เหล่าเด็กสาวได้ฟังเสียงต่อสู้อีกฝั่งของกำแพงก็รู้สึกถึงความเดือดพล่านที่ไม่อาจต้านทานได้ ยิ่งเมื่อได้ยินหมิงเวยพูดออกมาแบบนั้นแววตาพวกนางก็ฉายแววดุร้าย

“คุณหนูสามเจ้าคะ” มีคนขยับกายแล้วเหล่านักเรียนห้องหลิงหานส่วนใหญ่เป็นคุณหนูจากตระกูลชั้นสูงที่มีชื่อเสียงพวกนางเกิดในตระกูลทหารซึ่งบรรพบุรุษของพวกนางได้ร่วมเรียงเคียงบ่ากับไท่จู่

เรื่องทะเลาะวิวาทนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับพวกนาง เหตุผลที่ห้องหลิงหานทำให้เหล่าอาจารย์ในสถานศึกษาหมิงเฉิงต้องปวดหัวเพราะพวกนางมักทำเรื่องเช่นนี้…

ท่าทางของหมิงเวยทำให้คุณหนูสามลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อมาคิดดูแล้วมีอะไรให้นางต้องกลัวกัน นักเรียนที่เข้ามาใหม่คนนี้ตระกูลของนางเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นที่ปกติมีบุคลิกเงียบสงบ ท่าทางดูสูงเกินเอื้อม แต่หากถูกพวกนางสั่งสอนไปไม่กี่ครั้งก็เชื่อฟังแล้วไม่ใช่หรือ ท่าทางหยิ่งผยองเช่นนี้คิดว่าพวกนางไม่กล้าลงมือหรืออย่างไร

ฮึ! เดี๋ยวจะทำให้เห็นเองว่าพวกนางกล้าหรือไม่กล้า!

คุณหนูเหวินส่งสัญญาณทางสายตา จากนั้นเหล่าคุณหนูก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหาหมิงเวย หมิงเวยสะบัดแส้เมื่อพบว่าพวกนางต่อยเตะเป็น ในพวกนางมีสองคนที่วรยุทธ์ไม่เลวเลยทีเดียว แต่ขนาดยอดฝีมืออย่างซูรื่อฉู่ยังไม่สามารถแตะต้องนางได้ในช่วงเวลาอันสั้นมีหรือที่ตนจะกลัวพวกนาง

นางบิดเท้า ท่ามกลางวงล้อมของเด็กสาวนางเคลื่อนไหวไปด้านข้างด้วยท่าทางแปลกๆ ขณะเดียวกันก็ตบไหล่ของตนเอง “ไป!”

“เจ้าค่ะนายท่าน!” งูขาวหันกลับมากระตุ้นพลังในกายเพื่อแสดงรูปลักษณ์ให้ผู้อื่นได้เห็น จากนั้นก็พุ่งเข้าพันรอบกายของเด็กสาวอย่างรวดเร็ว อ้าปากเพื่อที่จะกัดอีกฝ่าย

เด็กสาวคนนั้นมองเห็นสิ่งนั้นไม่ชัดนางรู้สึกเจ็บที่แขน ยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไรก็ได้ยินเสียงร้องของเพื่อน “งูๆ!”

นางก้มลงมองก็เห็นว่าเป็นงูสีขาวตัวเล็กพันอยู่รอบแขนนางทั่วร่างกายเป็นสีขาวช่างงดงามเสียจริง แต่เขี้ยวในปากที่อ้ากว้างนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า

แต่ในความเป็นจริงแล้วงูขาวที่สูญเสียกายหยาบนั้นจะไร้พิษสงอีกต่อไป

แต่คุณหนูเหล่านี้ไม่ทราบไงล่ะ!

ยิ่งเป็นงูที่พบเจอได้ยาก ยิ่งมีพิษ งูตัวนี้งดงามมากดูแล้วน่าจะมีพิษที่ร้ายแรง

“อา…” เด็กสาวคนนั้นร้องออกมา เสียงแหลมร้องขึ้นทำให้นักเรียนที่ต่อสู้อยู่อีกฝั่งของกำแพงตกใจ

จี้เสียวอู่ที่เพิ่งต่อยจ้าวต้าจนล้มลงกับพื้นได้ยินเสียงกรีดร้องก็ตกใจจนตัวสั่น เกือบนึกว่าจ้าวต้ากลายเป็นหญิงไปเสียแล้ว เมื่อเงยหน้าขึ้นมองจ้าวต้าก็คือจ้าวต้า ที่ถูกเขาต่อยจนหน้าบวม

“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงมีเสียงสตรีได้”

“พี่ห้า ดูเหมือนจะดังมาจากอีกฝั่งของกำแพง”

“ข้างๆ งั้นหรือ” จี้เสียวอู่ตกใจ “สถานศึกษาหมิงเฉิงน่ะหรือ! ”

เขายังไม่ทันได้หายกังวลก็มีเสียงกรีดร้องของเด็กสาวหลายคนตามมา

“เจ้ากล้าปล่อยงูงั้นหรือ จัดการนาง!”

“อา อย่าโยนงูมาทางนี้นะ! ”

“อา! มันพุ่งเข้ามาแล้ว! ”

จี้เสียวอู่คิดว่านักเรียนหญิงจากสถานศึกษาหมิงเฉิงพบว่าพวกเขาต่อยตีกันที่นี่จึงตกใจจนร้องออกมา แต่เมื่อได้ยินเสียงก็รู้สึกว่าไม่ใช่

“พี่หลิ่ว พี่หลิ่วเป็นลมไปแล้ว!”

จากนั้นก็มีเสียงร้องไห้ของเด็กสาว “พี่หลิ่วโดนพิษงูจนตายแน่เลย”

จี้เสียวอู่แปลกใจ สถานศึกษาหมิงเฉิงจะมีงูพิษได้อย่างไร คนที่เข้ามาศึกษาล้วนเป็นคุณหนูมีชาติตระกูล ที่ดินทุกๆ ตารางนิ้วจะต้องทำความสะอาดอยู่ตลอด เขาอยู่สถานศึกษาซิ่วชานมาหลายปีก็ไม่เคยพบเห็นงูพิษมาก่อนเลย

แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนของพวกนางก็รู้ว่ามีคนนำงูเข้ามาในสถานศึกษา เด็กสาวก็ทะเลาะตบตีกันด้วยหรือแล้วยังปล่อยงูด้วย โหดร้ายยิ่งนัก!

จี้เสียวอู่ปล่อยจ้าวต้าที่ถูกต่อยจนหน้ายับและถ่มน้ำลายใส่ “เจ้ายอมแพ้หรือไม่”

ใบหน้าของจ้าวต้าบวมเป่งเขาพูดเสียงอู้อี้ถึงแม้จะฟังไม่ชัด แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดจะท้าตีต่อ

จี้เสียวอู่เตะอีกฝ่าย “วันนี้ข้าสนุกมาก รีบไปซะ! หากครั้งหน้ายังกล้าหยามกันอีกข้าจะไม่เกรงใจแล้ว!” แล้วจ้าวต้าและพรรคพวกก็ลุกขึ้นรีบวิ่งออกไป

พวกเขาประหลาดใจเช่นกันทั้งสองฝ่ายมักทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ ถึงแม้จี้เสียวอู่จะรับมือได้ยากอีกฝ่ายก็ไม่ได้ตกเป็นเบี้ยล่างอยู่ตลอด มีแพ้บ้างชนะบ้าง แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมจี้เสียวอู่เหมือนไปกินยาอะไรมาถึงได้ต่อยไม่หยุดเลย

คนพวกนี้จะไปรู้อะไรหลายวันมานี้จี้เสียวอู่วนเวียนอยู่รอบตัวตัวฝู ได้เรียนรู้คาถามาบ้างเล็กน้อยและเขาก็ฝึกฝนอย่างกระตือรือร้น ถึงพลังของเขาจะยังไม่มา แต่ทักษะของเขาก็ยืดหยุ่นขึ้นกว่าแต่ก่อน

เสียงร้องจากอีกฝั่งของกำแพงดูย่ำแย่ขึ้นไปอีก

“พี่หลิ่ว ท่านอย่าตายนะ! คุณหนูเหวินทำอย่างไรดีเจ้าคะ”

“รีบไปตามอาจารย์เร็วเข้า!”

“หากพิษงูออกฤทธิ์ขึ้นมาทำอย่างไรดีเจ้าคะ พวกเราอุ้มพี่หลิ่วไปด้วยกันเถอะ”

“ใช่ๆๆ รีบไปเร็ว!”

“จี้เหวย อีกฝั่งหนึ่งเกิดอะไรขึ้น” เด็กหนุ่มคนหนึ่งโน้มตัวไปถาม

จี้เสียวอู่กำลังจะเปิดปากพูด แต่ก็ได้ยินนักเรียนหญิงจากอีกฝั่งของกำแพงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอาฆาตแค้น “หมิงเวย ฝากไว้ก่อนเถอะ!”

หมิง…มารดาเถอะ!

จี้เสียวอู่คว้ามือของสหายทั้งสองคนประกบเข้าด้วยกัน “ยืนให้มั่นคง ข้าจะปีนขึ้นไปดู”

“พี่ห้า นั่นสถานศึกษาหมิงเฉิงนะหากพวกเราถูกจับได้ว่าแอบดูโทษหนักเลยนะ!”

สถานศึกษาซิ่วชานเป็นสถานศึกษาที่ขยายออกมาจากกั๋วจื่อเจียน กั๋วจื่อเจียนเป็นสถานศึกษาระดับใหญ่การรับคนเข้าเรียนนั้นเข้มงวดมากต้องมีผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมหรือเป็นบุตรของขุนนางขั้นสามขึ้นไป อย่างไรก็ตามถึงบรรพบุรุษจะเป็นขุนนางชั้นสูง แต่จำนวนการรับก็มีจำนวนจำกัด

บุตรหลานจากครอบครัวที่มีส่วนช่วยก่อตั้งอาณาจักรนั้นมีมาก จำนวนการรับที่กั๋วจื่อเจียนกำหนดนั้นไม่เพียงพอ แต่เด็กที่เหลือต้องมีที่ไปไม่ใช่หรือเป็นคุณชายจำเป็นต้องรู้หนังสือ! ด้วยเหตุนี้ถึงได้มีสถานศึกษาซิ่วชาน

สถานศึกษาซิ่วชานแรกเริ่มไม่ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเข้าร่วมการสอบเข้ารับราชการในวังรูปแบบการเรียนการสอนจะดีได้อย่างไรจะบอกว่าที่นี่เป็นที่รวบรวมเหล่าคุณชายผู้ลากมากดีก็เหมาะกว่า หากคิดอยากสอบเข้ารับราชการจริงๆ คงไม่ถูกส่งมาที่นี่อย่างแน่นอน

เดิมทีจี้เสียวอู่ไม่ได้เป็นนักเรียนของที่นี่เพียงแต่เขาซุกซนเกินไป ไม่ว่านายท่านจี้จะส่งเขาเข้าเรียนที่ไหนผ่านไปสักพักเขาก็ถูกไล่ออก

ส่งไปส่งมาจนไม่มีที่ให้ส่งแล้วจึงทำได้เพียงส่งเขามาที่สถานศึกษาซิ่วชาน ยังดีที่ที่นี่มีเรื่องให้เขาทำเขาเลยยังไม่กลายเป็นคนเกียจคร้านไปจริงๆ

ลักษณะของสถานศึกษาหมิงเฉิงและสถานศึกษาซิ่วชานไม่ต่างกันมากนัก แต่สถานศึกษาหมิงเฉิงนั้นเข้มงวดกว่าเยอะ! สิบปีที่ผ่านมานี้ข่าวลือของทั้งสองสถานศึกษาต่างกันโดยสิ้นเชิงว่ากันว่าสถานศึกษาหมิงเฉิงเป็นชื่อของกั๋วจื่อเจียนสำหรับสตรี

เหล่าคุณชายผู้ดีในสถานศึกษาซิ่วชานผู้อื่นจะก่อเรื่องอย่างไรก็ได้ แต่คุณหนูจากสถานศึกษาหมิงเฉิงจะก่อเรื่องไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นทหารหญิงที่องค์หญิงหมิงเฉิงส่งมาคุ้มกันสถานศึกษาจะไม่เกรงใจพวกเขาแน่

จี้เสียวอู่เหยียบมือพวกเขาและปีนขึ้นไปพลางพูดว่า “ข้าจะขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น คนที่อยู่ฝั่งนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า”

พูดจบเขาก็ปีนขึ้นไปบนกำแพงและเห็นหมิงเวยยืนอยู่กลางพุ่มหญ้า นางยื่นมือขวาออกไป จากนั้นก็มีเงาสีขาวพุ่งเข้ามาในแขนเสื้อของนางอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้เด็กสาวกลุ่มนั้นหายไปแล้วเหลือเด็กสาวเพียงคนเดียวที่ตัวสั่นอยู่หลังต้นไม้ไม่ไกล

จี้เสียวอู่รู้สึกสับสนเล็กน้อยและตะโกนถามคนที่อยู่ด้านล่าง “เมื่อครู่เจ้าทะเลาะกันอยู่งั้นหรือ”

หมิงเวยเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เขาอย่างสดใส “พี่ห้าพูดอะไรน่ะ ข้าจะไปทะเลาะตบตีได้อย่างไรกัน”

จี้เสียวอู่พูดออกไป “ก็ข้าได้ยิน เจ้าอย่ามาเล่นลิ้นเลย!”

หมิงเวยพูด “พี่ห้าได้ยินผิดแล้วเป็นพวกนางที่อยากตีข้า แต่ก็ตกใจหนีไปเสียก่อน ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย” พูดจบนางก็ยิ้มให้ซุนเว่ยที่อยู่หลังต้นไม้ “ใช่หรือไม่ หัวหน้า”

………….