ตอนที่ 182 : วิธีช่วย

ในความมืดมิดนั้นมีเงาหนึ่งปรากฏขึ้นมา

หวังเย่านั่งอยู่บนก้อนหินพร้อมกับครุ่นคิด แม้เขาจะไม่คิดว่าหลิงชิงซวินจะโกหก แต่เขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาแบบที่เธอบอกมาอย่างแน่นอน

เมื่อหลิงชิงซวินกลับไป เขาก็ได้เรียกตือโป๊ยก่ายออกมาให้รีบตามเธอไป

ตือโป๊ยก่ายนั้นเป็นหมอกดำ มันได้เปลี่ยนร่างเป็นเงา เพื่อทดสอบสกิลขโมยเงานั้น หวังเย่าเคยให้ตือโป๊ยก่ายตามเพื่อนร่วมสาขากว่า 1 อาทิตย์โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย

ดังนั้นการที่ตือโป๊ยก่ายตามไปแบบนี้ หลิงชิงซวินจึงไม่อาจจะรู้ตัวได้ ถึงจะรู้ตัวแต่ก็ไม่อาจจะหนีได้ ใครจะไปคิดว่าเงาจะเป็นสัตว์อสูรกัน ?

“โชคร้ายที่ตือโป๊ยก่ายไม่อาจจะแบ่งปันมุมมองได้ ไม่อย่างงั้นคงสะดวกกว่านี้ มันคงเท่ากับการมีกล้องวงจรปิดประจำตัวเลยก็ว่าได้”

ตอนนั้นหวังเย่าก็ไม่ได้อยู่นิ่ง เขาคิดถึงวิธีการต่าง ๆ เพื่อช่วยอีกฝ่ายอยู่

ทักษะสำรวจและซ่อนตัวของเขาได้คะแนนที่สูง เขาเชื่อว่าตราบใดที่ระวังมากพอ แม้ว่าจะไม่เคยไปหุบเขาด้านหน้า แต่ด้วยการที่มีตือโป๊ยก่ายอยู่ เขาก็สามารถหลีกเลี่ยงอันตรายไปได้

เมื่อเดินทางออกมาได้ 1 กิโลเมตร เขาก็พบกับหุบเขา เขามองไปที่ทางเข้าของหุบเขาก่อนจะพบกับถ้ำ

ตามที่หลิงชิงซวินบอกมา มันมีจุดตรวจ 3 แห่งซึ่งมีคนประจำการอยู่ 2 คน

จำนวนโจรในหุบเขานี้มีประมาณ 25 คน นำโดยถันเจี้ยนซวน

ตามที่ตือโป๊ยก่ายบอกมา หลิงชิงซวินไม่ได้เดินเข้าทางนี้ แต่เลือกที่จะเดินทางไปตามผาเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกพบตัว

 หวังเย่าขมวดคิ้ว เขาไม่กล้าเดินเข้าไปในทางเข้า ที่นี่อาจจะมีเครื่องตรวจจับความร้อนหรือไม่ก็เครื่องแสกนและกับดักอยู่

เมื่อคิดแบบนั้นเขาก็ตัดสินใจใช้ลูกแก้ววิญญาณเพื่อขุดโพรงขึ้นมาที่หน้าผาแทน

เพื่อที่จะทำให้เสียงนั้นเบาลง หวังเย่าก็ได้ตรวจสอบตำแหน่งของตือโป๊ยก่าย ก่อนจะเปิดโพรงสูงกว่า 2 เมตรขึ้นมาแล้วเดินทางเข้าไปด้านใน และปิดโพรงเอาไว้

พื้นที่ในโพรงนั้นเพียงพอแค่คนคนเดียวจะเดินทางได้

ผลก็คือด้วยพื้นที่จำกัดนั้น หวังเย่าจึงใช้เวลาไป 3 นาทีก่อนที่จะเดินทางผ่านเนินนั้นจนมาถึงตำแหน่งที่ตือโป๊ยก่ายอยู่

เมื่อออกมาจากโพรงนั้น หวังเย่าก็พบกับโคมที่ถูกแขวนเอาไว้ 7-8 จุด

ด้วยแสงสว่างเหล่านั้นเขาก็พบว่าในเนินเขาแห่งนี้มีบ้านไม้อยู่กว่า 10 หลัง บ้านหลังใหญ่ที่สุดอยู่ตรงกลางมีพื้นที่กว่า 100 ตารางเมตร ส่วนบ้านหลังอื่น ๆ นั้นมีพื้นที่แค่ 50-60 ตารางเมตรเท่านั้น

ที่ด้านขวานั้นมีถ้ำอยู่ 3 แห่ง

ตามที่หลิงชิงซวินบอกมา ถ้ำทั้งสามแห่งนี้เอาไว้ขังพวกทหารรับจ้างหญิง โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือพวกที่เพิ่งถูกจับมา กลุ่มที่สองคือพวกที่โดนจับมาสักพักแล้วและอีกกลุ่มคือพวกที่ขัดขืน

ทหารรับจ้างหญิงมีอยู่ประมาณ 60 คน บางคนเพิ่งมาอยู่ได้ไม่นาน บางคนโดนจับมาหลายปีแล้ว บอกได้ว่ามีคนตายที่นี่ด้วย ซึ่งคนที่ตายไปนั้นก็มีมากกว่า100 คนแล้ว

ตอนตี 3 ถือเป็นช่วงที่การตรวจตราหละหลวมที่สุด

หวังเย่าได้ให้ตือโป๊ยก่ายตรวจสอบการเคลื่อนไหวภายในบ้านต่าง ๆ และคอยส่งสัญญาณให้กับเขา ส่วนตัวเขานั้นจะเดินไปตามผาท่ามกลางความมืดมิดเพื่อไปยังถ้ำทั้งสาม

ทางเข้าถ้ำทั้งสามนั้นมีประตูเหล็กปิดเอาไว้และล็อคจากด้านนอก

ถ้ำแรกนั้นมีคนประมาณ 10 คน ด้วยแสงสว่างจากตะเกียงด้านใน หวังเย่าก็พบว่าที่มุมถ้ำนั้นมีบรรดาสาว ๆ กำลังนั่งอยู่ ท่าทางของพวกเธอดูหิวโหยเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าพวกเธอจะไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว เสื้อผ้าของพวกเธอเปรอะเปื้อนและมีผมที่ยุ่งเหยิง บนใบหน้าของพวกเธอยังมีรอยช้ำอยู่ด้วย

เมื่อเห็นเเบบนั้นเขาก็กำหมัดแน่น พวกนี้ยังเป็นวัยรุ่นอยู่เลยแต่กลับต้องมาเจอกับเรื่องโหดร้ายเช่นนี้

 เมื่อมาถึงถ้ำที่สอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ ที่นี่มีเตียงและของใช้ชีวิตประจำวันอย่างครบถ้วน เสื้อผ้าสวย ๆ หรือแม้กระทั่งโต๊ะเครื่องแป้ง พวกเธอเหมือนจะชินกับการใช้ชีวิตที่นี่แล้ว แต่สีหน้าของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป บางคนเผยรอยยิ้มออกมา บางคนแสดงท่าทีหวาดกลัว บางคนแสดงท่าทีเย็นชา

หลิงชิงซวินเองก็นอนอยู่ที่เตียงในถ้ำนี้

หวังเย่าถอนหายใจออกมา นี่อาจจะเป็นดินแดนสวรรค์ของพวกเธอก็ได้ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เฮงซวยแบบนี้ ที่นี่ถือว่าหรูหราและทำให้พวกเธอพอนอนหลับได้

เขาไปยังถ้ำที่สามและพบว่ามันมีห้องทรมานอยู่ด้วย มีผู้หญิงกว่า 10 คนอยู่ด้านใน เสื้อผ้าของพวกเธอเปรอะไปด้วยเลือด  พวกเธอต้องตื่นขึ้นมาเพราะความเจ็บปวด

ด้านในถ้ำนั้นมีโครงกระดูกอยู่ด้วยแต่จากท่าทางแล้วเหมือนว่าเธอจะไม่ยอมแพ้แม้ว่าจะต้องตายก็ตาม

หวังเย่ากำหมัดแน่นด้วยความโกรธอีกครั้ง เขากัดฟันแน่นพร้อมกับจิตสังหารที่ปะทุออกมา ตอนนี้เขาอยากฆ่าคนพวกนี้ให้ตายเป็นพัน ๆ ครั้ง

ทีแรกเขาไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้ แต่เมื่อได้เห็นทุกอย่างกับตา เขาก็รู้สึกเคียดแค้นแทนพวกเธอ

แต่นี่ก็ดึกแล้ว เขาอยู่ในป่าที่เขาไม่รู้ทิศทาง ถ้าต้องหนีไปที่เมืองฉางอันก็มีแต่จะทำให้เสียแรงเปล่า ๆ

“ฉันเอาชนะพวกนั้นไม่ได้ แม้ว่าจะจัดการคนที่นี่ได้แต่ก็ยากที่จะพาทุกคนหนีไปได้ มันอาจจะทำให้สามคนนั่นกลับมา ราชาอินทรีย์มังกรของอีกฝ่ายอยู่ระดับจักรพรรดิ ซึ่งฉันไม่อาจจะหนีจากมันได้”

หวังเย่าถอนหายใจออกมา เขาขมวดคิ้วด้วยความอึดอัดใจแต่ตอนนั้นเองเขากลับตาเป็นประกายขึ้นมา  หลิงชิงซวินบอกว่าพวกเธอไม่กล้าหนี ถ้ามีใครหนีไปสักคนก็จะมีคนถูกฆ่า 1 คน หนีไปหนึ่งตายหนึ่ง หนีไปสองตายสอง เพราะแบบนี้ใครบ้างจะกล้าหนี ?

แต่หลิงชิงซวินได้บอกว่า พวกเธอถูกฝังเครื่องติดตามในร่างกาย หากเป็นเช่นนั้นเขาก็แค่พาพวกเธอไปซ่อนยังที่ที่ไม่มีใครเห็นแม้จะหาตำแหน่งได้ แต่ก็ไม่อาจจะหาตัวเจอ แล้วค่อยหาทางให้พวกเธอหนีต่อ

แค่ว่ามันเสี่ยง

แต่ตราบใดที่โชคดีพอ หวังเย่าก็มั่นใจกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ว่าจะพาทุกคนหนีได้

และที่สำคัญคือโจรทั้งสามคนคงจะไม่กลับมาใน 1 ชั่วโมงนี้อย่างแน่นอน