บทที่ 327 มีลูกด้วยกันเถอะ
เมื่อเฉียวเทียนช่างอาบน้ำเสร็จ และเดินออกมา ก็เห็นว่าหนิงเมิ่งเหยากำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยความว้าวุ่นใจ
ชายหนุ่มจึงเข้าไปดึงนางมากอดแนบชิดอกของตน “เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ”
หญิงสาวตกใจ ก่อนจะกอดคอเขาอย่างไม่รู้ตัว
“ข้าอยากมีลูก” หนิงเมิ่งเหยากะพริบตามองผู้เป็นสามี หญิงสาวไม่เคยมีลูกมาก่อน และหลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น ทำให้นางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้อีกเลย แต่เมื่อหญิงสาวพบหยางจื้อในวันนี้ ความรู้สึกในใจของนางก็ปะทุจนเอ่อล้น นางอยากมีลูก ลูกของพวกเขาสองคน
เฉียวเทียนช่างเองก็อยากมีลูก แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ สภาพร่างกายของนางอ่อนแออย่างมาก หนำซ้ำยังได้รับบาดเจ็บจากกู่พิษอีก และชิงซวงก็เคยบอกว่าการตั้งครรภ์จะส่งผลร้ายกับร่างกายของนาง นางจึงดื่มยาคุมกำเนิด เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่มีลูกมาสองสามเดือนแล้ว
“เทียนช่าง…”
“แต่ร่างกายของเจ้า…”
“ข้าไม่เป็นไร ข้าเพียงต้องการมีลูก” ท่าทีของหนิงเมิ่งเหยาดูเขินอายขณะลูบไล้แขนของชายหนุ่ม
หญิงสาวสัมผัสได้ว่าเฉียวเทียนช่างเองก็อยากมีลูก แต่เพราะคำพูดของชิงซวงที่บอกว่าการตั้งครรภ์อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายของนาง เขาจึงแอบขอโอสถคุมกำเนิดจากชิงซวงมา
เฉียวเทียนช่างกอดหนิงเมิ่งเหยาอย่างอดไม่ได้ มิใช่ว่าชายหนุ่มไม่อยากมีลูก แต่หากหญิงสาวตั้งครรภ์ เขาก็เป็นห่วงและเกรงว่าหญิงสาวจะเป็นอันตรายได้
“เทียนช่าง…”
“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว” ชายหนุ่มไม่อาจหยุดยั้งทีท่าของหนิงเมิ่งเหยาได้ จึงต้องยินยอมอย่างช่วยไม่ได้
หญิงสาวยิ้มหลังจากได้ยินว่าสามีตอบตกลง
“เทียนช่าง เจ้าเป็นคนดีที่หนึ่งเลย”
เฉียวเทียนช่างมองหญิงสาวที่อยู่บนตัวของเขาอย่างอับจนหนทาง ในที่สุดก็ไม่อาจห้ามใจไหว ชายหนุ่มรีบพลิกขึ้นมาอยู่บนตัวนาง ‘ในเมื่อพวกเขาอยากมีลูกด้วยกัน แล้วเขาจะไม่ลงมือทำได้เช่นไรเล่า’
ตลอดทั้งคืนนั้น เฉียวเทียนช่างร่วมรักกับหนิงเมิ่งเหยาเพื่อแสดงให้นางรู้ว่าเขาอยากมีลูกมากเพียงใด และนั่นทำให้หญิงสาวหลับใหลจนถึงช่วงเที่ยงวัน
หยางเล่อเล่อรอคอยนางตลอดช่วงเช้าจนถึงเวลาที่นางตื่นขึ้น
“เหยาเหยา เจ้าขี้เซาขนาดนั้นเลยหรือ”
หนิงเมิ่งเหยารู้สึกเขินอาย ก่อนมองเฉียวเทียนช่างที่อยู่ข้างๆ ชายหนุ่มมองภรรยาอย่างไร้เดียงสา ‘นางอยากมีลูก นี่ไม่ใช่ความผิดของเขาสักหน่อย’
‘ใช่ มันไม่ใช่ความผิดของเขาเลย เขาถูกยั่วยวนจนห้ามใจไม่อยู่’
“ใช่ ข้าขี้เซาน่ะ” หนิงเมิ่งเหยาตอบเสียงแหบ
“ไม่เป็นไร เจ้าเป็นคนมีเหตุผล ที่นั่นทำให้ข้าเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายนัก” หยางเล่อเล่อเริ่มพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่น
และแล้วช่วงเวลาสั้นๆ นั้น นางจึงเล่าเรื่องราวให้อีกฝ่ายรับฟัง ทำให้หนิงเมิ่งเหยาเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าตลอดช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา หยางเล่อเล่อผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง
หยางเล่อเล่อเป็นคนมีพรสวรรค์ หัวไว และเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เร็ว งานปักผ้าของนางค่อนข้างมีชื่อเสียง ผู้คนบางกลุ่มถึงกับขอร้องให้นางเย็บปักผ้าให้ ทำให้หยางเล่อเล่อรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
สองวันต่อมา เหลยอันก็แอบเข้ามาตรงประตูทางเข้าลานบ้านของหนิงเมิ่งเหยา
หญิงสาวตกใจเมื่อเห็นเหลยอัน “เข้ามาสิ”
“พี่สะใภ้ นายท่านไม่อยู่หรือขอรับ” เหลยอันหดคอขณะมองเข้าไปด้านใน ราวกับว่ามีสิ่งที่น่าหวาดกลัวอยู่ในนี้
หนิงเมิ่งเหยามองอีกฝ่ายพลางรู้สึกขบขัน “เทียนช่างน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ”
เหลยอันถอนหายใจอย่างโล่งอก “พี่สะใภ้ มีแต่ท่านเท่านั้นที่รู้สึกว่านายท่านไม่น่ากลัว เขาคือปีศาจร้าย”
เฉียวเทียนช่างเพิ่งกลับ และได้ยินว่าเหลยอันกำลังพูดนินทาเขาอยู่พอดี
“ดูเหมือนว่าข้าจะเป็นปีศาจร้ายสำหรับเจ้าสินะ”
เมื่อเหลยอันได้ยินน้ำเสียงอันคุ้นเคย ก็รู้สึกผวาอย่างยิ่ง ก่อนจะหันมามองชายหนุ่มอย่างระแวดระวัง “นายท่าน ข้าผิดไปแล้วจริงๆ ขอรับ”
“บอกมาว่าเจ้ามาทำอะไรที่นี่”
เหลยอันมองเฉียวเทียนช่าง พลางรู้สึกว่าตนเองกำลังร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา “เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ผู้สำเร็จราชการไปที่จวนของแม่ทัพตั้งแต่เช้าตรู่ กว่าจะยอมออกมาก็เมื่อค่ำแล้วเท่านั้น เขาทำเช่นนี้ทุกวันเลยขอรับ”
“แล้วมีอะไรหรือ”
“แค่นั้นขอรับ” เหลยอันตอบอย่างตรงไปตรงมา
แม้ว่าหนานกงเยี่ยนไม่พูดอะไร แต่พวกเขาก็รับรู้ได้จากสีหน้าของเขาที่แสดงความผิดหวังออกมาชัดเจนมากขึ้นทุกวัน เขาคงคิดว่านางจะไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว
ยิ่งกว่านั้น ทูตจากเมืองหลิงก็มาถึงแล้ว และพี่สะใภ้ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ดังนั้นทั้งนายท่านและพี่สะใภ้จึงต้องกลับไปแสดงตัว
“บอกความจริงข้ามา”
“ขอรับ คือทูตจากเมืองหลิงเดินทางมาถึงแล้ว ฮ่องเต้บอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับพวกท่านทั้งสองคน ดังนั้นพวกท่านจึงจำเป็นต้องกลับไปขอรับ” หลังจากเอ่ยตอบอย่างรวดเร็ว เหลยอันก็ถอยหลังไปสองสามก้าว
เขากลัวจริงๆ ว่าตนเองจะกลายเป็นอาหารสัตว์ของคนทั้งสอง
บทที่ 328 ไม่ช้าก็เร็ว เราก็ต้องกลับไป
เฉียวเทียนช่างขมวดคิ้ว เดิมทีนั้น เขาคิดจะพาหนิงเมิ่งเหยากลับไปหลังจากที่คนจากเมืองหลิงมาถึงอยู่แล้ว แต่ทว่าเขากลับเพลิดเพลินและมีความสุขอยู่ที่นี่ จนหลงลืมเรื่องนี้ไป
หนิงเมิ่งเหยามองชายหนุ่ม นางลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเช่นกัน
หญิงสาวจับจมูกของตนก่อนยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ดูเหมือนว่าพวกเราจะลืมเรื่องนี้ไปเลย”
เหลยอันแทบจะล้มทั้งยืน ก่อนมองนางอย่างไม่อยากเชื่อ ‘ผู้คนที่นั่นต่างกำลังว้าวุ่นใจ แต่นางกลับลืมเรื่องนี้จริงๆ น่ะหรือ’
“พี่สะใภ้ ท่านมักจะทำให้ผู้คนตะลึงงันได้เสมอ” เหลยอันไม่รู้จะพูดเช่นไร
“เหยาเหยา” เฉียวเทียนช่างหันไปมองหญิงสาวด้วยแววตาแห่งความรู้สึกผิดและไร้ทางเลือก
หนิงเมิ่งเหยายิ้ม “ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้ เราเดินทางกลับกันเถอะ”
“เจ้าแน่ใจหรือ”
“ใช่ ไม่ช้าก็เร็ว เราจะต้องกลับไปอยู่ดี ข้าไม่เป็นไรหรอก” หนิงเมิ่งเหยารู้ดีว่าเฉียวเทียนช่างกังวลเรื่องอะไรอยู่
จากที่นั่นมาหลายวันแล้ว แต่ไม่ช้าก็เร็ว นางก็ต้องเผชิญหน้ากับมันอยู่ดี เมื่อคิดดูแล้ว หนานกงเยี่ยนเองก็เป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเช่นกัน การรับฟังเขาก็คงไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาคิดเช่นนั้น นางจึงไม่รู้สึกต่อต้านอีก และยินดีที่จะกลับไป
“ถ้าเช่นนั้น เราจะเดินทางกลับกันในวันพรุ่งนี้”
เหลยอันแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เขามาที่นี่ในครั้งนี้เพราะเรื่องดังกล่าว และระหว่างเดินทางนั้น เขาก็คิดไม่ตกว่าจะเกลี่ยกล่อมทั้งคู่ให้กลับไปเช่นไรดี แต่ดูเหมือนว่าความกังวลใจของเขานั้นจะสูญเปล่า
ช่วงบ่ายวันนั้น หยางเล่อเล่อแวะมาหาพร้อมกับใบหน้าแห่งความสุขใจเมื่อเห็นเหลยอัน “พี่ใหญ่เหลยอัน ท่านอยู่ที่นี่ด้วยหรือ”
“ใช่ ข้ามีเรื่องบางอย่าง จึงมาหานายท่านและพี่สะใภ้” เมื่อเหลยอันเห็นเด็กสาว เขาเองก็ยิ้มเช่นกัน
หลังจากได้ยินคำตอบ หยางเล่อเล่อก็ดูผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
หนิงเมิ่งเหยามองทั้งคู่สลับกันไปมา ก่อนจะร้อง ‘โอ้’ ทำให้หยางเล่อเล่อรู้สึกเคอะเขิน
“เหยาเหยา พรุ่งนี้ข้าจะไปแล้วนะ” หยางเล่อเล่อมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างอดไม่ได้ แม้จะอยากอยู่ต่ออีกสักสองสามวัน แต่นางก็มีเรื่องมากมายให้ต้องทำ จึงไม่อาจอยู่ต่อได้
“พรุ่งนี้พวกเราก็ต้องกลับเมืองหลวงเช่นกัน” หนิงเมิ่งเหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนบอกอีกฝ่าย
หยางเล่อเล่ออึ้งและมองหญิงสาว ก่อนจะพูดขึ้น “ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าจะต้องจากไป ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
“รู้แล้ว”
หญิงสาวทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหยางเล่อเล่อจึงจากไป และเหลยอันก็มองตามร่างของหญิงสาว แม้ว่านางกลับไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงมองดูอยู่เช่นนั้น
หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้วขึ้นขณะเห็นท่าทีของเหลยอัน ดูเหมือนว่าชายผู้นี้จะมีใจให้หยางเล่อเล่อ
“นางจากไปแล้ว แต่เจ้ายังคงชะเง้อหาอยู่หรือ” หญิงสาวแกล้งเย้าขณะเดินไปข้างๆ และพูดเสียงดังใส่หูของเขา
เหลยอันตกใจจนสะดุ้งโหยง ก่อนจะมองอีกฝ่ายราวกับอยากจะร้องไห้แต่น้ำตาไม่ยอมไหลริน “พี่สะใภ้ คนเราตกใจตายได้นะ”
“เจ้าชอบเล่อเล่อหรือ” หนิงเมิ่งเหยาถามอย่างตรงไปตรงมา
หลังจากได้ยินคำถามอันซื่อตรงของนาง เหลยอันก็หน้าแดงทันที ก่อนจะจับจมูกอย่างเขินอาย “ขอรับ แต่นางอาจจะไม่ชอบข้า”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่านางไม่ชอบเจ้า” หนิงเมิ่งเหยามองเหลยอัน ‘แววตาของหยางเล่อเล่อแสดงออกชัดเจนนัก แต่เขากลับคิดว่านางไม่ชอบ เขาคิดได้อย่างไรกัน’
เหลยอันยังคงเงียบและไม่ตอบอะไร หยางเล่อเล่อในตอนนี้ กับตอนที่พวกเขาพบกันครั้งแรกนั้น ช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ปัจจุบัน นางราวกับเป็นคุณหนูมาจากตระกูลผู้สูงศักดิ์ ทำให้เขารู้สึกด้อยค่านัก
หนิงเมิ่งเหยามองมองเหลยอันอย่างหมดคำพูด “ขอให้เจ้าโชคดีแล้วกัน”
เหลยอันมองพี่สะใภ้อย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเห็นว่านางเดินไปอีกฝั่งหนึ่ง และเขาก็รู้สึกเขินอายเกินกว่าจะถามต่อ จึงทำได้แค่มองดูนางเดินหนีไป
“นายท่าน พี่สะใภ้หมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ”
“คิดเอาเองสิ” เฉียวเทียนช่างเมินเฉยต่อเหลยอัน ก่อนจะหมุนตัวจากไปเช่นกัน
เหลยอันเกาศีรษะอย่างซื่อบื้อ เขาไม่รู้ว่าตนเองทำให้ทั้งสองคนขุ่นเคืองใจอะไร จึงไม่ยอมอธิบายความให้เขาเข้าใจเช่นนี้
หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะขณะมองเหลยอันที่ทำตัวโง่งม ดูเหมือนว่าชายผู้นี้จะต้องใช้เวลาหาภรรยาอีกนานทีเดียว
“ปกติแล้ว เหลยอันค่อนข้างเฉลียวฉลาดนะ” ‘แต่กลายเป็นคนโง่เขลาในช่วงเวลาสำคัญไปได้อย่างไร’