บทที่ 329 รับชมละครเรื่องนี้ต่อ + บทที่ 330 กลับเมืองหลวง

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 329 รับชมละครเรื่องนี้ต่อ

เฉียวเทียนช่างมองเหลยอันที่ยังสับสนในใจอย่างเงียบๆ ทัศนคติที่ตระกูลหยางมีต่อเหลยอันนั้นดีทีเดียว นอกจากนี้ ความรู้สึกของหยางเล่อเล่อก็ชัดเจนมากเช่นกัน แต่เหลยอันกลับคิดว่านางไม่ชอบเขา และคิดว่าตระกูลหยางดีกับเขาเพียงเพราะว่าเขาช่วยหยางเล่อเล่อเอาไว้เท่านั้น

‘ช่างทึ่มนัก พวกเขารอดูละครเรื่องนี้ต่อดีกว่า’

“อย่ากังวลใจเรื่องเขาเลย เราจะช่วย จนกว่าเขาจะรู้ตัว” เฉียวเทียนช่างเอ่ยอย่างไม่อ่อนโยนนัก

หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะเบาๆ “แต่เขาเป็นน้องชายของเจ้านะ”

“แล้วทำไมรึ” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว

หญิงสาวหันหน้าหนีอย่างเงียบๆ ก่อนจะรู้สึกว่าเหลยอันช่างน่าสงสาร เหอะๆ เขาโชคร้ายเหลือเกินที่มีเจ้านายเช่นนี้

แน่นอนว่าเหลยอันไม่รู้ว่าเจ้านายที่เขาเชิดชูนั้น นอกจากจะไม่ช่วยเขาเรื่องหาคู่แล้ว ยังเหยียบซ้ำตอนที่เขาล้มลงอีกต่างหาก หากเขารู้ คงจะเศร้าใจเป็นแน่

หยางเล่อเล่อกลับมา พร้อมความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ‘ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ชอบนางจริงๆ มิเช่นนั้น ทำไมเขาถึงไม่แสดงท่าทีหลงใหลนางเลยสักนิด’

หยางเล่อเล่อคิดเช่นนี้ จึงรู้สึกว่านางควรหยุดพักเรื่องนี้ไว้ก่อน จะได้ไม่ทำให้คนอื่นๆ ต้องเดือดร้อน

หนิงเมิ่งเหยามุ่งหน้าไปยังบ้านของหยางจู้ในตอนกลางคืน เพื่อบอกพวกเขาว่าตนจะกลับในวันรุ่งขึ้น แต่นางสังเกตเห็นว่าหยางเล่อเล่อดูผิดปกติไป ดวงตาของนางไร้ชีวิตชีวาราวกับกำลังตรอมใจ

หญิงสาวเข้าใจได้ทันทีว่าหยางเล่อเล่อคงคิดว่าเหลยอันไม่ได้ชอบนาง และกำลังจะยอมแพ้

เมื่อหนิงเมิ่งเหยาคิดถึงคนทึ่มนามว่าเหลยอันแล้ว นางก็ส่ายศีรษะอย่างหมดคำพูด

‘ทั้งสองนี่จริงๆ เชียว…’ แม้ว่าหญิงสาวอยากเป็นเพียงผู้ชมละครเรื่องนี้เท่านั้น แต่นางก็ไม่อาจปล่อยให้หยางเล่อเล่อเศร้าใจได้ “เล่อเล่อ เป็นอะไรหรือ”

หยางเล่อเล่อหันหน้ามองอีกฝ่ายอย่างงุนงง “เหยาเหยา เจ้าพูดว่าอะไรนะ”

“ข้าถามว่าเจ้าเป็นอะไร คิดอะไรอยู่หรือ” หนิงเมิ่งเหยามองหยางเล่อเล่อที่ดูท้อแท้ พลางรู้สึกว่าต้องคุยกับนาง

มิเช่นนั้น นางจะไม่มีสมาธิเลยตอนที่กลับไปทำงาน

“ข้าไม่เป็นไร” หยางเล่อเล่อยิ้ม

หนิงเมิ่งเหยาจ้องมองอีกฝ่าย “รอยยิ้มนั้นดูบูดเบี้ยวยิ่งกว่าตอนที่เจ้าร้องไห้เสียอีก แล้วยังจะมาบอกว่าสบายดีอีกหรือ”

หยางเล่อเล่อจับใบหน้าของตนอย่างลืมตัว ‘มันบูดเบี้ยวจริงหรือ’

“ไปเดินเล่นข้างนอกกับข้าเถอะ” หญิงสาวพาหยางเล่อเล่อไปตรงเชิงเขาโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธหรือไม่จากนั้นพวกนางจึงมองดูต้นไม้ใบหญ้าสีเหลืองทองด้านล่าง ตอนนี้ใกล้ถึงฤดูเก็บเกี่ยวของช่วงใบไม้ร่วงแล้ว และปีนี้ หมู่บ้านน่าจะมีผลผลิตทางการเกษตรเยอะแยะมากมาย

หยางเล่อเล่อยืนข้างหนิงเมิ่งเหยา “เหยาเหยา ข้า…”

“เอาเถอะ บอกมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น มีเรื่องที่เราสองคนพูดคุยกันไม่ได้ด้วยหรือ” หลังจากเห็นว่าอีกฝ่ายลังเล หนิงเมิ่งเหยาจึงเอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว

หยางเล่อเล่ออ้าปากค้าง ก่อนจะพยักหน้าในที่สุด “ข้ารู้สึกว่าเหลยอันไม่ชอบข้า”

“แล้วเจ้าชอบเหลยอันไหม”

“ข้าชอบเขา แต่เขาไม่ชอบข้า” หยางเล่อเล่อก้มหน้าอย่างผิดหวัง ทุกครั้งที่นางเห็นเฉียวเทียนช่างและหนิงเมิ่งเหยามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน นางก็อยากจะมีความสัมพันธ์แบบนั้นด้วยเช่นกัน

เด็กสาวทุกคน ล้วนแล้วแต่มีวีรบุรุษอยู่ในใจ ตั้งแต่เหลยอันช่วยหยางเล่อเล่อเอาไว้ ภาพแผ่นหลังของเขาตอนที่ปกป้องนางนั้น ก็ตราตรึงอยู่ในใจของหยางเล่อเล่ออย่างลึกล้ำ

นางรู้ว่าตนเองไม่โดดเด่นนัก จึงตั้งใจศึกษาเล่าเรียนอย่างมาก แต่ก็ไม่เป็นผล

หนิงเมิ่งเหยามองหยางเล่อเล่อที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง “เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าเขาไม่ชอบ เจ้าเคยถามเขาแล้วหรือ”

หยางเล่อเล่อตกตะลึง “ไม่เคย”

“ในเมื่อเจ้าไม่เคยถาม แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเขาชอบหรือไม่ชอบเจ้ากันแน่” หนิงเมิ่งเหยามองหยางเล่อเล่อ ก่อนเอ่ยถามอย่างจริงจัง

เด็กสาวอึกอักและมองคนตรงหน้า

นางไม่เคยถามเขามาก่อนจริงๆ

“แต่…”

“เจ้าต้องเป็นคนตามหาความสุขของตนเองนะ เจ้ายอมแพ้ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ถาม เล่อเล่อ เจ้าอยากให้มันเป็นเช่นนี้จริงๆ หรือ” ความสัมพันธ์ก็เป็นเช่นนี้ หากขี้ขลาด ก็อาจจะเสียโอกาสที่จะมีความสุขสมหวังไปตลอดชีวิต

หยางเล่อเล่อยังคงเงียบ และไม่ตอบอะไร

หนิงเมิ่งเหยาไม่อยากเห็นนางในสภาพแบบนี้ จึงยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ลองใคร่ครวญดูให้ดี เจ้ายังเด็กนัก ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำ”

“เข้าใจแล้ว” หยางเล่อเล่อพยักหน้า หนิงเมิ่งเหยาพูดถูก นางไม่อยากยอมแพ้ โดยที่ยังไม่ได้พยายามลงมือทำอะไรเลย

บทที่ 330 กลับเมืองหลวง

เมื่อเห็นหยางเล่อเล่อคิดได้ หนิงเมิ่งเหยาก็โล่งใจ“ถ้าเช่นนั้นก็กลับบ้านกัน พรุ่งนี้เจ้าจะต้องเดินทางแล้ว ควรจะพักผ่อนให้เพียงพอ”

“ได้ เจ้าด้วยนะ ครั้งหน้า ข้าจะไปเยี่ยมเจ้าใหม่”

“ได้เลย”

หญิงสาวทั้งสองคนเดินลงเขา แล้วหยางเล่อเล่อก็ตรงดิ่งกลับไปที่บ้านของตน เมื่อหนิงเมิ่งเหยาเห็นอีกฝ่ายจากไป ก็หัวเราะก่อนพูดขึ้นว่า “เหลยอันเอ๋ย เหลยอัน ข้าช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้”

เมื่อหญิงสาวกลับถึงบ้าน ก็พบว่าเหลยอันจากไปแล้ว ทำให้นางพูดไม่ออก ‘นางยุ่งเรื่องคนอื่นเกินไปหรือนี่’

ทว่า ต่อจากนี้ไป ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะพัฒนาไปในทิศทางไหน ก็ไม่เกี่ยวกับนางอีกแล้ว

หนิงเมิ่งเหยายืนตรงประตูทางเข้าก่อนมองหมู่บ้านขนาดเล็กแต่เงียบสงบแห่งนี้ ก่อนจะยิ้มอย่างบางเบา

คืนนั้น หลังจากที่หญิงสาวหลับ เฉียวเทียนช่างก็ลุกจากเตียงเงียบๆ แล้วยื่นเอกสารกองหนึ่งให้กับเจี่ยงเฉวียน จากนั้นก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งก้านธูปเพื่อพูดคุยกับชายชราในห้องหนังสือ ก่อนจะกลับเข้าห้องนอนไป

และแล้ว หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างก็จากไปเมื่อแสงอรุณรุ่งของเช้าวันใหม่เปล่งประกาย

หลังจากทั้งคู่จากไป เจี่ยงเฉวียนก็นำเอากระดาษที่ชายหนุ่มมอบไว้ให้ก่อนหน้านี้ออกมา รอยยิ้มของเขาลึกขึ้นเมื่อมองภาพวาดบนกระดาษ ‘เมื่อถึงเวลา คุณหนูจะต้องมีความสุขอย่างมากเป็นแน่’

พวกเขาเดินทางอย่างเร่งรีบเพื่อจะกลับไปให้ถึงเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด และทั้งสองก็ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงสองวัน

หนิงเมิ่งเหยาเหม่อลอยเมื่อเห็นประตูเมือง นางรู้สึกราวกับไม่ได้กลับมาที่นี่เป็นเวลานาน ทั้งที่จริงแล้ว มันเพิ่งจะผ่านไปไม่ถึงครึ่งเดือนด้วยซ้ำ

ทันทีที่สองสามีภรรยากลับไปที่จวนแม่ทัพ หนานกงเยี่ยนที่อยู่ในวังหลวงก็ได้รู้ข่าวเรียบร้อยแล้ว

“ดีมาก ในที่สุดพวกเขาก็กลับมา!” เขารู้สึกกังวลเป็นเวลากว่าสิบวัน และกลัวว่าหนิงเมิ่งเหยาจะไม่ยอมรับในตัวเขา ‘แต่ตอนนี้มีข่าวดี คือนางกลับมาแล้ว หมายความว่านางเต็มใจยอมรับเขาแล้วใช่ไหม’

หนานกงเยี่ยนคิดเช่นนั้น จึงอยากจะมุ่งหน้าไปยังจวนแม่ทัพทันที แต่เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว เขาจึงต้องข่มความตื่นเต้นในใจเอาไว้ ทว่าตลอดทั้งคืนนั้น เขากลับนอนไม่หลับเลยสักนิด เพราะมัวแต่เดินเข้าเดินออกห้องอยู่ตลอด คิดแต่เพียงว่า จะมุ่งหน้าไปยังจวนของแม่ทัพในตอนรุ่งสาง

เซียวชวี่เฟิงถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินว่าทั้งสองคนกลับมาแล้ว

ในตอนแรก ทุกอย่างยังคงปกติดี แต่หนานกงเยี่ยนไม่ได้รู้สึกดีมากนักยิ่งวันเวลาผ่านไป ท่าทีของเขาก็ยิ่งถมึงทึงและอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็ไม่ไปเฝ้ารออยู่ที่จวนแม่ทัพอีกต่อไป ทว่า หนานกงเยี่ยนกลับไปหาเขาที่วังหลวงแทน

แม้ว่าหนานกงเยี่ยนจะไม่ได้ทำอะไร แต่แววตาอันร้อนใจนั้นก็ทำให้เขาลำบากใจจริงๆ

วันต่อมา เมื่อท้องฟ้าเพิ่งจะเริ่มส่องแสง หนานกงเยี่ยนก็นำของขวัญล้ำค่ามากมายไปยังจวนแม่ทัพ

เมื่อเหลยอันเห็นชายผู้นี้ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า ก็รู้สึกว่าศีรษะของตนหนักอึ้ง “ท่านผู้สำเร็จราชการขอรับ นายหญิงของพวกเรายังพักผ่อนอยู่ด้านในขอรับ”

“ไม่เป็นไร ข้ารอได้”

จริงๆ แล้วเหลยอันต้องการขอให้เขากลับไปก่อน แต่ใครจะรู้ว่าผู้สำเร็จราชการผู้นี้จะบอกว่า ‘ไม่เป็นไร’ เล่า

เหลยอันหัวเราะเยาะอยู่ในใจสักพักหนึ่ง ผู้ที่มาเยือนนั้นคือแขก เขาจึงไม่อาจไล่ผู้คนออกไปได้จริงไหม ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพาแขกผู้นี้ไปยังเรือนหลัก และดูแลรับใช้อย่างระมัดระวัง

หนานกงเยี่ยนนั่งรอตั้งแต่รุ่งสางจนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น เขาดื่มชาไปหลายแก้ว แต่ทว่าเฉียวเทียนช่างและหนิงเมิ่งเหยาก็ยังไม่ตื่น

หนานกงเยี่ยนดูเวลา แล้วรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย ‘เขามาถึงเช้าเกินไป หรือพวกเขาทั้งคู่เป็นคนตื่นสายกันนะ’

เมื่อคืนนี้ ทั้งสองคนนอนดึกมาก แต่ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมา ในช่วงเวลาที่หนานกงเยี่ยนเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจพอดี

หลังจากทั้งสองอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เดินออกมา ก่อนจะเห็นเหลยอันมองพวกเขาด้วยดวงตาที่มีน้ำตาแห่งความตื่นเต้นคลอ

“เจ้ามองหาอะไรกัน” เฉียวเทียนช่างมองเหลยอันอย่างรังเกียจและขมวดคิ้วอย่างดุร้าย ‘วันนี้ชายผู้นี้ออกไปข้างนอกโดยไม่กินยาหรืออย่างไร’

เหลยอันจ้องมองเฉียวเทียนช่างที่ดูรังเกียจเขาอย่างเงียบๆ “นายท่านขอรับ หนานกงเยี่ยนมาที่นี่ตั้งแต่รุ่งสาง เขามารอนานกว่าสองชั่วยามแล้วขอรับ”

หนิงเมิ่งเหยาที่กำลังทานอาหารอยู่นั้นชะงักไปทันที ก่อนจะมองเหลยอัน เมื่อหญิงสาวได้ยินคำพูดของเขา ก็รู้สึกว่าตนเองไม่อยากจะพบเจอหนานกงเยี่ยนนัก

เฉียวเทียนช่างหรี่ตา พลางขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจนัก “ทำไมเขาต้องมาที่นี่แต่เช้าตรู่ด้วย”

‘การรบกวนผู้อื่นที่กำลังนอนฝันหวานตั้งแต่เช้าตรู่มันเป็นเรื่องที่ดีหรืออย่างไร แต่เขามาเพื่อรบกวนการนอนหลับจริงๆ น่ะหรือ แน่นอนว่าไม่ใช่’

เหลยอันหัวเราะอย่างขมขื่น พลางเห็นว่าทั้งสองคนไม่มีทีท่าจะออกไปดู “นายท่านขอรับ พวกท่านออกไปพบเขาหน่อยดีไหมขอรับ”

เฉียวเทียนช่างเมินเฉยต่อเหลยอัน ก่อนจะหันไปมองหนิงเมิ่งเหยา “เจ้าอยากออกไปดูหน่อยไหม”