราจะอนาถกันแบบนี้เหรอ? เสียศักดิ์ศรีหมดแล้ว…” เหมียวหลงโกรธจัด ยกซดเบียร์แก้วหนึ่งบนโต๊ะจนหมดในอึกเดียว!

แต่เบียร์เพิ่งลงท้อง เหมียวหลงก็พลันร้องโอดครวญ “โอ๊ย! เจ็บ!”

เหมียวหลงร้องลั่นพลางลงนอนกับพื้น กุมท้องร้องครวญคราง

พวกหัวทองที่เหลือต่างตกใจจนตะลึงงัน หนึ่งในนั้นถามขึ้น “พี่หลงเป็นอะไร?”

“ท้อง…ในท้องมีอะไรไม่รู้กำลังโตอยู่ เจ็บ…เจ็บชิบเลยโว้ย! พาฉันไปโรงพยาบาลที!” เหมียวหลงเจ็บจนหน้าเหยเกย

สี่คนนี้ไม่กล้าอ้อยอิ่ง ทำท่าจะแบกเหมียวหลงขึ้น แต่ทันใดนั้นสี่คนรู้สึกเย็นๆ ในท้อง ต่อมาความเจ็บปวดรุนแรงแผ่ลามเข้ามา สี่คนโอดโอยพร้อมล้มลงกับพื้น กุมท้องพลางร้องเสียงดัง

ห้าคนร้องตะโกนอย่างโหยหวน สุนัขในบ้านตกใจจนไม่เป็นสุข เห่าโฮ่งๆ ตามไปด้วย ความโกลาหลวุ่นวายชั่วขณะหนึ่งนั้น ในที่สุดก็ดึงดูดความสนใจจากคนอื่นๆ เมื่อเห็นห้าคนอยู่ในสภาพแบบนี้ คนที่ผ่านทางมาตกใจสะดุ้ง รีบโทรศัพท์ ไม่นานพวกเขาก็ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลในอำเภอไป๋อวิ๋น

“นี่มันอะไรกันเนี่ย?!” หมอมองสิ่งของในภาพอัลตราซาวด์สีด้วยหน้ามึนงง

“หมอลั่ว เหมือนกับมีดเลย” หมออีกคนก็งงเหมือนกัน

“เหมือนกับมีดจริงๆ รูปร่างเหมือนเปี๊ยบ อีกอย่างมีดนี่กำลังงอกยาวด้วย ดูจากผลตรวจอื่นๆ แล้วเหมือนกับลักษณะของการตั้งครรภ์เลย แปลกจริงๆ คนจะตั้งครรภ์เป็นมีดได้ยังไง มีดอะไรจะโหดขนาดนี้ ถึงขนาดทำให้พวกเขาท้องได้?” หมอลั่วถาม

หมออีกคนส่ายหน้า…

“อะไรนะ พวกเราท้อง? ท้องมีด?” ตอนที่เหมียวหลงเห็นผลก็ตะลึงงันไปเลย!

“มั่นใจแน่นอนว่าเป็นมีด ภาพอัลตราซาวด์อยู่นี่ครับ คุณผู้ชาย จากนี้คุณจะเอายังไง ให้คลอดออกมาหรือว่า…” หมอลั่วถูๆ มือ ใช้สายตาที่คุณก็เข้าใจมองเหมียวหลง และยังมองคนหัวทองอีกสี่คน

เหมียวหลงโวยทันที “คลอดก็บ้าแล้ว! ทำแท้ง! ผมจะเอามันออก!”

“คุณผู้ชาย ผมขอเตือนก่อนนะว่าหมอของเราเป็นหมอชั้นหนึ่ง แต่ไม่เคยมีใครยุติการตั้งครรภ์มีดมาก่อน ดังนั้นพวกคุณต้องแบกรับความเสี่ยงตรงนี้เองนะครับ” หมอลั่วกล่าว

“ความเสี่ยง? เสี่ยงแค่ไหน?” เหมียวหลงถาม

“อันตรายถึงชีวิต ตอนนี้ดูๆ แล้วมีดโตตลอดเวลา ไม่ช้าด้วย ที่แปลกคือมีดนี่แค่กรีดอวัยวะภายในของคุณ ทำให้คุณเจ็บแต่ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่มันกับคุณมีการเชื่อมต่อทางเส้นประสาทกันจำนวนมาก ถ้าพวกเราผ่าตัด โชคดีก็เอาออกได้ ถ้าโชคไม่ดีคุณอาจพิการ แต่ถ้าโชคไม่ดียิ่งกว่านั้น…”

………………………