บทที่ 179 ซุ่มจู่โจม (3)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

บทที่ 179 ซุ่มจู่โจม (3)
“คนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้แต่เยื่อดำก็ถูกทำลาย คนหนึ่งก็อ่อนแอไม่เหมือนระดับอสรพิษ อาศัยพวกเจ้าสองคน จะเอาอะไรมาต้านข้า”

ลู่เซิ่งเยื้องย่างเข้าหาเย่หลิงม่อในน้ำ

เสียงซ่าดังขึ้น ละอองน้ำสาดกระเซ็น เย่หลิงม่อกระโจนออกมา อาศัยคลื่นน้ำอำพรางตัว ร่างของเขาหดกลายเป็นกลุ่ม พุ่งเข้าใส่ลู่เซิ่ง

ลู่เซิ่งกำดาบด้วยมือเดียว แล้วฟันขวางออกไป

ดาบนี้ฟันละอองน้ำด้านหน้าทั้งหมดออกไป เย่หลิงม่อกลับเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว หลบดาบที่เข้ามาชิดตัวได้

เย่หลิงม่อฟาดฝ่ามือใส่ทรวงอกลู่เซิ่ง แต่ว่าเปลือกเกราะที่หนาก็กันไว้ได้ทั้งหมด ยังไม่รอให้เขารู้ผลลัพธ์ ภัยคุกคามก็กดดันเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง จนเขาต้องรีบถอยหลังหลบ

ฟิ้ว! ด้ายสีเงินเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างฉบับพลัน พุ่งขวางใส่บริเวณที่เขายืนอยู่ก่อนหน้านี้วินาทีหนึ่ง

ละอองเลือดสาดกระจาย

แม้เย่หลิงม่อจะหลบพ้น แต่สุดท้ายก็ช้าไปจังหวะหนึ่ง แขนกับคอเกือบถูกดาบผ่าเป็นสองส่วน ปรากฏริ้วเลือดหลายสาย

เขามีสีหน้าซีดขาว พลางหลบไปด้านหลัง พริบตาเดียวพุ่งปราดออกไปหลายสิบหมี่ ยืนเอียงข้างอยู่ชายฝั่งแม่น้ำ หันไปมองลู่เซิ่งอีกครั้ง

สัตว์ประหลาดผู้น่าสะพรึงกลัวย่ำลงบนน้ำทีละก้าว

ปลายขาเขาจมลงน้ำ หนามด้านหลังเหมือนกับใบธง สองมือกำดาบที่เต็มไปด้วยรอยแตกพร้อมจะแหลกสลายทุกเวลา กระนั้นก็ถูกพลังงานไร้รูปร่างสายหนึ่งมัดตรึงไว้ ยังคงอยู่ในสภาพคมดาบ

“ฆ่า!” ผู้คุมจัตุรัสแดงพุ่งออกมาจากด้านข้างราวกระสุนปืนใหญ่ ดาบยาวกึ่งโปร่งแสงกะพริบแสงสีแดงอย่างรุนแรงขณะฟันใส่ลู่เซิ่ง

แสงสีแดงม้วนน้ำขึ้นมากลุ่มใหญ่ กลายเป็นสภาวะยิ่งใหญ่ดั่งกระแสคลื่น ปกคลุมอาณาเขตสิบกว่าหมี่รอบๆ

ฟู่ม!

คลื่นน้ำจำนวนมากซัดใส่ลู่เซิ่ง

ตูม!

ลู่เซิ่งมือขวายกดาบขึ้นต้านคมดาบในคลื่นน้ำอย่างแม่นยำ

“เปล่าประโยชน์” ประกายดาบสาดขึ้น พลังระเบิดที่รุนแรงผลักดันพละกำลังอันมหาศาลของเขา ก่อเกิดแรงอันยิ่งใหญ่สุดจินตนาการ กระแทกใส่ผู้คุมจัตุรัสแดง

เพียงครั้งเดียว ผู้คุมจัตุรัสแดงเหมือนถูกสายฟ้าผ่าใส่ โดนแรงกระแทกอันรุนแรงฟาดจนตัวหัก หล่นตูมลงน้ำ

เย่หลิงม่อรู้ว่าตนหยุดไม่ได้ เกิดอีกฝ่ายฉวยโอกาสกำจัดผู้คุมจัตุรัสทิ้ง เวลานั้นจะเป็นเวลาตายของเขา

เห็นลูเซิ่งยกคมดาบขึ้นสูงกำลังจะฟันลง

เขาออกแรงตวาด โถมตัวเข้าหาอีกครั้ง

ผู้คุมจัตุรัสแดงผ่อนลมหายใจ ตะโกนกราดเกรี้ยวพลางพุ่งเข้าใส่ ทั้งสองรู้ว่าตอนนี้เป็นห้วงเวลาสำคัญ พวกเขาผนึกกำลังกันค่อยฝืนสู้กับอีกฝ่ายได้สูสี ถ้าคนหนึ่งถูกฉวยโอกาสโจมตีแตกพ่ายก่อน อย่างนั้นการเข่นฆ่าครั้งนี้สมควรปิดฉากแล้ว

ลู่เซิ่งก็นึกไม่ถึงว่า ผู้คุมจัตุรัสแดงที่บาดเจ็บจนพลังเหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบ ยังรักษาพลังต่อสู้ในระดับนี้ได้

ส่วนเย่หลิงม่อยังมีความคิดต่อสู้ที่กร้าวแกร่งขนาดนี้

ถึงแม้ทั้งสองคนจะไม่ได้ส่งผลคุกคามต่อเขามาก แต่อาศัยพลังฟื้นตัวเหนือธรรมดาของพวกเขา ขอแค่ไม่ใช่ร่างกายที่ถูกสับเป็นเจ็ดชิ้นขึ้นไป พวกเขาก็จะฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว คิดจะฆ่าพวกเขา อย่างน้อยก็ต้องทำลายกายเนื้อของพวกเขาทั้งหมดโดยสิ้นเชิง

กระนั้นแบบนี้ไม่ใช่ดีกว่าเดิมหรือ

ลู่เซิ่งตื่นเต้นและเบิกบานอย่างอธิบายไม่ได้

นานแล้วที่เขาไม่ได้เข่นฆ่าอย่างสาแก่ใจเช่นนี้ เอาแต่กลัวนั่นกลัวนี่ ต่อให้มีพลังแข็งกล้า ก็ไม่กล้าปลดปล่อยตัวเอง

โอกาสฆ่าฟันอย่างเต็มที่เช่นตอนนี้มีอยู่น้อยจริงๆ น้อยจนเขาถนอมทุกเสี้ยวนาทีตรงหน้า

เขารู้สึกว่าตนเองเกิดมาเพื่อสู้!

การเข่นฆ่าเหมือนกับเลือดของเขา ความเจ็บปวดเหมือนกับของตกแต่งบนอาหารอันโอชะ ความปรารถนาทั้งมวลของเขาจะบรรลุในการต่อสู้ถึงตาย

เคร้ง! เปรี้ยง!

ลู่เซิ่งใช้ดาบป้องกันการโจมตีของเย่หลิงม่อ สับศอกใส่ จนเขาลอยออกไป มองเห็นอีกถูกฝ่ายกระแทกเข้าไปในหน้าผาบนช่องแคบขนาดมหึมาเหมือนกระสุนปืนใหญ่

เศษหินร่วงกราว จมลงไปในน้ำ ซัดระลอกคลื่นขึ้น

“น่าเสียดาย…” ลู่เซิ่งมือหนึ่งป้องกันการฟันครั้งที่สองของผู้คุมจัตุรัสแดงที่ถลันเข้ามา กระแทกไหล่ใส่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างหักโหม จากนั้นหมุนตัวเตะใส่

ตูม!

ผู้คุมจัตุรัสแดงไม่ทราบว่าถูกกระแทกตกน้ำเป็นครั้งที่เท่าไหร่ เหมือนกับหลายๆ ครั้งก่อนหน้า นางพยายามอยู่หลายครั้ง คิดจะตะเกียกตะกายคลานขึ้นมา

แต่อาการบาดเจ็บที่สาหัสเกินไปทำให้นางขยับแม้แต่ร่างกายตัวเองไม่ได้ ทั้งหมดเป็นความเพ้อฝัน ปราณภายในวิชาเก้าพิฆาตแดงฉานสำแดงฤทธิ์ในร่างกายนาง สะกดพลังฟื้นตัวของนาง เผาไหม้เลือดเนื้อและอวัยวะภายในที่กำลังจะฟื้นฟูของนาง

อวัยวะภายในระเบิด เลือดบนร่างไหลออกไปแปดส่วนในการต่อสู้ กล้ามเนื้อส่วนใหญ่ฉีกขาด โครงกระดูกหลายที่หักป่นเป็นผง

ถึงขั้นที่ศีรษะมีรอยแตกสีแดงฉานรอยหนึ่ง มองเห็นไขสมองที่บิดตัวน้อยๆ อยู่ด้านในได้ผ่านรอยแตกนั่น

อาการบาดเจ็บของผู้คุมจัตุรัสแดงถ้าเป็นคนธรรมดาไม่ทราบตายไปกี่ครั้งแล้ว แต่สำหรับผู้เข้มแข็งระดับอสรพิษ นี่ก็แค่อาการบาดเจ็บน้อยๆ ที่แค่ใช้เวลาก็ฟื้นฟูได้ สิ่งที่ยุ่งยากอย่างแท้จริงคือพลังงานประหลาดดั่งเพลิงผลาญที่แสดงฤทธิ์ในร่างกายนาง

แต่ลู่เซิ่งก็ไม่ได้กำจัดนางในทันที หากเดินไปหาเย่หลิงม่อที่ตัวฝังอยู่ในหน้าผาหิน ขยับเขยื้อนไม่ได้เช่นกัน

สำหรับเขาแล้ว ประมุขจวนที่พลังค่อนข้างสมบูรณ์อย่างเย่หลิงม่อ จึงเป็นคู่ต่อสู้คนแรกที่สมควรกำจัดทิ้งทันที ส่วนผู้คุมจัตุรัสแดงที่ต้องพิษ ยิ่งเวลาผ่านไป ยิ่งอ่อนแอ

ลู่เซิ่งเดินไปถึงด้านหน้าเย่หลิงม่อ ยื่นมือออกไป

หมับ

เขาจับคอเย่หลิงม่อ แล้วดึงออกมาจากหน้าผาหิน

“ถ้าไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บของข้ายังไม่หายดี…” เย่หลิงม่อปากอมเลือด ดิ้นรนพลางกล่าวด้วยเสียงเคียดแค้น ตอนนั้นเขาถูกขับออกจากแดนเหนือ อาการบาดเจ็บที่เหลือร้ายแรงจนส่งผลต่อพลัง นี่เป็นเหตุผลที่แท้จริงซึ่งเขาอ่อนแอลงจนกลายเป็นอสรพิษทั่วไป

“ถ้าข้าพลังสมบูรณ์ คนที่แพ้ควรจะเป็นเจ้า… อ๊าก!” เย่หลิงม่อยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกปราณภายในวิชาเก้าพิฆาตแดงฉานแผดเผา เปลวเพลิงไร้รูปร่างหลายสายลุกไหม้บนตัวเขา

ไอน้ำและเลือดจำนวนมากระเหยกลายเป็นควัน ลอยออกจากศีรษะของเขา

ร่างกายเขาบิดงอกลางอากาศในขณะที่ดิ้นรน แต่ไม่อาจดิ้นหลุดจากมือที่เหมือนคีมเหล็กของลู่เซิ่งได้

อสรพิษดำแข็งแกร่งจริงๆ ทว่าต่อให้มีพลังฟื้นฟูแข็งแกร่งกว่านี้ ก็จำเป็นต้องใช้เวลาฟื้นตัว ในช่วงที่ยังไม่ฟื้นตัวกลับคืน อสรพิษดำก็ไม่ต่างจากระดับพันธนาการทั่วไป

กระดูกหัก ไม่อาจค้ำยัน กล้ามเนื้อฉีก ก็ไม่มีแรงเช่นกัน

เวลาเพียงเล็กน้อยที่การฟื้นตัวต้องการมีมากพอจนทำให้ลู่เซิ่งฆ่าเขาได้นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

สำหรับลู่เซิ่งในตอนนี้ ร่างวิถีหยางโชติช่วงหลังแปลงร่างทำให้เขามีความเร็วและพละกำลังแข็งแกร่งกว่าเดิม ฉีกทำลายร่างกายของอีกฝ่ายได้

ส่วนวิชากำลังภายในธาตุหยางที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงต่อภูตผีปีศาจ หลังจากฉีกการป้องกันของอีกฝ่ายออก ก็จะสร้างพลังทำลายล้างได้ในระดับสุงสุด

“ปล่อยเขา!” ผู้คุมจัตุรัสแดงคืบคลานมา นางมองออกเช่นกันว่าสถานการณ์ในตอนนี้ย่ำแย่แล้ว ดาบยาวกึ่งโปรงแสงเป็นประกายสีแดงบนมือปล่อยเส้นแสงที่เจิดจ้ากว่าเดิมออกมา

นี่เป็นเหตุผลที่ลู่เซิ่งยังไม่ทำอะไรนาง ดาบเล่มนี้คล้ายอยู่หนึ่งในชายขอบที่พร้อมระเบิดได้ทุกเวลา

ดังนั้นเขาจึงคิดว่าจะกำจัดผลพวงที่จะตามมาก่อน จึงค่อยๆ จัดการนาง

ลู่เซิ่งไม่สนใจโดยสิ้นเชิง เย่หลิงม่อในมือเขาครวญคราง เลือดทั่วร่างระเหยไปเป็นจำนวนมาก เนื้อเริ่มไหม้เกรียมเสื่อมสลายด้วยความเร็วที่ตาเห็นได้ เหมือนกับกำลังจะกลายเป็นศพที่แห้งเหี่ยว

“หือ” ทันใดนั้นเขาสัมผัสความผิดปกติได้ ยกมือขึ้น พลันพบว่าร่างกายตนเองขยับไม่ได้

“กุญแจหมึก!” เย่หลิงม่อพลันลืมตาขึ้น พ่นควันที่ดำสนิทเหมือนหมึกออกจากปาก เกี่ยวรัดเอวของลู่เซิ่งไว้

“รีบลงมือ!” เขาตะโกน

ผู้คุมจัตุรัสแดงพยายามยกดาบขึ้น แสงสีแดงบนคมดาบเจิดจ้าแยงตา

“วิญญาณลวงห้าฟาดฟัน!” นางรวมพละกำลังทั้งหมดลงบนคมดาบ โจนตัวขึ้น แสงบนคมดาบเหมือนพระอาทิตย์ดวงน้อย พริบตาเดียวข้ามผ่านระยะทางหลายสิบหมี่ แล้วทิ้งตัวลงบนร่างลู่เซิ่งที่ยืนนิ่ง

เคร้ง!

เปรี้ยงๆๆ!

แม่น้ำระเบิด กลายเป็นรูปพัดอยู่ด้านหลังลู่เซิ่ง เสาน้ำสีขาวสูงสิบกว่าหมี่ สิบต้นพวยพุ่งออกมา

น้ำจำนวนมากระเหยกลายเป็นควันขาวเพราะอุณหภูมิสูง แผ่ปกคลุมรอบบริเวณ

ควันยิ่งมายิ่งหนา แทบยื่นมือออกไป ไม่เห็นห้านิ้ว

ทันใดนั้นเอง

ตูม!

ในไอหมอก ผู้คุมจัตุรัสแดงร้องคราง กระเด็นออกไป

เงาร่างสูงใหญ่สายหนึ่งเดินออกมาจากหมอกหนา เป็นลู่เซิ่ง เย่หลิงม่อไม่ทราบว่าเป็นหรือตาย ถูกเขายกด้วยมือข้างเดียว ตัวสะบัดไปมาไร้สุ้มเสียง

“เป็นดาบที่น่าทึ่งจริงๆ” ลู่เซิ่งถอนใจชมเชย ลูบรอยแผลที่อกซ้าย เปลือกเกราะตรงนั้นมีรอยยุบเล็กๆ ที่ลึกนิ้วหนึ่ง นี่เป็นจุดที่ผู้คุมจัตุรัสแดงฟันดาบใส่ด้วยกำลังทั้งหมด

“น่าเสียดาย ตอนนี้ข้าหยินหยางรวมเป็นหนึ่ง ตาข่ายโลหิตกับข่ายกระเรียนหยินเชื่อมประสาน ในนอกไร้ช่องโหว่ ต่อให้เป็นดาบที่น่าทึ่งแบบนี้ ก็สร้างร่องรอยได้แค่นี้”

“เรื่องสนุกจบลงเท่านี้” ลู่เซิ่งโยนเย่หลิงม่อไปบนพื้นด้านหน้า “ฆ่าเขาเสร็จแล้ว ก็ถึงรอบของเจ้า”

เขาฟันดาบลง

เสียงตูมดังขึ้น เมื่อร่างของเย่หลิงม่อถูกกระแทกจนแหลก ร่างกายของเขาในตอนแรกเสียเลือดมากเกินไปอยู่แล้ว ตอนนี้ถูกฟาดแหลก พลันลุกไหม้ เหมือนกับคบเพลิงร่างมนุษย์ แผ่หราบนพื้นเปียกในช่องแคบ หดตัวดำเกรียมอย่างรวดเร็ว

ประมุขจวนระดับอสรพิษตายในที่เปล่าเปลี่ยวอย่างเลอะเลือนเช่นนี้ นอกจากผู้คุมจัตุรัสแดงและสตรีกางร่ม ก็ไม่มีคนรู้อีก

ผู้คุมจัตุรัสแดงหลังจากฟันดาบนั้น ก็หมดสิ้นเรี่ยวแรง ใช้พลังเกินตัว นางลอยโคลงเคลงไปตามน้ำ ไม่ขยับเขยื้อน

ลู่เซิ่งเข้าไปใกล้ มองดูสตรีกางร่มที่เงียบสงัดซึ่งอยู่ห่างออกไป จากนั้นก็จดจ้องดาบในมือผู้คุมจัตุรัสแดง

ชิ้นส่วนส่องแสงสีแดงที่ด้ามดาบงดงามชวนลุ่มหลงจนทำให้เขายากปฏิเสธ แสงสีแดงบริสุทธิ์เหมือนกับทำให้คนหลงไหล

“นี่คือชิ้นส่วนภัยพิบัติมังกรสีชาดหรือ” ลู่เซิ่งที่มีสายลับอย่างอิงอิงย่อมทราบดีว่านี่คืออะไร ยื่นมือไปจับด้ามดาบอย่างสนใจ

“เจ้ายินดีละทิ้งทุกสิ่งเพื่อแลกกับพลังจริงๆ หรือ”

“ข้ายินดี”

ทันใดนั้นมีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างกายของเขา เขาเห็นผู้คุมจัตุรัสแดงพลันลืมตาขึ้น ในดวงตามีเปลวเพลิงสองกลุ่มที่เต้นระริกลุกไหม้

ความร้อนผ่าวที่รุนแรงไม่อาจบรรยายพุ่งมาปะทะหน้า

ตูม!

ร่างกายที่ใหญ่โตของลู่เซิ่งพริบตาเดียวถูกระเบิดปลิวออกไปกระแทกกับหน้าผาหินในช่องแคบดังโครม

ผาหินข้างซ้ายของช่องแคบถูกการระเบิดและการพุ่งกระแทกที่น่ากลัวจนสั่นสะเทือน หินก้อนใหญ่กลิ้งตกลงไปในน้ำ

“ข้าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด!” ผู้คุมจัตุรัสแดงยืนขึ้นมาใหม่ เปลวเพลิงสีแดงฉานลุกไหม้รอบตัวนาง เปลวเพลิงนั้นพวยพุ่งออกมาจากในตัวนาง

“แข็งแกร่งที่สุดหรือ!?” ลู่เซิ่งดึงตัวเองออกมาจากหน้าผาหิน “ไม่ ข้าต่างหาก ข้าแข็งแกร่งที่สุด!”

ฟุ่บ!

แทบเป็นในเวลาเดียวกัน ทั้งสองคนหายไป ปะทะกันอย่างรุนแรง เหมือนกับแสงเจิดจ้าสองสาย

ไม่มีเสียงระเบิดสะเทือนฟ้าดิน มีแต่เปลวเพลิงสีแดงฉานและไร้รูปร่างเกาะเกี่ยวกัน การต่อสู้ของลู่เซิ่งกับผู้คุมจัตุรัสแดงรุนแรงกว่าก่อนหน้ามาก

……………………………………….