หลังจากรายชื่อในการจัดอันดับปรากฏขึ้นแล้ว หม้อสามขาใบใหญ่ก็ปรากฏตามขึ้นมาตรงหน้าหลิวหลี หลิวหลีมองซ้ายมองขวา แต่ก็มองไม่ออกว่าหม้อสามขานี้มีไว้ทำอะไร ไม่มีฝาปิดจะเป็นหม้อปรุงยาไม่ได้ ดังนั้นนางไม่เอาได้หรือไม่ บางทีเพราะสายตารังเกียจของหลิวหลีเด่นชัดเกินไป หม้อสามขาขยับกึกกัก แล้วจึงมีแสงเปล่งประกายออกมาจากด้านใน
“โยมหลงอาจจะยังไม่รู้ นี่คือหม้อสามขาเทียนสิง ของรางวัลของสิบอันดับแรกจะอยู่ในหม้อสามขาเทียนสิง” เก้าคนที่เหลือเห็นสายตารังเกียจของหลิวหลี จึงพูดอะไรไม่ออก ของที่ออกมาจากหม้อสามขาเทียนสิงจะเหมือนของในถุงเก็บของได้อย่างไร นี่ต่างหากที่เป็นของดีที่แท้จริง
“อย่างนี้เองหรือนี่ ข้าก็ว่าจะให้หม้อปรุงยาแต่กลับไม่ให้ฝามาด้วย เมืองเทียนสิงขี้เหนียวเกินไปแล้ว เป็นแบบนี้นี่เอง” หลิวหลีเข้าใจแจ่มแจ้ง ตัวเองช่างโง่เขลาจริงๆ เยี่ยซิงขวงอดหัวเราะเยาะไม่ได้ การที่คนโง่เขลาผู้นี้ได้อันดับหนึ่งไป ต้องเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับพวกเขาแน่ๆ
“หัวเราะอะไรกันถึงจะหัวเราะไปก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่าเจ้าได้อันดับ 6 หรอก แถมข้าเป็นคนเลือกให้เจ้าเสียด้วย” หลิวหลีได้ยินเสียงหัวเราะ จึงพูดสวน ทำให้เยี่ยซิงขวงโมโหจนหน้าแดง
ในเมื่อรู้ประโยชน์ของหม้อสามขาเทียนสิงแล้ว หลิวหลีจึงยื่นมือเข้าไป หยิบถุงเก็บของออกมาหนึ่งใบ หม้อสามขาเทียนสิงนี้ทำไมถึงมีพฤติกรรมเดียวกับนาง ชอบให้ถุงเก็บของเป็นของกำนัล หลิวหลีมองอยู่นาน ก่อนจะโยนถุงเก็บของเข้ามิติ อย่างไม่แยแส
จากนั้นหม้อสามขาใบใหญ่ก็ลอยไปตรงหน้าของอันดับ 2 หยวนเจิน จากนั้นก็ลอยต่อไปเรื่อยๆ จนถึงอันดับ 10 หงอวี้ อาจเพราะถูกหลิวหลีมองว่าเป็นหม้อปรุงยาคุณภาพไม่ดีนัก หม้อสามขาเทียนสิงไม่พอใจเท่านัก มันลอยกลับไปหาหลิวหลี ใช้หูหม้อตีหลิวหลี แล้วหมุนสามรอบอย่างได้ใจ แล้วจึงหายไป
“หม้อสามขาช่างเจ้าคิดเจ้าแค้น” หลิวหลีจับไหล่ที่โดนตีแล้วบ่น
หลังจากที่หม้อสามขาเทียนสิงหายไป บนฟ้าก็ปรากฏคำว่า สงครามการจัดอันดับผู้ถูกเลือกสิ้นสุดลงแล้ว กรุณาออกจากเมืองเทียนสิง
“จบแล้วหรือ” ไม่ต้องพูดความรู้สึกอะไรเลยหรือ ได้ของแล้วก็กลับได้เลย เมืองเทียนสิงช่างฉาบฉวยใช้ได้เลย
“นังหนู เตรียมตัวไปกันเถอะ” หนานกงเวิ่นเทียนมองหลิวหลีที่ตกใจ หรือว่านังหนูโดนหม้อสามขาเทียนสิงตีจนเพี้ยนไปใช่หรือไม่
“อ่อ ได้ ไปพาหลงเสียวเสี่ยวมา ข้ากลับโลกอสูรเทพก่อน แล้วค่อยไปที่สำนัก” หลิวหลีพยักหน้า ควรต้องกลับบ้านไปแจ้งข่าวที่น่ายินดี จากนั้นค่อยกลับสำนักไปหาอาจารย์ แล้วค่อยกลับโลกอสูรเทพไปสอนน้องสาว จนน้องสาวนางเข้าสู่ช่วงอมตะ นางก็จะออกไปโชคชะตาด้านนอกก็ยังขาดเพลิงอัคคีอีกตั้งสองชนิด เพลิงอัคคีคงจะไม่มาหานางถึงที่หรอกจริงไหม
“นังหนู กลับไปคราวนี้ อยากอะไรหรือไม่” หนานกงเวิ่นเทียนคิดว่าจะเข้าฌานยาวๆ ค่อยออกฌาณในตอนที่พลังบำเพ็ญเพียรก้าวหน้า สำหรับสถานที่ ย่อมต้องเป็นมิติของหลิวหลีที่มีข้อได้เปรียบในเรื่องของเวลา
“อืม กลับบ้านไปเจอคนในครอบครัวก่อน แล้วค่อยกลับสำนักไปหาอาจารย์ จากนั้นก็กลับโลกอสูรเทพสอนโม่หลี จนโม่หลีเข้าสู่ช่วงอมตะ ข้าก็จะออกไปแสวงหาโอกาส พูดตามตรงในด่านที่สอง ข้าไม่ได้เข้าไปในดินแดนเดียวกับพวกเจ้า แต่เป็นอีกดินแดนหนึ่ง ข้าได้พิชิตเพลิงลมสลาตันที่อยู่ข้างในนั้น บัดนี้ข้าเป็นผู้บำเพ็ญช่วงชำระล้างแล้ว” คำพูดของหลิวหลีไม่ต่างอะไรจากระเบิด หลงหลิวหลีที่ยังอายุไม่ถึง 100 ปีก็กลายเป็นท่านปรมาจารย์ช่วงชำระล้างไปเสียแล้ว
“นังหนู ข้าจะพยายาม ข้าจะกลับไปเข้าฌานในมิติ ข้าไม่อยากตามหลังเจ้าจนทำให้เจ้าต้องหยุดเพื่อรอข้าเสมอ” หนานกงเวิ่นเทียนพูดอย่างมุ่งมั่น และแฝงไปด้วยความเศร้าน้อยๆ เขาพยายามวิ่งไล่ตามนังหนู เมื่อตามทัน นังหนูก็ทิ้งห่างเขาไปอีก พวกเขาดูเหมือนจะต้องไล่ตามกันอยู่ตลอดเวลา
“เสี่ยวเทียน ข้าไม่ได้หยุดเพื่อรอเจ้าจริงๆ ข้าเชื่อว่าหนานกงเวิ่นเทียนที่ข้ารู้จัก จะต้องเป็นคนที่สามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับข้าได้แน่” หลิวหลีพูดพลางส่ายหัว
“อยากรีบแต่งเจ้าไวๆแล้วสิ” หนานกงเวิ่นเทียนอยากพานางไปซ่อนเอาไว้ไม่ไหวแล้ว
“พวกเราสร้างครอบครัวของเราเองเหมือนท่านพ่อท่านแม่ของเราดีหรือไม่ จะได้ไม่ต้องอึดอัดใจกันทั้งสองฝ่าย” ช่วยไม่ได้ นางเป็นคนไปสู่ขอ ทำให้ท่านลุงที่กลัวเสียหน้าของเสี่ยวเทียนไม่พอใจ หากเขาไม่ยอมให้เสี่ยวเทียนแต่งกับนางจะทำอย่างไร
“ได้” หนานกงเวิ่นเทียนเข้าใจความหมายของหลิวหลี เพราะเขาต้องเป็นคนแต่งออก เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หนานกงเวิ่นเทียนก็หน้าแดงอย่างอดไม่ได้
“หลิวหลี เจ้าจะกลับโลกอสูรเทพใช่หรือไม่ พวกเราไปด้วยกันเถอะ” ฮัวจิงเฟยแบกหน้าเดินมาหา โดยมีฮัวจิงหงที่สีหน้ากระอักกระอ่วนใจอยู่ข้างๆ
“จะให้ข้าพาพวกเจ้าไปด้วยหรือ?” หลิวหลีเลิกคิ้วมองฮัวจิงเฟยที่ทำท่าทางน่าสงสารกับฮัวจิงหงที่สีหน้ากระอักกระอ่วน
“ท่านพี่ ข้ามากับพี่ชิงหลวน ท่านพี่ ยินดีด้วยกับอันดับหนึ่งเจ้าค่ะ” เสียวเสี่ยวมองหลิวหลีอย่างนับถือ ชิงหลวนที่อยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้าแบบเดียวกัน หลิวหลีที่มองอยู่ก็ขบขัน สองคนนี้ช่างน่ารักเสียจริง
“ไม่มีอะไร เอาเถอะ ฮัวจิงเฟยเจ้าก็เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว ข้าจะพาเจ้ากลับไปพร้อมกัน ฮัวจิงหงก็ติดไปด้วยกันเลย” หลิวหลีลูบหัวเสียวเสี่ยวเบาๆ ชิงหลวนที่มองอยู่ข้างๆก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา
ฮัวจิงหงยิ้มเศร้า เขาเป็นแค่คนที่ติดไปด้วยเท่านั้น มันก็จริง ว่าแต่จิงเฟยไปสนิทสนมกับหลงหลิวหลีตอนไหน ยาศักดิ์สิทธิ์ที่มอบให้เขาครั้งที่แล้ว ต้องแลกด้วยหินวิญญาณจำนวนไม่น้อย
“เอ่อ..ท่านพี่ พี่ชิงหลวนกลับไปโลกอสูรเทพกับเราได้หรือไม่ ข้าอยากเชิญนางไปเป็นแขกที่สกุลหลง” เสียวเสี่ยวอ้อนวอน ชิงหลวนที่อยู่ข้างๆมองหลิวหลีด้วยแววตากระวนกระวาย ด้วยเกรงว่าหลิวหลีจะไม่อนุญาต
“เจ้าไม่กลับโลกอสูรหรือ จากอันดับของเจ้าแล้ว หากเจ้ากลับโลกอสูรน่าจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี” หลิวหลีกล่าว ชิงหลวนเป็นผู้ถูกเลือกอันดับ 16 ถือว่าทำผลงานได้ไม่เลวเลย
“ไม่ ไม่ ไม่ ข้าอยากตระเวนไปทั่ว อยากจะรู้จักต้นแบบของข้า” ชิงหลวนส่ายหัวราวป๋องแป๋ง
“อย่าเลย ข้าไม่ชอบให้ใครมาเรียกว่าต้นแบบสักเท่าไร เรียกชื่อข้าดีไหม ข้าเชิญเจ้าไปเป็นแขกบ้านสกุลหลงดีไหม ชิงหลวน”
“ได้สิ ได้ หลิวหลี” ตอนแรกชิงหลวนผิดหวัง แล้วจึงพยักหน้าราวไก่กำลังจิกกินข้าวเปลือก นางลองเรียกชื่อของต้นแบบนางดู พบว่าดูสนิทสนมกว่าเดิม
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเรากลับกันเถอะ” เมื่อหลิวหลีเห็นว่าคนครบแล้ว ก็โบกแล้วคนกลุ่มนั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะไปหลิวหลีเหลือบตามองเยี่ยซิงหวงแวบหนึ่ง พลังบำเพ็ญเพียรอยู่ในช่วงรวมกายาขั้นสุดยอด เหมือนเขาก็จะมีเพลิงอัคคีเช่นเดียวกัน คนผู้นี้เป็นคนที่ปกปิดได้ลึกล้ำที่สุด หวังว่าจะไม่ได้ปะทะกัน
“หลงหลิวหลี ข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับเจ้าเลยจริงๆ” เยี่ยซิงหวงพูดพลางมองแผ่นหลังของหลิวหลี แต่เหมือนนางจะรู้พลังบำเพ็ญเพียรของเขาแล้ว อีกทั้งยังรู้ว่าเขามีเพลิงอัคคี ดูท่าพลังบำเพ็ญเพียรของหลงหลิวหลีคงจะไม่ได้อยู่ในช่วงรวมกายาแล้ว
ณ บ้านสกุลหลง ทุกคนต่างรู้สึกปิติยินดี โชคดีที่หลิวหลีเข้ามาอยู่ในรายชื่อสกุลหลง เกียรติยศนี้จึงถือเป็นของบ้านสกุลหลง โดยเฉพาะยิ่งมองดูสีหน้าเศร้าซึมของคนสกุลจ้าน หลงเหวินเซวียนก็ยิ่งได้ใจ ใครให้พวกเจ้ากินยาศักดิ์สิทธิ์ที่หลานสาวของข้าทำขึ้น แล้วยังกล้ารังแกหลานสาวคนเล็กของเขาอีก อีกทั้งยังคิดจะเจ้ากี้เจ้าการให้หลานสาวคนโตของเขาทำนู่นทำนี่ กรรมตามสนองแล้ว บ้านสกุลจ้านไม่ได้ยาศักดิ์สิทธิ์จากหลิวหลีอีก เกียรติยศชื่อเสียงที่ได้มาจากหลิวหลีซึ่งเป็นอันดับหนึ่งในการจัดอันดับผู้ถูกเลือกก็ไม่ถือว่าเป็นของบ้านสกุลจ้าน ตาแก่จ้านเฟิงอวี้ที่แสนจะรู้งาน อ้างว่าตัวเองจะต้องบรรลุช่วง จึงขอลาออกจากตำแหน่งผู้นำสกุล ดีที่เขาสนิทกับน้องชายตัวเอง จ้านเฟิงอวี้ได้ทรัพยากรไปไม่น้อย
“ท่านพ่อ หลิวหลีจะกลับบ้านเมื่อไหร่?” หลงจิ่งอู๋ถามขึ้นด้วยความดีใจ ตั้งแต่หลานสาวของเขาได้อันดับหนึ่ง เขาเหมือนบินได้ตลอดเวลา
“ไม่แน่ใจนัก คงน่าจะใกล้แล้วล่ะ คาดว่าคงไปหาน้องสาวของเจ้าก่อน” ถึงหลงเหวินเซวียนก็อยากเจอหลิวหลี แต่เขาก็ต้องข่มใจ แน่นอนว่าหลิวหลีจะต้องไปทักทายพ่อแม่ก่อน
เมื่อหลงซินเยว่รู้ว่าลูกสาวคนโตของนางได้อันดับหนึ่ง นางก็ปฏิเสธทุกคนที่มาเยี่ยมเยียนพวกเขาสองสามีภรรยาด้วยจุดประสงค์ต่างๆนานา ตอนนี้นางมีภาคภูมิใจอย่างมาก ลูกสาวของนางคือผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่ง ใครจะเทียบเคียงได้ หลงซินเยว่สอนคาถาให้กับลูกสาวคนเล็ก ถึงแม้ความสามารถของลูกสาวคนเล็กจะไม่โดดเด่นเท่าลูกสาวคนโต แต่นางสติปัญหาเฉียบแหลม บางทีอาจเพราะมีพี่สาวที่มีความสามารถอย่างหลิวหลีอยู่ตรงหน้า โม่วหลีไม่อยากจะเดิมตามอยู่ข้างหลัง บวกกับยาผงที่หลิวหลีทิ้งไว้ให้ ตอนนี้บำเพ็ญเพียรแค่เพียงสามเดือน ก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรช่วงฝึกฝนลมปราณขั้นสาม ทิ้งห่างจากเด็กที่บำเพ็ญเพียรพร้อมกันไปไกลแล้ว
“ถึงแล้ว ฮัวจิงเฟย แยกกันตรงนี้ เสี่ยวเทียน เจ้ากลับบ้านสกุลหนานกงไปก่อนแล้วกัน” หลิวหลีกล่าว สกุลหนานกงเองก็เตรียมจัดงานฉลองเช่นกัน ถึงแม้จะสู้หลิวหลีที่เป็นอันดับหนึ่งไม่ได้ แต่ทั่นฮัวอันดับสามอย่างเขาก็ถือเป็นหน้าเป็นตาของสกุลหนานกงเช่นกัน
“ได้ ขอบคุณหลิวหลีที่พาพวกข้าสองพี่น้องมาด้วยกัน รอเจ้าจัดการธุระแล้ว พวกข้าจะมาเยี่ยมใหม่” ฮัวจิงเฟยยกมือบอกลา แล้วจากไปพร้อมกับฮัวจิงหง
“หลิวหลี หลังจากนี้ข้าจะเข้าไปบำเพ็ญเพียรในมิติ รักษาตัวด้วย” หนานกงเวิ่นเทียนพยักหน้า ท่านลุงกับท่านพ่อท่านแม่ต้องกำลังรอตนเองอยู่แน่
“ท่านพี่ ข้าพาชิงหลวนกลับบ้านสกุลหลงก่อน พี่สาวไปพบท่านลุงท่านป้า และน้องโม่หลีก่อน พวกเราค่อยมาเจอกันที่สกุลหลง” เสียวเสี่ยวจับมือชิงหลวนแล้วพูดขึ้น
“ก็ดีเหมือนกัน ชิงหลวน ขอให้เจ้ามีความสุขที่บ้านสกุลหลง”
“รู้แล้ว หลิวหลีวางใจเถอะ มีเจ้าบ้านอย่างเสียวเสี่ยวอยู่ ข้าต้องมีความสุขมากแน่ๆ” เสียวเสี่ยวกับหลิวหลีเข้ากันเป็นอย่างดี เป็นพี่น้องที่มีสายสัมพันธ์อันดีเยี่ยม
“เช่นนั้นก็ดีข้าไปก่อน” หลิวหลีพูดจบก็หายตัวไป พลังบำเพ็ญเพียรช่วงชำระล้าง ทำให้นางย่อขนาดพื้นที่ได้อย่างง่ายดาย ไม่นานก็มาถึงบ้านของน้องสาว เห็นน้องสาวกำลังบำเพ็ญเพียรด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ท่านแม่เองร่ายมนตร์ป้องกันให้นางอยู่ข้างๆ ไม่เลวเลย อายุไม่มากพลังบำเพ็ญเพียรก็อยู่ในช่วงฝึกลมปราณขั้น 3 แล้ว อีกทั้งยังค่อนข้างคงที่ด้วย
“ท่านแม่ เหมือนข้าจะแตะขอบพลังของช่วงต่อไปแล้ว” มั่วหลีพูดกับมารดาด้วยความดีอกดีใจ
“โม่หลีเก่งมากลูก”
“ท่านแม่ ท่านพี่จะกลับมาเมื่อใด?”
“คงใกล้แล้ว โม่หลีคิดถึงพี่สาวแล้วใช่หรือไม่” หลงซินเยว่ก็รู้สึกพอใจอย่างมากเมื่อเห็นลูกสาวคนเล็กคิดถึงลูกสาวคนโต
“เจ้าค่ะ พอท่านพี่ไม่อยู่ ตั้งแต่เริ่มบำเพ็ญฝึกฝน ไขมันของข้าก็แทบจะหายไปหมดเลย” มั่วหลีพูดพลางเอามือบีบแก้มตัวเอง
“แปลว่าเป็นความผิดของข้า เมื่อเป็นเช่นนั้นเพื่อเป็นการไถ่โทษ ข้าจะทำอาหารมื้อใหญ่ให้กับโม่หลีดีหรือไม่” หลิวหลีโผล่ออกมาจากข้างๆ ยิ้มให้แม่และน้องสาวของตัวเอง
……………………………