บทที่ 178 ซุ่มจู่โจม (2)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

บทที่ 178 ซุ่มจู่โจม (2)
ลู่เซิ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนหน้าผา

ผมยาวของเขาถูกลมพัดกระพือ

ดาบคู่ปักซ้อนกันอยู่ทางด้านขวา รอบๆ นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครอีก

ด้านล่างเป็นแม่น้ำในช่องแคบ เงาคนหลายสายต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง เสียงอาวุธกระทบกันกับเสียงตะโกนอันกึกก้องดังมาแต่ไกล

ลู่เซิ่งรู้ว่าสมาคมหทัยร่อนเร่กำลังกลุ้มรุมผู้คุมจัตุรัสแดง แต่ดูเหมือนเฉาหู่รองประมุขสมาคมหทัยร่อนเร่คล้ายเอาไม่อยู่ เพียงแค่ปะทะซึ่งหน้าไม่กี่ครั้ง ก็ถูกผู้คุมจัตุรัสแดงสะกดอย่างรวดเร็ว

ดาบที่มีชิ้นส่วนเปล่งประกายสีแดงเล่มนั้นเหมือนกับมีอานุภาพน่าสะพรึง ทุกๆ ครั้งที่ฟาดฟันใส่ ยักษ์ตาเดียวจำเป็นต้องหลบหลีกอย่างหวาดหวั่น ไม่กล้าต้านรับตรงๆ

พร้อมกับเวลาที่ผ่านไป คนของสมาคมหทัยร่อนเร่ค่อยๆ ลดลงทีละคนๆ สุดท้ายเหลือแค่เฉาหู่สู้กับผู้คุมจัตุรัสแดงตามลำพัง

ทั้งสองสู้รบกันด้วยพลังแทบทั้งหมด แรงและความเร็วของผู้คุมจัตุรัสแดงน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ทว่ายังด้อยกว่าเฉาหู่หลายเท่า ถ้าไม่ใช่ดาบในมือขวาเล่มนั้น นางคงชิงความได้เปรียบไม่ได้

ส่วนยักษ์ตาเดียวเฉาหู่ตอนนี้กระบองเขี้ยวหมาป่าเสียหาย เริ่มบ้าคลั่ง ดวงตาข้างเดียวยิงลำแสงสีทองอ่อนหลายสายออกมาตลอดเวลา กดดันให้ผู้คุมจัตุรัสแดงหลบหลีก

ลู่เซิ่งสังเกตเห็นว่าบางครั้งผู้คุมจัตุรัสแดงจะกุมหน้าอก คล้ายกับตรงนั้นเจ็บปวดมาก

‘ดูเหมือนจะคาดหวังในตัวสมาคมหทัยร่อนเร่ไม่ได้… ศัตรูที่ลอบทำร้ายไปแล้วก็ยังจัดการไม่ไหว เป็นแค่มารปีศาจไม่มีหัวคิดเท่านั้นเอง’ ลู่เซิ่งใจเย็น ไม่ได้ประหลาดใจเพราะผลลัพธ์ในตอนนี้

สำหรับเขา ไม่ว่าผู้คุมจัตุรัสแดงจะชนะหรือแพ้ นางก็ไม่อาจรอดไปจากที่นี่

ตูม!

ในตอนนี้เอง เสียงระเบิดกัมปนาทสั่นสะเทือนแก้วหูดังมาจากด้านล่างอีกครั้ง

น้ำในแม่น้ำถูกแรงระเบิดลอยขึ้นแล้วตกลงเหมือนกับห่าฝน

ผู้คุมจัตุรัสแดงทรวงอกกระเพื่อมอย่างแรง ดาบยาวในมือต้านรับเส้นแสงสีทองอ่อนสายหนึ่งที่อีกฝ่ายยิงมาอย่างหักโหม

นั่นเป็นสิ่งที่ตาของเฉาหู่ยิงออกมา เส้นแสงสีทองอ่อนชนิดนี้ยิงกวาดไปทั่วแม่น้ำ น้ำพลันระเหยหาย เฉียดใส่หินบนฝั่ง ก้อนหินพลันมลาย เหมือนกับถูกคมอาวุธที่คมกริบแบ่งจากหนึ่งเป็นสอง

แต่ว่าครั้งนี้ต่างออกไป ลำแสงในครั้งนี้ต่อเนื่องไม่ขาดสาย ถูกยิงออกจากตาติดต่อกัน

เฉาหู่ทางหนึ่งยิงแสงสีทอง ทางหนึ่งเดินเข้าใกล้นางก้าวหนึ่ง

“เจ้าหมดโอกาสแล้ว!” เขาคาดการณ์ถึงผลลัพธ์ในตอนนี้เอาไว้แล้ว แสงสีทองนี้มีชื่อว่าแสงเนตรปีศาจ เป็นความสามารถที่เขามีตั้งแต่เกิด ผ่านการฝึกฝนมาหลายปี อานุภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นพลังพิสดารสายหนึ่ง

“ถึงกับกดดันให้ข้าใช้แสงเนตรปีศาจได้!” แสงนี้หากใช้มากจะลดอายุขัย ดังนั้นถ้าไม่ถึงที่สุด เขาก็จะไม่ใช้ง่ายๆ

กลับนึกไม่ถึงว่ารอบนี้ มากลุ้มรุมอสรพิษดำทั่วไปที่ก่อนหน้านี้ยังห่างชั้นกับตนเองมาก ปัจจุบันมีแววก้าวสู่สามขั้นบนแล้ว

“แค่ปีศาจเสือ ถึงกับกดดันข้าถึงขั้นนี้ได้…” เฉาหู่เหยียบย่ำผิวน้ำ กดดันผู้คุมจัตุรัสแดง

แสงสีทองเข้มข้นและแยงตาขึ้นเรื่อยๆ

ผู้คุมจัตุรัสแดงจัตุรัสกัดฟันฝืนทน ชิ้นส่วนภัยพิบัติมังกรสีชาดบนด้ามดาบสาดแสงสีแดงพร้อมที่จะต้านทานแสงสีทอง

ดวงตานางเป็นประกายสีแดง ร่างกายแทบถึงขีดจำกัด กล้ามเนื้อทุกชุ่น กำลังทุกส่วนในตัว ถูกบีบอัดไปอยู่บนด้ามดาบตรงหน้า ป้องกันแสงสีทองไว้

“ท่านพี่…” ด้านหลังแว่วเสียงอ่อนแอของสตรีกางร่ม

“ข้าไม่มีทางแพ้” ผู้คุมจัตุรัสแดงตาเป็นประกาย ตะโกนออกมา “ไม่มีทาง!”

“เงาลวงเปลี่ยนวิญญาณ!” มือขวาของนางและดาบพลันเปลี่ยนเป็นภาพลวงตา กลายเป็นกึ่งโปร่งแสง

มือและดาบหลังเปลี่ยนเป็นภาพลวงตาก็ทะลุแสงสีทองไปพร้อมกัน ฟันใส่ศีรษะของเฉาหู่อย่างรุนแรง

ดาบนี้เร็วเกินไป ทำให้เฉาหู่ตอบสนองไม่ทัน โซเซพร้อมร้องโหยหวน ถอยหลังตกลงไปในน้ำ

ผุ้คุมจัตุรัสแดงส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเช่นกัน หลังเปลี่ยนเป็นวิญญาณลวง ไม่มีกายแท้จริง ย่อมไม่อาจต้านแสงสีทอง ดังนั้นทรวงอกของนางถูกแสงสีทองเจาะเป็นรูใหญ่

“ฮ่า…ฮ่าๆๆ! ตาย!” ผู้คุมจัตุรัสแดงเหมือนกับไม่ใส่ใจรูใหญ่ตรงทรวงอกแม้แต่น้อย โผทะยานพุ่งเข้าใส่เฉาหู่ในแม่น้ำ

นัยน์ตาของเฉาหู่ถูกดาบฟัน ตอนนี้เลือดไหลหลั่ง ร้องครางอย่างเจ็บปวดรวดร้าว เมื่อรู้สึกได้ว่าผู้คุมจัตุรัสแดงพุ่งเข้ามา เขาก็กระตุ้นพลังทั้งหมด ต่อยหมัดใส่อีกฝ่าย

มาถึงขั้นนี้ ไม่มีกระบวนท่าอะไรอีกแล้ว เป็นการฆ่าฟันด้วยพละกำลังและความเร็วอันดิบเถื่อน

พวกเขาไม่ใช่มนุษย์ที่มีวรยุทธ์กระบวนท่าหลากหลาย สิ่งที่พวกเขาประชันกันเป็นแค่พละกำลัง ความเร็ว การป้องกัน รวมถึงทักษะต่อสู้พื้นฐาน พวกเขามีทักษะการต่อสู้มากมาย

เงาลวงเปลี่ยนวิญญาณเป็นวิชาลับพลังพิสดารโดยกำเนิดของผู้คุมจัตุรัสแดง เหมือนกับประกายเนตรปีศาจของเฉาหู่ มารปีศาจแต่ละตนจะมีพลังพิสดารโดยกำเนิดอย่างหนึ่ง

พลังประหลาดเหล่านี้สามารถทำให้พวกเขาค่อยๆ เปลี่ยนแปลง แข็งแกร่งขึ้น พัฒนาขึ้น ถึงขั้นสร้างการเปลี่ยนแปลงทางคุณสมบัติผ่านการฝึกฝนเคล็ดวิชาลับที่แตกต่างได้

นี่เป็นประโยชน์ในวิชาของพวกมารปีศาจ

ถึงแม้ผู้คุมจัตุรัสแดงจะมีพรสวรรค์น่าทึ่ง ทว่าเคล็ดวิชาลับที่ฝึกฝนมากลับธรรมดา ดังนั้นจึงปรารถนาเคล็ดวิชาลับในระดับที่สูงกว่า

เฉาหู่ไม่มีปัญหาด้านนี้ อานุภาพแสงเนตรปีศาจแข็งแกร่ง ฝึกฝนจนได้มาจากเคล็ดวิชา ถ้าไม่ใช่เพราะชิ้นส่วนภัยพิบัติมังกรสีชาด จุดจบของศึกในครั้งนี้จะเป็นฉบับเดียวกันกับครั้งก่อน ผุ้คุมตรอกจัตุรัสแดง นอกจากหนีอย่างทุลักทุเล ก็ไม่มีวิธีอื่นอีก

หยดน้ำฝนไม่ทราบว่าเริ่มโปรยปรายตอนไหน ยิ่งมายิ่งหนัก ค่อยๆ กลายเป็นฝนตกกระหน่ำ

ไม่รู้ว่าสู้กันนานเท่าไหร่

บนฝั่งแม่น้ำ ผู้คุมจัตุรัสแดงถอนดาบออกจากร่างขนาดใหญ่ของเฉาหู่ ทรวงอกและคอของนางโดนเฉือนเป็นแผลขนาดใหญ่เช่นกัน

เลือดเนื้อของนางกำลังจะสมานตัวด้วยความเร็วสูง แต่ถูกแสงสีทองอ่อนๆ ชั้นหนึ่งกันไว้ ไม่อาจกำจัดทิ้งได้

แฮ่ก…แฮ่ก…แฮ่ก…

ผู้คุมจัตุรัสแดงหอบหายใจอย่างรุนแรง ทรุดเข่าลงกับพื้น น้ำฝนไหลจากบนตัวและบนใบหน้า

นางพลันนึกอะไรได้ หันกลับไปมองหารอบๆ

“อิงอิง! อิงอิง!”

นางลุกพรวดขึ้น โซซัดโซเซพุ่งไปหาสตรีกางร่มบนชายฝั่งแม่น้ำที่อยู่ไกลออกไป อิงอิงเหมือนบาดเจ็บสาหัสเพราะลูกหลงจากการต่อสู้

“อิงอิง เจ้าเป็นอะไรไป?!” ผู้คุมจัตุรัสแดงรีบโอบสตรีกางร่มด้วยมือข้างหนึ่ง

สวบ!

ทันใดนั้นคมดาบที่เปื้อนเลือดก็แทงท้องน้อยของผุ้คุมจัตุรัสแดง

ผู้คุมจัตุรัสแดงพลันชะงัก คลายอิงอิงในอ้อมอกออก ก้มหน้ามองท้องน้อยของตนเองอย่างตะลึงงัน

เลือดเนื้อตรงนั้นกำลังฝ่อลีบด้วยความเร็วสูง

“เจ้า…!” นางดวงตาไร้ประกาย ซวนเซถอยหลังไปหลายก้าว “อิงอิง…”

“ท่านพี่…”

สตรีกางร่มร้องไห้อย่างเจ็บปวด ในดวงตาเป็นสีฟ้าของข่ายกระเรียนหยินรางๆ มีดสั้นที่ทาผงหยกประกบสั่นไหว นางคิดจะโยนทิ้ง แต่ว่าแรงอีกสายในร่างกายบังคับให้นางกำแน่น

นางลุกขึ้น เดินเข้าหาผู้คุมจัตุรัสแดงทีละก้าวๆ

สวบ!

มีดที่สอง ครั้งนี้แทงใส่ไหลซ้ายของผู้คุมจัตุรัสแดงอย่างแรง

เดิมทีเล็งที่ศีรษะ แต่สตรีกางร่มส่ายหน้าสุดชีวิต ใช้กำลังของตนทั้งหมดขัดขืน จึงค่อยเบี่ยงทิศทางได้

มีดเสียบลึกเข้าไปในร่าง

อ๊าก!

ผุ้คุมจัตุรัสแดงเงยหน้ากู่ร้อง ผมสั้นที่ตอนแรกสีขาว กลายเป็นสีแดงดั่งย้อมด้วยเลือด ด้วยความเร็วสูง

พลังสะท้อนอันมหาศาลดีดอิงอิงถอยหลังไป ล้มลงกับพื้น

ฝนตกหนักกว่าเดิม

เงาคนสายหนึ่งโผล่ขึ้นด้านหลังนางอย่างเงียบเชียบ เป็นลู่เซิ่งที่รอมานานแล้ว

เขากำดาบคู่ กลิ่นอายไม่ต่างอะไรกับก้อนหินก้อนหนึ่ง ยืนอยู่ด้านหลังผู้คุมจัตุรัสแดง แต่ไม่ถูกพบ

‘พอประมาณแล้ว…’ ลู่เซิ่งยกดาบขึ้นช้าๆ

ควับ!

ดาบคู่ที่คมกริบฟันใส่หลังผู้คุมจัตุรัสแดง

เคร้ง!

ในตอนนี้เอง เงาคนพร่ามัวสายหนึ่งโผล่ขึ้นตรงหน้าลู่เซิ่งอย่างกะทันหัน ต้านรับดาบคู่อย่างหักโหม

“เย่หลิงม่อหรือ” ลู่เซิ่งเลิกคิ้ว

ฟุ่บ

เย่หลิงม่อถอยหลังไปหลายก้าว รู้สึกได้ว่ามีพละกำลังที่ยิ่งใหญ่จนยากจินตนาการกระเพื่อมออกมา ใบหน้าเขาฉายแววเหลือเชื่อ

“เจ้า!?” เขาอึ้ง นึกไม่ถึงว่าผู้ที่โผล่มาในตอนนี้จะเป็นลู่เซิ่ง

หัวหน้าพรรคที่เป็นมนุษย์ธรรมดาผู้นี้กล้าถือดาบลอบลงมือกับยอดฝีมือระดับประมุขจวนระดับอสรพิษ?!

ผู้คุมจัตุรัสแดงตอนนี้ค่อยรู้สึกถึงความผิดปกติ รีบหมุนตัวมา พอเห็นลู่เซิ่งที่อยู่ด้านหลัง กลับไม่มีสีหน้าประหลาดใจ นางในตอนนี้จมดิ่งอยู่ในความเจ็บปวดที่ถูกคนที่ตนรักทำร้าย

“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมาด้วย” ลู่เซิ่งมองเย่หลิงม่ออย่างค่อนข้างประหลาดใจ

“ทำไมข้าจะมาไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าทุกอย่างจะเป็นแผนการของเจ้า ผู้ประกอบพิธีก็เป็นเจ้าสังหารกระมัง ยังมีฑูตเขตแดนอีก ก็เจ้าเหมือนกัน” เย่หลิงม่อเอ่ยเสียงเย็น “ยังมีสตรีกางร่ม ก็เป็นฝีมือของเจ้าหรือ”

“…ใช่แล้วอย่างไร ไม่ใช่แล้วอย่างไร” ลู่เซิ่งย่างสามขุมเข้าใส่ “เจ้านึกว่าพวกเจ้าจะรอดจากที่นี่ไปได้หรือ”

“อาศัยเจ้าหรือ” เย่หลิงม่อหัวเราะเย็นชา

“ใช่แล้ว…อาศัยข้า”

ฟุ่บ!

เย่หลิงม่อพริบตาเดียวโผล่ขึ้นด้านหน้าของลู่เซิ่ง กรงเล็บแหลมคมคว้าใส่ศีรษะเขา

ในตอนที่มือของเขาใกล้จะแตะศีรษะของลู่เซิ่ง

ตูม!

เพลิงผลาญไร้รูปร่างสายหนึ่งระเบิดออกกลางอากาศ หยุดกรงเล็บไว้ในพริบตา

“การดิ้นรนไร้ความหมาย” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น

ควันขาวจำนวนมากกระจาย

เสียงหมับดังขึ้น เมื่อในหมอกควันมีแขนที่เหมือนสวมเกราะอ่อนข้างหนึ่งยื่นออกมาคว้ามือของเย่หลิงม่อไว้อย่างมั่นคง

“การโจมตีเบาๆ แบบนี้ จะฆ่าผู้ใดได้ ตัวเจ้าเองหรือ”

ลู่เซิ่งจับเย่หลิงม่อขึ้นฟาดกับพื้นด้วยมือเดียว

เปรี้ยง!

รอยแตกขนาดใหญ่ขยายไปรอบๆ ฝั่ง พริบตาเดียวบนพื้นเกิดหลุมลึกหลายหมี่

หมอกควันสลายหาย ผู้คุมจัตุรัสแดงค่อยเห็นใบหน้าในตอนนี้ของลู่เซิ่งชัดเจน

เดิมทีเป็นเพียงเขาในร่างคนธรรมดา ตอนนี้กลายเป็นสัตว์ประหลาดขนาดสองหมี่กว่าๆ เกราะเหมือนกระจกหนาชั้นหนึ่งห่อหุ้มทั่วร่าง

เขาวัว กรงเล็บ ยังมีหางที่หยาบใหญ่ด้านหลัง สะบัดคล่องแคล่วเหมือนกับแส้

สัตว์ประหลาดร่างคนสีดำเขียวตนนี้เหมือนกับมีเกราะอ่อนหนาคล้ายโลหะชั้นหนึ่งคลุมอยู่ทั่วทั้งร่าง บ่า ศอก และหลังของมันมีหนามสีดำคมกริบ ดุร้ายหมายขวัญ

ร่างกายสมส่วนโค้งเพรียว ให้ความรู้สึกไม่มีส่วนเกินแม้แต่น้อย

เขายืนอยู่ตรงนั้น ทั่วทั้งร่างแสดงความสงบ สง่างาม ดุร้าย

“ฆ่ามัน!” เย่หลิงม่อหน้าเต็มไปด้วยเลือดกระโดดขึ้น พุ่งเข้าใส่ลู่เซิ่ง

ผู้คุมจัตุรัสแดงสายตาเย็นเยียบ โถมตัวใส่ลู่เซิ่งดุจสายฟ้าแลบ

ตูมๆๆ!

ทั้งสองคนผนึกกำลังโจมตีลู่เซิ่งเหมือนกับห่าฝนพายุคลั่ง ทว่าอีกฝ่ายก็ป้องกันได้อย่างแม่นยำ

ตูม!

ผู้คุมจัตุรัสแดงถูกดาบฟาดใส่ศีรษะ กระเด็นออกไปไกล

เย่หลิงม่อป้องกันดาบของลู่เซิ่งสุดกำลังอยู่กลางอากาศ

เคร้ง!

ดาบฟันขวางออกมาดุจด้ายสีเงิน กรงเล็บสองข้างของเขาพลันแตกออก เกือบจะถูกบั่นเอว พุ่งตกลงไปในน้ำ

คลื่นยักษ์กระจาย

……………………………………….